xs
xsm
sm
md
lg

อำลายอดกัปตัน “มัลดินี” กับ 5 แมตช์ สุดประทับใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เปาโล มัลดินี ยอดผู้เล่นระดับตำนานอย่างแท้จริง
(โกล) เว็บไซต์ฟุตบอลชื่อดัง รวบรวม 5 เหตุการณ์ประทับใจของ เปาโล มัลดินี ยอดกองหลังระดับตำนานของทีม เอซีมิลาน ยักษ์ใหญ่ในศึก กัลโช เซเรีย อา อิตาลี โดยเริ่มตั้งแต่สมัยลงสนามนัดแรกจนถึงคว้าแชมป์ยุโรปกับทีมครั้งสุดท้าย และอีกหลายเหตุการณ์สำคัญที่น่าจดจำในชีวิตการลงสนามของปราการหลังระดับโลกรายนี้

หลังจากที่ เปาโล มัลดินี อดีตปราการหลังทีมชาติอิตาลี วัย 40 ปี ลงเล่นให้ เอซี มิลาน เป็นนัดสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากรับใช้สโมสรแห่งนี้มายาวนานถึง 25 ปี (1 ใน 4 ของศตวรรษ) ลงสนามไปทั้งหมด 902 นัด โดยแมตช์ สุดท้ายเขาอำลาสนามด้วยการพา มิลาน บุกไปอัด “ม่วงมหากาฬ” ฟิออเรนตินา 2-0 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พาทีม คว้าอันดับ 3 ของตารางเซเรีย อา อิตาลี ได้สิทธิไปเล่นในศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีกได้สำเร็จ เว็บไซด์กีฬาชื่อดัง ได้รวบรวมแมตช์ประทับใจในชีวิตการค้าแข้งของตำนานกองหลังหมายเลข 3 ไว้ 5 อันดับด้วยกัน

อันดับ 5 ลงสนามนัดแรก
มัลดินีลงเล่นให้กับทีมนัดแรกด้วยวัยเพียง 16 ปี ในเกม ที่ไปเยือนสนาม ฟริอูลี ที่ เมืองอูดิเน่ เป็นเกมพบกันระหว่าง อูดิเนเซ กับ มิลาน (1-1) ซึ่งโค้ชของมิลาน ในตอนนั้นคือ นีล ลีดโฮล์ม ซึ่งคุมทีม อยู่ในปี 1985 กำลังจะส่งมัลดินี ลงสนามเป็นตัวสำรอง โดยออกปากถามก่อนที่จะส่งลงสนามว่า "เปาโล แกต้องการเล่นตำแหน่งไหน ซ้ายหรือขวา ?ซึ่งเวลานั้นมัลดินี อายุเพียง 16 ปี ตอบกลับไปว่า "ผมให้โค้ชเป็นคนตัดสินใจครับ" มัลดินีถูกเปลี่ยนตัวแทน เเซร์โจ บัตติสตินี ในครึ่งเวลาหลัง วันนั้นถือเป็นวันแจ้งเกิดของยอดกัปตันเลยก็ว่าได้

อันดับ 4 เบิ้ลสองประตูให้มิลาน
เกมในแมตช์นี้ มัลดินี เป็นคนทำทั้ง 2 ประตูพาทีมเอาชนะเรจจินาได้ 2-1 ในปี 2005 หลังจากทำประตูในลีกไม่ได้มา 3 ฤดูกาลติดต่อกัน โดยใช้เวลาเพียง 20นาทีเท่านั้น โดยประตูแรกเขาแตะหลบ จาโคโม เทเดสโก และยิงผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไป ส่วนประตูที่ 2 "น้ามัล" พังประตูจากลูกขึ้นโขก จากลูกเปิดมุมของ รุย คอสต้า กองกลางจอมคลาสสิก ชาวโปรตุเกส

อันดับ 3 ได้แชมป์ลีก(สคูเดตโต) ครั้งแรก
ในปี 1987-1988 ช่วงนั้นถือเป็นยุคทองของ ดิเอโก มาราโดนา กับ นาโปลี โดยช่วงปลายฤดูกาล ยอดทีมจากเมือง เนเปิล ทำแต้มนำมิลานอยู่ 4 คะแนนโดยเหลืออีกเพียง 5 เกมเท่านั้น แต่ มิลาน ก็โชว์ศักยภาพออกมาด้วยการเอาชนะทั้ง โรมา และ อินเตอร์ก่อน ก่อนจะบดเอาชนะนาโปลีของเสือเตี้ยได้ แซงคว้าแชมป์ไปอย่างหวุดหวิด โดยมัลดินี ช่วงนั้นมีอายุเพียง 19ปีเท่านั้น ลงสนามไป 26 เกม ด้วยกัน

อันดับ 2 ถล่ม บาร์เซโลนา นัดชิงบอลยุโรป
ในช่วงปี 1994 ปีศาจแดง-ดำ มีฟาบิโอ คาเปลโล ยอดกุนซือคุมทัพอยู่ โดยพามิลานเข้าชิงเป็นปีที่ 2ติดต่อกัน โดยหวังที่จะลืมภาพที่แพ้ โอลิมปิก มาร์กเซย ในรอบชิงที่ มิวนิค ครั้งก่อนให้ได้ ซึ่งปีศาจแดงดำก็ประสบความสำเร็จ เอาชนะ "เจ้าบุญทุ่ม" ที่มี โยฮัน ครัฟ คุมทีมอยู่ไปอย่างถล่มถลาย 4-0 ซึ่งวันนั้นมิลานเล่นกันได้อย่างสุดยอดทั้งๆที่ขาด ฟรังโก บาเรซี กองหลังตัวสำคัญที่ติดโทษแบน โดยได้ 2ประตูจาก ดานิเอเล มาสซาโร,เดยัน ซาวิเซวิช และมาร์กแซล เดอไซญี่ ซึ่งมัลดินี่วันนั้นยืนเป็นแบ๊กซ้ายเป็นส่วนหนึ่งของทีมในการพาทีมเถลิงแชมป์ยุโรปสมัยที่ 5 อย่างยิ่งใหญ่

อันดับที่ 1 สั่งลา แชมเปียนส์ ลีก ครั้งสุดท้าย
เกิดขึ้นในนัดชิงบอลยุโรปกับ ลิเวอร์พูล ที่ กรุง เอเธนส์ วันนั้นมัลดินีที่มีวัย 38 ปี พาทีมผลาดเป็นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 7 และถือเป็นสมัยที่ 5ของเจ้าตัว ด้วยการเอาชนะ"หงส์แดง" ไป 2-1 จาก ฟิลิปโป อินซากี้ ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม ทั้ง 2 ลูก ล้างแค้นทีมอดีตแชมป์ยุโรป 5 สมัย ที่เคยทำแสบไว้ที่กรุง อิสตันบูล ได้สำเร็จ

ทั้งนี้มัลดินี คว้าแชมป์กับมิลาน มาทั้งหมดแล้ว ทั้งสคูเด๊ตโต้, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, แชมป์สโมสรโลก, แชมป์โคปปา อิตาเลีย โดยเฉพาะแชมป์เซเรีย อาเขาคว้ามาแล้วถึง 7 สมัย และ ถือเป็นเป็นแบบอย่างที่ดีของนักเตะรุ่นหลังในทุกๆ ทาง ทั้งความเป็นมืออาชีพ การรักษาสภาพร่างกายและจิตใจให้พร้อมลงเล่นเสมอ ทักษะในเชิงลูกหนัง การประพฤติปฏิบัติตัวทั้งในและนอกสนาม

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทำให้มิลานเตรียมประกาศรีไทร์เสื้อหมายเลข 3 เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา และเป็นการตอบแทนที่รับใช้ทีมอย่างซื่อสัตย์มาตลอด 24 ปี อันทำให้เขากลายเป็นขุนพลรอสโซเนรีคนที่ 2 ต่อจาก ฟรังโก้ บาเรซี ตำนานกองหลังของทีมที่ได้รับการรีไทร์เสื้อหมายเลข 6 ในปี 1996แม้จะเป็นแชมป์ทุกรายการกว่า 23 ถ้วย แต่น่าเสียดายที่มัลดินีไม่เคยได้สัมผัสความสำเร็จกับทีมชาติเลยจนวันที่อำลาทัพอัซซูรี่อย่างเป็นทางการหลังจบเวิลด์คัพ 2002
กำลังโหลดความคิดเห็น