แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โยนความกดดันให้ ลิเวอร์พูล ในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ด้วยการเปิดบ้านสอนเชิง ปอร์ทสมัธ นิ่มๆ 2-0 ฉีกหนีออกไป 3 แต้ม ส่วน เชลซี ส่อหลุดวงโคจรหลังเสมอ เอฟเวอร์ตัน 0-0
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ.2552
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2–0 ปอร์ทสมัธ
แมตช์ชี้ชะตาลุ้นแชมป์ซีซันนี้ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ลงโม่แข้งกับ ปอร์ทสมัธ เกมนี้เจ้าถิ่นกลับมาใช้ผู้เล่นชุดใหญ่อีกครั้ง แต่ให้ จอนนี อีแวนส์ ลงคุมแนวรับแทน ริโอ เฟอร์ดินานด์ ส่วน พอล สโคลส์ ลงรับใช้ทีมเป็นนัดที่ 600 ส่วนอาคันตุกะไม่มี นิโก ครานชาร์ ที่บาดเจ็บลงปั้นเกม ขณะที่คู่กองหน้าใช้บริการ เดวิด นูเจนท์ กับ ปีเตอร์ เคราช์
โอกาสยิงครั้งแรกของเกมเกิดขึ้นในนาทีที่ 4 โดย นาเดียร์ เบลฮัดจ์ ลองสับไกนอกเขตโทษลุ้นให้ปอมปีย์ แต่ก็หลุดกรอบออกหลังไปไม่น้อย ทว่าประตูนำ 1-0 ตกเป็นของปิศาจแดงในนาทีที่ 9 จากจังหวะที่ อันแดร์สัน วางบอลยาวกลางสนามให้ ไรอัน กิ๊กส์ หลุดกับดักล้ำหน้าก่อนจ่ายเรียดให้ เวย์น รูนีย์ ล่อเป้าผ่าน เดวิด เจมส์ ตุงตาข่าย
เจ้าถิ่นเกือบนำห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 12 เมื่อ รูนีย์ ดึงจังหวะหลอกล่อ เกล็น จอห์นสัน และ โซล แคมป์เบลล์ ก่อนยิงตรงตัว เจมส์ ทว่านายทวารจอมเฟอะฟะขว้างเปิดเกมให้ เฮย์เดน มัลลินส์ จับบอลห่างตัวจนถูก อันแดร์สัน ฉกไปได้ แต่กองกลางบราซิเลียนวางเท้ายิงเร็วเฉี่ยวเสาเพียงนิดเดียว
เกมยังอยู่ในความครอบครองของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยสิ้นเชิง เข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรก กิ๊กส์ เปิดลูกเตะมุมด้านขวาให้ จอห์น โอเชีย ที่ลงมาแทน แกรี เนวิลล์ ซึ่งบาดเจ็บตั้งแต่ต้นเกมโขกกดลงพื้นไปที่เสาสอง เจมส์ หมดสิทธิ์ป้องกันแล้ว แต่ยังมี เบลฮัดจ์ ที่ยืนคุมเส้นอยู่โหม่งเคลียร์ออกมาได้
นาทีที่ 31 เฮอร์มัน ไฮรดาร์สสัน เสียการครองบอลหน้าเขตโทษตัวเองถูก รูนีย์ แย่งบอลไปได้ก่อนใส่พานให้ กิ๊กส์ หลุดเข้าไปกระทุ้งในเขตโทษ แต่ เจมส์ อ่านเกมขาดออกมาขวางได้ทันเวลา ถัดมา 9 นาที คริสเตียโน โรนัลโด ตัดบอลได้ตรงกลางสนามก่อนกระชากขึ้นมาจ่ายให้ กิ๊กส์ สอดเข้ามาแปหน้าประตูออกข้างเสาอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรก ปิศาจแดง นำอยู่ 1-0
กลับมาเล่นครึ่งหลังได้เพียง 8 นาที เจ้าถิ่นต้องเปลี่ยนแบ็กขวาอีกครั้ง หลังจาก โอเชีย ถูก เบลฮัดจ์ เข้าเสียบจากด้านหลัง ทำให้ ราฟาเอล ดา ซิลวา ถูกส่งลงมาเล่นแทน จากนั้น ปอร์ทสมัธ เริ่มเซตเกมขึ้นมากดดันได้ นาทีที่ 66 เจอร์เมน เพนแนนท์ ตัวสำรองที่ลงมาแทน นูเจนท์ หลุดมาถึงเส้นหลังด้านขวาก่อนเปิดให้ เคราช์ กระโดดวอลเลย์ไม่ตรงกรอบ
อาคันตุกะจากแดนใต้มีโอกาสเข้าทำอีกครั้งในนาทีที่ 70 โดย เพนแนนท์ เปิดฟรีคิกจากกราบซ้ายให้ เคราช์ เทกตัวโขกถูก เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ พุ่งคว้าติดมือก่อนที่ปิศาจแดงจะสวนกลับเร็วจน รูนีย์ หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ เกล็น จอห์นสัน ตามมาเบียดทำให้ลูกยิงไปเข้ามือ เจมส์
ถึงนาทีที่ 82 แมนฯ ยูไนเต็ด มาตอกย้ำชัยชนะอย่างเด็ดขาดเป็น 2-0 เมื่อ สโคลส์ จ่ายทะลุช่องอย่างคมกริบให้ ไมเคิล คาร์ริค ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาแทน อันแดร์สัน ได้ 6 นาทีหลุดเข้าไปตวัดยิงเสียบหน้าต่างเสาสอง ทำให้เก็บเพิ่มเป็น 74 คะแนนนั่งแท่นจ่าฝูงโดยนำหน้า ลิเวอร์พูล 3 แต้มและแข่งน้อยกว่า 1 นัด ส่วน ปอร์ทสมัธ อยู่อันดับ 14 ตามเดิม มี 37 คะแนน
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, แกรี เนวิลล์, เนมานยา วิดิช, จอนนี อีแวนส์, ปาทริซ เอฟรา, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, พอล สโคลส์, อันแดร์สัน, คริสเตียโน โรนัลโด, ไรอัน กิ๊กส์, เวย์น รูนีย์
ปอร์ทสมัธ – เดวิด เจมส์, เกล็น จอห์นสัน, โซล แคมป์เบลล์, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, เฮอร์มัน ไฮรดาร์สสัน, ริชาร์ด ฮิวจ์ส, ฌอน เดวิส, เฮย์เดน มัลลินส์, นาเดียร์ เบลฮัดจ์, เดวิด นูเจนท์, ปีเตอร์ เคราช์
ส่วนผลอีกคู่หนึ่งที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี ทำได้แค่เสมอ เอฟเวอร์ตัน แบบไร้สกอร์ 0-0 แบ่งกันไปทีมละ 1 แต้ม ทำให้ "สิงห์บลูส์" เก็บเพิ่มเป็น 68 คะแนน รั้งอันดับ 3 ตามหลังปิศาจแดงถึง 6 คะแนน โอกาสเบียดแย่งแชมป์ริบหรี่ลงทุกขณะ ด้าน "ทอฟฟีสีน้ำเงิน" มี 53 คะแนน อยู่ที่ 6 ของตารางต่อไป
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ.2552
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2–0 ปอร์ทสมัธ
แมตช์ชี้ชะตาลุ้นแชมป์ซีซันนี้ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ลงโม่แข้งกับ ปอร์ทสมัธ เกมนี้เจ้าถิ่นกลับมาใช้ผู้เล่นชุดใหญ่อีกครั้ง แต่ให้ จอนนี อีแวนส์ ลงคุมแนวรับแทน ริโอ เฟอร์ดินานด์ ส่วน พอล สโคลส์ ลงรับใช้ทีมเป็นนัดที่ 600 ส่วนอาคันตุกะไม่มี นิโก ครานชาร์ ที่บาดเจ็บลงปั้นเกม ขณะที่คู่กองหน้าใช้บริการ เดวิด นูเจนท์ กับ ปีเตอร์ เคราช์
โอกาสยิงครั้งแรกของเกมเกิดขึ้นในนาทีที่ 4 โดย นาเดียร์ เบลฮัดจ์ ลองสับไกนอกเขตโทษลุ้นให้ปอมปีย์ แต่ก็หลุดกรอบออกหลังไปไม่น้อย ทว่าประตูนำ 1-0 ตกเป็นของปิศาจแดงในนาทีที่ 9 จากจังหวะที่ อันแดร์สัน วางบอลยาวกลางสนามให้ ไรอัน กิ๊กส์ หลุดกับดักล้ำหน้าก่อนจ่ายเรียดให้ เวย์น รูนีย์ ล่อเป้าผ่าน เดวิด เจมส์ ตุงตาข่าย
เจ้าถิ่นเกือบนำห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 12 เมื่อ รูนีย์ ดึงจังหวะหลอกล่อ เกล็น จอห์นสัน และ โซล แคมป์เบลล์ ก่อนยิงตรงตัว เจมส์ ทว่านายทวารจอมเฟอะฟะขว้างเปิดเกมให้ เฮย์เดน มัลลินส์ จับบอลห่างตัวจนถูก อันแดร์สัน ฉกไปได้ แต่กองกลางบราซิเลียนวางเท้ายิงเร็วเฉี่ยวเสาเพียงนิดเดียว
เกมยังอยู่ในความครอบครองของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยสิ้นเชิง เข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรก กิ๊กส์ เปิดลูกเตะมุมด้านขวาให้ จอห์น โอเชีย ที่ลงมาแทน แกรี เนวิลล์ ซึ่งบาดเจ็บตั้งแต่ต้นเกมโขกกดลงพื้นไปที่เสาสอง เจมส์ หมดสิทธิ์ป้องกันแล้ว แต่ยังมี เบลฮัดจ์ ที่ยืนคุมเส้นอยู่โหม่งเคลียร์ออกมาได้
นาทีที่ 31 เฮอร์มัน ไฮรดาร์สสัน เสียการครองบอลหน้าเขตโทษตัวเองถูก รูนีย์ แย่งบอลไปได้ก่อนใส่พานให้ กิ๊กส์ หลุดเข้าไปกระทุ้งในเขตโทษ แต่ เจมส์ อ่านเกมขาดออกมาขวางได้ทันเวลา ถัดมา 9 นาที คริสเตียโน โรนัลโด ตัดบอลได้ตรงกลางสนามก่อนกระชากขึ้นมาจ่ายให้ กิ๊กส์ สอดเข้ามาแปหน้าประตูออกข้างเสาอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรก ปิศาจแดง นำอยู่ 1-0
กลับมาเล่นครึ่งหลังได้เพียง 8 นาที เจ้าถิ่นต้องเปลี่ยนแบ็กขวาอีกครั้ง หลังจาก โอเชีย ถูก เบลฮัดจ์ เข้าเสียบจากด้านหลัง ทำให้ ราฟาเอล ดา ซิลวา ถูกส่งลงมาเล่นแทน จากนั้น ปอร์ทสมัธ เริ่มเซตเกมขึ้นมากดดันได้ นาทีที่ 66 เจอร์เมน เพนแนนท์ ตัวสำรองที่ลงมาแทน นูเจนท์ หลุดมาถึงเส้นหลังด้านขวาก่อนเปิดให้ เคราช์ กระโดดวอลเลย์ไม่ตรงกรอบ
อาคันตุกะจากแดนใต้มีโอกาสเข้าทำอีกครั้งในนาทีที่ 70 โดย เพนแนนท์ เปิดฟรีคิกจากกราบซ้ายให้ เคราช์ เทกตัวโขกถูก เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ พุ่งคว้าติดมือก่อนที่ปิศาจแดงจะสวนกลับเร็วจน รูนีย์ หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ เกล็น จอห์นสัน ตามมาเบียดทำให้ลูกยิงไปเข้ามือ เจมส์
ถึงนาทีที่ 82 แมนฯ ยูไนเต็ด มาตอกย้ำชัยชนะอย่างเด็ดขาดเป็น 2-0 เมื่อ สโคลส์ จ่ายทะลุช่องอย่างคมกริบให้ ไมเคิล คาร์ริค ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาแทน อันแดร์สัน ได้ 6 นาทีหลุดเข้าไปตวัดยิงเสียบหน้าต่างเสาสอง ทำให้เก็บเพิ่มเป็น 74 คะแนนนั่งแท่นจ่าฝูงโดยนำหน้า ลิเวอร์พูล 3 แต้มและแข่งน้อยกว่า 1 นัด ส่วน ปอร์ทสมัธ อยู่อันดับ 14 ตามเดิม มี 37 คะแนน
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, แกรี เนวิลล์, เนมานยา วิดิช, จอนนี อีแวนส์, ปาทริซ เอฟรา, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, พอล สโคลส์, อันแดร์สัน, คริสเตียโน โรนัลโด, ไรอัน กิ๊กส์, เวย์น รูนีย์
ปอร์ทสมัธ – เดวิด เจมส์, เกล็น จอห์นสัน, โซล แคมป์เบลล์, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, เฮอร์มัน ไฮรดาร์สสัน, ริชาร์ด ฮิวจ์ส, ฌอน เดวิส, เฮย์เดน มัลลินส์, นาเดียร์ เบลฮัดจ์, เดวิด นูเจนท์, ปีเตอร์ เคราช์
ส่วนผลอีกคู่หนึ่งที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี ทำได้แค่เสมอ เอฟเวอร์ตัน แบบไร้สกอร์ 0-0 แบ่งกันไปทีมละ 1 แต้ม ทำให้ "สิงห์บลูส์" เก็บเพิ่มเป็น 68 คะแนน รั้งอันดับ 3 ตามหลังปิศาจแดงถึง 6 คะแนน โอกาสเบียดแย่งแชมป์ริบหรี่ลงทุกขณะ ด้าน "ทอฟฟีสีน้ำเงิน" มี 53 คะแนน อยู่ที่ 6 ของตารางต่อไป
