คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
เสร็จสิ้นกันไปสำหรับสัปดาห์ “รวมดารา” ของทั้งศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) และบาสเกตบอล เอ็นบี (NBA) ถ้าถามไถ่ว่าตัวผมปลื้มกับเนื้องานอันไหนมากกว่ากัน ต้องยอมรับว่าผมไม่ค่อยประทับใจ “โพรโบว์ล” เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเทคะแนนให้ “ออล-สตาร์ เกม” ที่มีทั้งสีสันและลูกเล่นที่น่าสนใจมากกว่า
ระหว่างที่ศึกคนชนคนปิดฤดูกาล เราคงได้พูดคุยถึงประเด็นยัดห่วงระดับโลกมากขึ้นกว่าเดิม ผ่านสัปดาห์ออล-สตาร์ที่ฟีนิกซ์ แฟนๆ หลายคนคงประทับใจการละเล่นต่างๆ เมื่อวันอาทิตย์ที่ได้เห็นการโชว์ทักษะบาสเกตบอล, การชู้ตสามแต้ม ส่วนไคลแม็กซ์คงหนีไม่พ้น “สแลมดังก์” ซึ่งปรากฏว่า “ซูเปอร์แมน” พ่ายแพ้ให้แก่ “คริฟโตไนท์” (ซึ่งขออนุญาตไม่พูดถึงเกมโชว์ระหว่างฝั่งตะวันออกกับสายตะวันตกก็แล้วกัน)
แม้ ดไวท์ ฮาวเวิร์ด สร้างสีสันด้วยการสวมบท “ซูเปอร์แมน รีเทิร์น” แต่ลีลาของเซ็นเตอร์ ออร์แลนโด แมจิก ไม่มีอะไรแปลกใหม่ รูปร่าง 6 ฟุต 11 นิ้ว (ราว 211 เซนติเมตร) กับการสแลมห่วงที่สูงขึ้นจากเดิม 66 เซนติเมตร (ความสูงมาตรฐานของแป้นบาสฯ ประมาณ 3 เมตร) หรือว่ากระเด้งขอบข้างกระโจนขึ้นดังก์ไม่สามารถชนะใจแฟนๆ ที่ร้อยละ 52 กดโหวตให้แก่ “คริฟโตเนต” เนต โรบินสัน การ์ดจ่าย นิวยอร์ก นิกส์
นอกจากช่วยขายโฆษณาให้ “สไปร์ท” สปอนเซอร์หลักของการประกวดดังก์ โรบินสัน การ์ดร่างเล็กใจใหญ่พาร่าง 5 ฟุต 9 นิ้ว (175 เซนติเมตร) กับยูนิฟอร์มเขียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าฉายไอเดียน่าสนใจก่อนโชว์ทีเด็ดกระโดดข้าม ฮาวเวิร์ด ยักษ์ปักหลั่นขึ้นไปดังก์ห่วง จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมยอดผู้ชม เอ็นบีเอ ออล-สตาร์ ประจำคืนวันเสาร์ในสหรัฐฯ ถึงพุ่งสูงจากปีก่อนถึง 12 เปอร์เซ็นต์ และก็เชื่อว่าปี 2010 ที่ดัลลัส เรตติงคงกระฉูดกว่าเดิมเมื่อ เลอบรอน เจมส์ ประกาศว่าคันไม้คันมือพร้อมลงขย่มห่วงกับเขาบ้าง
ผ่านสัปดาห์ออล-สตาร์ เกม เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า NBA ผ่านครึ่งฤดูกาลแรกเป็นที่เรียบร้อย นอกจากทั้ง 30 ทีมจะขับเคี่ยวกับแย่งตั๋ว 16 ใบผ่านเข้าไปลุยกันต่อในโพสต์ซีซั่น บอร์ดบริหารรวมถึงบรรดาผู้จัดการทั่วไปต้องคิดให้หนักเนื่องจากเส้นตายการย้ายทีมมีคิวปิดฉากในเวลา 2 ทุ่ม วันพฤหัสบดีนี้ตามวัน-เวลาท้องถิ่น เหลือเวลาไม่มากแล้วสำหรับการคิดเทรดผู้เล่นหรือเคลียร์ “เพดานเงินเดือน” (Salary Cap)
จากที่ผมเช็คข่าวคราวความเคลื่อนไหวในตลาด ไมอามี ฮีท ปฏิบัติการเคลียร์แคปเพื่อรองรับการต่อสัญญา ดีเวน เหว็ด การ์ดแม่ทัพสำหรับปี 2010 เอาไว้แล้ว ด้วยการเทรด ชอว์น แมเรียน ไปให้ โตรอนโต แร็พเตอร์ส เพื่อแลกกับ เจอร์เมน โอนีล ถ้าย้อนไปสมัยโด่งดังกับ อินเดียนา เพเซอร์ส ไม่มีทางที่อดีตเซ็นเตอร์ออล-สตาร์จะหลุดสู่ตลาดในราคาที่ลดฮวบขนาดนี้ แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บเข่าติดสอยเป็นเงาตามตัว เชื่อเหลือเกินว่าไม่เกินปี 2010 โอนีล ได้กลายเป็นส่วนเกินของฮีทแน่
ส่วนกระแสข่าวการเทรดที่ยังไม่เกิดขึ้นแต่ถูกตั้งประเด็นมากที่สุดในสหรัฐฯ เห็นจะหนีไม่พ้นกรณี ฟีนิกซ์ ซันส์ ต้องการเทรด อมาเร สเตาดาไมร์ ฟอร์เวิร์ดสตาร์ออกจากถิ่น ยูเอส แอร์เวย์ส เซ็นเตอร์ แต่ สตีฟ เคอร์ อดีตจอมแม่นแห่ง NBA ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปยังหาตัวเทรดทีมเทรดไม่ลงตัวเสียที
แม้ สเตาดาไมร์ เคยผ่าเข่ามาแล้วทั้งสองข้าง อีกทั้งค่าจ้างแพงหูฉี่ แต่ถ้า ซันส์ เสียผู้เล่นคนนี้ไปรับรองว่าปัญหาเกมวงในเกิดขึ้นแน่ ชาคิว โอนีล ไม่แกร่งพอสำหรับการลงสนามเกมละครึ่งชั่วโมง “ลูกพระอาทิตย์” ถึงคราวตกดินเสียแล้วกระมัง เรื่องนี้ถ้ามีโอกาสคงได้คุยกันยาวๆ เพราะล่าสุดเห็นข่าว เทอร์รี พอร์เตอร์ ถูกปลดจากตำแหน่งแม้พาทีมชนะ 28 แพ้ 23 เกม งานนี้ผู้ช่วยอย่าง อัลวิน เจนทรี มีการบ้านรอให้ปฏิรูปอีกเพียบ
นอกเหนือจาก สเตาดาไมร์ อย่าแปลกใจไปถ้าเราจะเห็น นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เนตส์ เทรด ทายสัน แชนด์เลอร์ เซ็นเตอร์จอมดังก์ออกไป เพราะ “แตนอาละวาด” ไม่อยากควักกระเป๋าจ่ายภาษีฟุ่มเฟือยจำนวน 7.1 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการคุมแคปไม่อยู่ อีกทั้ง แบรด มิลเลอร์ ดาวเด่น ซาคราเมนโต คิงส์, มาร์คัส แคมบี (แอลเอ คลิปเปอร์ส) หรือว่า คาร์ลอส บูเซอร์ (ยูทาห์ แจซซ์) อาจได้บ้านหลังใหม่ก่อนสุดสัปดาห์นี้เช่นกัน
นอกจาก NBA ทางลีก NFL ทั้ง 32 ทีมกำลังง้วนกับการปักป้าย “เฟรนไชส์ เพลย์เยอร์” ใส่ผู้เล่นฟรีเอเย่นต์คนสำคัญเพียง 1 คนที่ต้องการเก็บไว้ใช้งานในฤดูกาลหน้า เพราะเส้นตายลีกอนุญาตให้ถึงวันพฤหัสบดีนี้เช่นกัน ที่แน่ๆ ตอนนี้ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส เลือกปิดเฟรนไชส์แทคใส่ แบรนดอน จาค็อบส์ ขณะที่ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ตกลงใจเก็บ แมตต์ คาสเซล ไว้ใช้งานต่อ เนื่องจากพื้นที่ตอนนี้มีจำกัด สัปดาห์หน้าขออนุญาตคอยัดห่วงนำประเด็น “ฟรีเอเย่นต์” ศึกคนชนคนมาพูดถึงคงไม่ว่ากัน
เสร็จสิ้นกันไปสำหรับสัปดาห์ “รวมดารา” ของทั้งศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) และบาสเกตบอล เอ็นบี (NBA) ถ้าถามไถ่ว่าตัวผมปลื้มกับเนื้องานอันไหนมากกว่ากัน ต้องยอมรับว่าผมไม่ค่อยประทับใจ “โพรโบว์ล” เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเทคะแนนให้ “ออล-สตาร์ เกม” ที่มีทั้งสีสันและลูกเล่นที่น่าสนใจมากกว่า
ระหว่างที่ศึกคนชนคนปิดฤดูกาล เราคงได้พูดคุยถึงประเด็นยัดห่วงระดับโลกมากขึ้นกว่าเดิม ผ่านสัปดาห์ออล-สตาร์ที่ฟีนิกซ์ แฟนๆ หลายคนคงประทับใจการละเล่นต่างๆ เมื่อวันอาทิตย์ที่ได้เห็นการโชว์ทักษะบาสเกตบอล, การชู้ตสามแต้ม ส่วนไคลแม็กซ์คงหนีไม่พ้น “สแลมดังก์” ซึ่งปรากฏว่า “ซูเปอร์แมน” พ่ายแพ้ให้แก่ “คริฟโตไนท์” (ซึ่งขออนุญาตไม่พูดถึงเกมโชว์ระหว่างฝั่งตะวันออกกับสายตะวันตกก็แล้วกัน)
แม้ ดไวท์ ฮาวเวิร์ด สร้างสีสันด้วยการสวมบท “ซูเปอร์แมน รีเทิร์น” แต่ลีลาของเซ็นเตอร์ ออร์แลนโด แมจิก ไม่มีอะไรแปลกใหม่ รูปร่าง 6 ฟุต 11 นิ้ว (ราว 211 เซนติเมตร) กับการสแลมห่วงที่สูงขึ้นจากเดิม 66 เซนติเมตร (ความสูงมาตรฐานของแป้นบาสฯ ประมาณ 3 เมตร) หรือว่ากระเด้งขอบข้างกระโจนขึ้นดังก์ไม่สามารถชนะใจแฟนๆ ที่ร้อยละ 52 กดโหวตให้แก่ “คริฟโตเนต” เนต โรบินสัน การ์ดจ่าย นิวยอร์ก นิกส์
นอกจากช่วยขายโฆษณาให้ “สไปร์ท” สปอนเซอร์หลักของการประกวดดังก์ โรบินสัน การ์ดร่างเล็กใจใหญ่พาร่าง 5 ฟุต 9 นิ้ว (175 เซนติเมตร) กับยูนิฟอร์มเขียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าฉายไอเดียน่าสนใจก่อนโชว์ทีเด็ดกระโดดข้าม ฮาวเวิร์ด ยักษ์ปักหลั่นขึ้นไปดังก์ห่วง จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมยอดผู้ชม เอ็นบีเอ ออล-สตาร์ ประจำคืนวันเสาร์ในสหรัฐฯ ถึงพุ่งสูงจากปีก่อนถึง 12 เปอร์เซ็นต์ และก็เชื่อว่าปี 2010 ที่ดัลลัส เรตติงคงกระฉูดกว่าเดิมเมื่อ เลอบรอน เจมส์ ประกาศว่าคันไม้คันมือพร้อมลงขย่มห่วงกับเขาบ้าง
ผ่านสัปดาห์ออล-สตาร์ เกม เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า NBA ผ่านครึ่งฤดูกาลแรกเป็นที่เรียบร้อย นอกจากทั้ง 30 ทีมจะขับเคี่ยวกับแย่งตั๋ว 16 ใบผ่านเข้าไปลุยกันต่อในโพสต์ซีซั่น บอร์ดบริหารรวมถึงบรรดาผู้จัดการทั่วไปต้องคิดให้หนักเนื่องจากเส้นตายการย้ายทีมมีคิวปิดฉากในเวลา 2 ทุ่ม วันพฤหัสบดีนี้ตามวัน-เวลาท้องถิ่น เหลือเวลาไม่มากแล้วสำหรับการคิดเทรดผู้เล่นหรือเคลียร์ “เพดานเงินเดือน” (Salary Cap)
จากที่ผมเช็คข่าวคราวความเคลื่อนไหวในตลาด ไมอามี ฮีท ปฏิบัติการเคลียร์แคปเพื่อรองรับการต่อสัญญา ดีเวน เหว็ด การ์ดแม่ทัพสำหรับปี 2010 เอาไว้แล้ว ด้วยการเทรด ชอว์น แมเรียน ไปให้ โตรอนโต แร็พเตอร์ส เพื่อแลกกับ เจอร์เมน โอนีล ถ้าย้อนไปสมัยโด่งดังกับ อินเดียนา เพเซอร์ส ไม่มีทางที่อดีตเซ็นเตอร์ออล-สตาร์จะหลุดสู่ตลาดในราคาที่ลดฮวบขนาดนี้ แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บเข่าติดสอยเป็นเงาตามตัว เชื่อเหลือเกินว่าไม่เกินปี 2010 โอนีล ได้กลายเป็นส่วนเกินของฮีทแน่
ส่วนกระแสข่าวการเทรดที่ยังไม่เกิดขึ้นแต่ถูกตั้งประเด็นมากที่สุดในสหรัฐฯ เห็นจะหนีไม่พ้นกรณี ฟีนิกซ์ ซันส์ ต้องการเทรด อมาเร สเตาดาไมร์ ฟอร์เวิร์ดสตาร์ออกจากถิ่น ยูเอส แอร์เวย์ส เซ็นเตอร์ แต่ สตีฟ เคอร์ อดีตจอมแม่นแห่ง NBA ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปยังหาตัวเทรดทีมเทรดไม่ลงตัวเสียที
แม้ สเตาดาไมร์ เคยผ่าเข่ามาแล้วทั้งสองข้าง อีกทั้งค่าจ้างแพงหูฉี่ แต่ถ้า ซันส์ เสียผู้เล่นคนนี้ไปรับรองว่าปัญหาเกมวงในเกิดขึ้นแน่ ชาคิว โอนีล ไม่แกร่งพอสำหรับการลงสนามเกมละครึ่งชั่วโมง “ลูกพระอาทิตย์” ถึงคราวตกดินเสียแล้วกระมัง เรื่องนี้ถ้ามีโอกาสคงได้คุยกันยาวๆ เพราะล่าสุดเห็นข่าว เทอร์รี พอร์เตอร์ ถูกปลดจากตำแหน่งแม้พาทีมชนะ 28 แพ้ 23 เกม งานนี้ผู้ช่วยอย่าง อัลวิน เจนทรี มีการบ้านรอให้ปฏิรูปอีกเพียบ
นอกเหนือจาก สเตาดาไมร์ อย่าแปลกใจไปถ้าเราจะเห็น นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เนตส์ เทรด ทายสัน แชนด์เลอร์ เซ็นเตอร์จอมดังก์ออกไป เพราะ “แตนอาละวาด” ไม่อยากควักกระเป๋าจ่ายภาษีฟุ่มเฟือยจำนวน 7.1 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการคุมแคปไม่อยู่ อีกทั้ง แบรด มิลเลอร์ ดาวเด่น ซาคราเมนโต คิงส์, มาร์คัส แคมบี (แอลเอ คลิปเปอร์ส) หรือว่า คาร์ลอส บูเซอร์ (ยูทาห์ แจซซ์) อาจได้บ้านหลังใหม่ก่อนสุดสัปดาห์นี้เช่นกัน
นอกจาก NBA ทางลีก NFL ทั้ง 32 ทีมกำลังง้วนกับการปักป้าย “เฟรนไชส์ เพลย์เยอร์” ใส่ผู้เล่นฟรีเอเย่นต์คนสำคัญเพียง 1 คนที่ต้องการเก็บไว้ใช้งานในฤดูกาลหน้า เพราะเส้นตายลีกอนุญาตให้ถึงวันพฤหัสบดีนี้เช่นกัน ที่แน่ๆ ตอนนี้ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส เลือกปิดเฟรนไชส์แทคใส่ แบรนดอน จาค็อบส์ ขณะที่ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ตกลงใจเก็บ แมตต์ คาสเซล ไว้ใช้งานต่อ เนื่องจากพื้นที่ตอนนี้มีจำกัด สัปดาห์หน้าขออนุญาตคอยัดห่วงนำประเด็น “ฟรีเอเย่นต์” ศึกคนชนคนมาพูดถึงคงไม่ว่ากัน
