กุส ฮิดดิงก์ สุดปลื้มสปิริต เชลซี ที่สามารถกลับมาคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ ขณะที่ เดวิด มอยส์ ชูแข้ง “สิงห์บลูส์” เหนือกว่า “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ของเขาจริงๆ
เชลซี ยอดทีมแห่งมหานครลอนดอน เถลิงแชมป์เอฟเอ คัพ ประจำฤดูกาล 2008/09 เป็นการทิ้งทวนให้ กุส ฮิดดิงก์ กุนซือชาวดัตช์ที่อำลาตำแหน่งไป หลังพลิกสถานการณ์กลับมาบด เอฟเวอร์ตัน 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
โดย หลุยส์ ซาฮา ทำประตูประวัติศาสตร์ตั้งแต่ 25 วินาทีแรกให้ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” นำเร็ว แต่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา หัวหอกตัวแกร่งโขกตีเสมอในนาทีที่ 21 ก่อนที่ครึ่งหลัง แฟรงค์ แลมพาร์ด ตะบันด้วยซ้ายส่งลูกหนังเสียบตาข่ายนาทีที่ 72 เป็นประตูชัยให้ “สิงห์บลูส์” คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 5 มาครอง
ภายหลังการแข่งขัน ฮิดดิงก์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อ “เชลซี เป็นทีมที่มีความกระหายยิ่ง นี่คือหนึ่งในจุดแข็งของเรา นักเตะทุกคนรู้ว่าต้องมีปฏิกิริยาอย่างไรหลังโดนนำ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงชอบพวกเขา ไม่ใช่แค่หน้าที่การงาน มันมีอะไรที่มากกว่านั้น การมาคุมทีมนี้ถือเป็นการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่สำหรับผมก็ว่าได้ และการชนะถ้วยที่เก่าแก่ถือเป็นสิ่งที่วิเศษยิ่ง”
ด้าน ดร็อกบา กล่าวบ้าง “ผมดีใจเป็นที่สุด เราเล่นกันอย่างสุดกำลัง เพราะเราต้องการแชมป์ในฤดูกาลนี้ เราแค่เชื่อในความคาดหวังของตัวเอง กุส ฮิดดิงก์ ส่งถ่ายเรื่องดังกล่าวมาให้เรา”
ส่วน แลมพาร์ด เผยเช่นกัน “เราแสดงให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริง จัดการแมตช์การแข่งขันได้หลังจบครึ่งแรก ประตูแห่งชัยชนะเป็นเกียรติให้แก่คุณพ่อของผม เป็นการฉลองเหมือนกับที่เขาทำประตูได้ ส่วนคุณแม่ของผม ท่านเองก็คงดีใจเช่นกัน”
ทางฝั่งของ เดวิด มอยส์ ให้สัมภาษณ์ด้วย “เมื่อมองกลับไป ผมมีความสุขยิ่งที่เรามาถึงในนัดชิงชนะเลิศ เพียงแต่วันนี้ เชลซี เป็นทีมที่ดีกว่า ผมคงไม่โต้เถียงในจุดนี้ ส่วน แลมพาร์ด ก็เป็นสุดยอดนักเตะ ทำประตูสำคัญในวันนี้ แม้ผมมองว่าเราเล่นได้ดีก่อนจะเสียประตู แต่มีส่วนต่างที่เกิดขึ้นในสนาม อย่างไรก็ตาม เมื่อปีก่อนเราเข้ารอบรองชนะเลิศ (คาร์ลิง คัพ) มาคราวนี้ เอฟเวอร์ตัน ถึงรอบชิงชนะเลิศ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ถือว่าเรามีพัฒนาการ”
เชลซี ยอดทีมแห่งมหานครลอนดอน เถลิงแชมป์เอฟเอ คัพ ประจำฤดูกาล 2008/09 เป็นการทิ้งทวนให้ กุส ฮิดดิงก์ กุนซือชาวดัตช์ที่อำลาตำแหน่งไป หลังพลิกสถานการณ์กลับมาบด เอฟเวอร์ตัน 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
โดย หลุยส์ ซาฮา ทำประตูประวัติศาสตร์ตั้งแต่ 25 วินาทีแรกให้ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” นำเร็ว แต่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา หัวหอกตัวแกร่งโขกตีเสมอในนาทีที่ 21 ก่อนที่ครึ่งหลัง แฟรงค์ แลมพาร์ด ตะบันด้วยซ้ายส่งลูกหนังเสียบตาข่ายนาทีที่ 72 เป็นประตูชัยให้ “สิงห์บลูส์” คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 5 มาครอง
ภายหลังการแข่งขัน ฮิดดิงก์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อ “เชลซี เป็นทีมที่มีความกระหายยิ่ง นี่คือหนึ่งในจุดแข็งของเรา นักเตะทุกคนรู้ว่าต้องมีปฏิกิริยาอย่างไรหลังโดนนำ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงชอบพวกเขา ไม่ใช่แค่หน้าที่การงาน มันมีอะไรที่มากกว่านั้น การมาคุมทีมนี้ถือเป็นการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่สำหรับผมก็ว่าได้ และการชนะถ้วยที่เก่าแก่ถือเป็นสิ่งที่วิเศษยิ่ง”
ด้าน ดร็อกบา กล่าวบ้าง “ผมดีใจเป็นที่สุด เราเล่นกันอย่างสุดกำลัง เพราะเราต้องการแชมป์ในฤดูกาลนี้ เราแค่เชื่อในความคาดหวังของตัวเอง กุส ฮิดดิงก์ ส่งถ่ายเรื่องดังกล่าวมาให้เรา”
ส่วน แลมพาร์ด เผยเช่นกัน “เราแสดงให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริง จัดการแมตช์การแข่งขันได้หลังจบครึ่งแรก ประตูแห่งชัยชนะเป็นเกียรติให้แก่คุณพ่อของผม เป็นการฉลองเหมือนกับที่เขาทำประตูได้ ส่วนคุณแม่ของผม ท่านเองก็คงดีใจเช่นกัน”
ทางฝั่งของ เดวิด มอยส์ ให้สัมภาษณ์ด้วย “เมื่อมองกลับไป ผมมีความสุขยิ่งที่เรามาถึงในนัดชิงชนะเลิศ เพียงแต่วันนี้ เชลซี เป็นทีมที่ดีกว่า ผมคงไม่โต้เถียงในจุดนี้ ส่วน แลมพาร์ด ก็เป็นสุดยอดนักเตะ ทำประตูสำคัญในวันนี้ แม้ผมมองว่าเราเล่นได้ดีก่อนจะเสียประตู แต่มีส่วนต่างที่เกิดขึ้นในสนาม อย่างไรก็ตาม เมื่อปีก่อนเราเข้ารอบรองชนะเลิศ (คาร์ลิง คัพ) มาคราวนี้ เอฟเวอร์ตัน ถึงรอบชิงชนะเลิศ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ถือว่าเรามีพัฒนาการ”
