ภาพที่ เทรเวอร์ อิมเมลแมน สวมเสื้อกรีนแจ็กเก็ต ให้กับ อังเคล คาเบรร่า หลังการแข่งขันเดอะ มาสเตอร์ส 2009 จบลงด้วยชัยชนะของโปรจากอาร์เจนติน่าที่เฉือน เอาชนะ เคนนี่ เพอร์รี่ย์ และแชด แคมพ์เบลล์ ด้วยการดวลเพลย์ออฟ นั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นบรรยากาศใหม่บนสนามที่ครั้งหนึ่งในอดีตแทบจะถูกผูกขาดตำแหน่งแชมป์โดยโปรชาวสหรัฐฯ จนทำให้เดอะมาสเตอร์ส ในอดีตนั้นอาจเป็นรายการที่มีมนต์ขลังยิ่งสำหรับนักกอล์ฟ แต่สำหรับแฟนกอล์ฟแล้วนี่คือเมเจอร์ที่เต็มไปด้วยกฎเหล็กและความเคร่งขรึมจนทำให้สีสันของกรีนแจ็กเก็ตในบางปีนั้นแทบจะซีดจางลงเป็นสีตองอ่อนเลยทีเดียว
บรรยากาศใหม่ในสนามออกัสต้า เนชั่นแนลนั้นมิใช่ว่าเพิ่งได้รับการเปลี่ยนแปลง หากแต่เริ่มมีการขยับจากฝ่ายบริหารมากขึ้นในช่วงสิบปีที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญที่ต้องทำการปรับปรุงเพราะทางฝ่ายจัดการแข่งขันเล็งเห็นแล้วว่า "หากยังยึดติดอยู่กับอดีตอันยิ่งใหญ่ ก้าวต่อไปในอนาคตก็คงไม่เกิด"เพราะสังคมกอล์ฟในปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแค่พีจีเอทัวร์แต่เพียงอย่างเดียว หากแต่กอล์ฟกลายเป็นกีฬาที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลก เห็นได้จากแชมป์บนสนามออกัสต้าที่ไม่ถูกผูกติดอยู่แต่กับโปรมือท้อปในเวิลด์แรงกิ้ง หากแต่โปรนอกท้อป 50 หรือสวิงจากทวีปอื่นก็มีสิทธิลุ้นเช่นกัน
เมื่อสำรวจสถิติย้อนกลับไปในปี 2007 ชัยชนะของ แซค จอห์นสัน ที่เวลานั้นมีอายุเพียง 30 ปีนั้นต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเพราะเขาคือม้ามืดที่เฉือนเอาชนะไทเกอร์ วู้ดส์ ไปด้วยสกอร์เกิน 2 โอเวอร์พาร์ พร้อมกับชัยชนะที่มีคะแนนรวมสี่วัน 289 ตีเกินไป 1 โอเวอร์พาร์ สวมเสื้อกรีนแจ็กเก็ต ด้วยคะแนนที่เรียกว่าสูงสุดในประวัติศาสตร์การแข่งขันเช่นเดียวกับที่ แซม สนีด คว้ากรีนแจ็กเก็ตในปี 1954 และ แจ็ค บูร์ค จูเนียร์ในปี 1956 และที่น่าสนใจเห็นจะเป็นตำแหน่งของ แซค ซึ่งไม่ได้อยู่ในท้อป 50 ของอันดับโลกแต่ก็สามารถคว้าชัยชันะในเดอะมาสเตอร์ส ได้สำเร็จ
มาถึงปี 2008 เทรเวอร์ อิมเมลแมน กลายเป็นโปรจากแอฟริกาใต้คนที่สองต่อจาก แกรี่ย์ เพลเยอร์ที่สามารถคว้าเสื้อเขียวมาสวมได้สำเร็จ โดยชัยชนะของ อิมเมลแมน ในครั้งนั้นคือสกอร์รวมที่เหนือเจ้าถิ่นอย่าง ไทเกอร์ วู้ดส์ ถึง 3 สโตรก และความสำเร็จของ อิมเมลแมน ได้กลายเป็นสิ่งที่ย้ำให้เห็นว่านี่คือ เดอะมาสเตอร์ส ยุค ปรับปรุงใหม่ประจำศตวรรษที่ 21
สำหรับการแข่งขันเดอะ มาสเตอร์สประจำปี 2009 สื่อทั่วโลกมุ่งไปที่การกลับมาลงสนามอีกครั้งหลังปิดเทอมใหญ่รักษาอาการบาดเจ็บของไทเกอร์ วู้ดส์ ประกอบกับชัยชนะจากรายการ อาร์โนลด์ พาลเมอร์ อินวิเทชั่น ที่เบย์ฮิลล์ แทบจะเรียกได้ว่า “พญาเสือ” ทำผลงานข่มขวัญคู่ต่อสู้ชนิดที่สื่อแทบจะทุกสำนัก พากันหันสปอตไลท์ฉายจับไปที่สองนักกอล์ฟหมายเลขหนึ่งและสองของโลก อย่าง วู้ดส์ และ ฟิล มิคเคลสัน เท่านั้นแม้แต่ในช่วงถ่ายทอดสดที่สื่อใหญ่อย่าง ซีบีเอส รับหน้าที่ส่งสัญญาณยังจับแต่ภาพของสองนักกอล์ฟดังแทนที่จะ คอยจับตาผลงานของ เคนนี่ เพอร์รี่ย์ ซึ่งเป็นผู้นำ
แต่ออกัสต้า ไม่ใช่สนามที่ใครจะประมาทได้ แม้ว่า วู้ดส์ จะได้สวมกรีนแจ็กเก็ตมาแล้ว 4 ครั้ง หรือ มิคเคลสันที่เดินไปถึงจุดที่นักกอล์ฟทุกคนใฝ่ฝันมาแล้วถึงสองสมัย พวกเขาต่างรู้ดีว่า “กับดัก” บนสนามแห่งนี้จะถูกปรับแต่งและเปลี่ยนแปลงไปทุกปี และครั้งนี้ก็เช่นกันกัน เมื่อ “วิลเลี่ยม พอร์เตอร์ เพย์น” ประธานฝ่ายจัดการแข่งขันได้ปรุงแต่งให้ ออกัสต้า เนชั่นแนล กลายเป็นแฟร์เวย์แห่งการดวลสวิงอันยากลำบาก จนทำให้สื่อในต่างประเทศกล่าวเป็นเสียงเดียวกันนี่คือคู่แฝดของ “ชินเนคอกค์ เซาธ์”
ด้วยความที่ เดอะ มาสเตอร์ส นั้นเป็นรายเมเจอร์รายการเดียวที่ไม่เปลี่ยนสนามแข่งทำให้การแก้ไขในทุกหลุมให้มี “กับดัก” เพิ่มมากขึ้นนอกจากจะทำให้แชมป์ไม่ตกอยู่กับโปรรายเดิมเหมือนในอดีตแล้ว ยังทำให้เสน่ห์ของการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้กับโปรทุกรายได้สร้างผลงานที่ดีที่สุดของตนเองส่งให้เกิดการขับเคี่ยววงสวิงที่ดุเดือดมากขึ้น ดังเช่นในปีนี้ที่ต้องสู้กันถึง เพลย์ออฟ ก่อนที่แชมป์จะตกเป็นของ อังเคล คาเบรร่า โปรชาวอาร์เจนติน่า เจ้าของแชมป์เมเจอร์ ยูเอส โอเพ่นและเป็นนักกอล์ฟที่มีอันดับโลกต่ำที่สุดที่คว้าแชมป์ เดอะมาสเตอร์ส มาครองได้สำเร็จ โดยก่อนหน้านี้ โปรชาวอาร์เจนติน่าอยู่ในอันดับที่ 69 ของโลก
ถึงเวลานี้บรรยากาศของเดอะ มาสเตอร์สในวันที่ครบ 75 ปี แทบจะเรียกได้ว่าเปลี่ยนภาพจากคุณปู่ที่เอาแต่สวมสเวตเตอร์สีขรึม กลายมาเป็นคุณปู่ไฮเทค ผู้ทันต่อการใช้เทคโนโลยี เพิ่มสีสันให้กับชีวิตตนเองและบางครั้งก็แอบใส่กางเกนยีนส์ไปเที่ยวกับลูกหลานพร้อมเปิดโอกาสให้กับเพื่อนใหม่จากทวีปอื่น แต่คุณปู่ออกัสต้าผู้เปลี่ยนตนเองให้ทันต่อโลกใน ศตวรรษที่ 21 ก็ยังไม่ลืมว่ามนต์ขลังและเอกลักษณ์ของตนเองคือ “กรีนแจ็กเก็ต” อันทรงเกียรติ ที่แชมป์เท่านั้นจะมีโอกาสได้สวมใส่