เซเรนา วิลเลียมส์ แร็กเกตสาวหมายเลข 1 ของโลก ออกมาร่วมแสดงความคิดเห็นต่อต้านระบบตรวจหาสารกระตุ้นรูปแบบใหม่ที่สมาพันธ์เทนนิสอาชีพชาย (เอทีพี) นำมาใช้อีกราย โดยมองว่าเป็นการยุ่มย่ามชีวิตส่วนตัวมากเกินไป
เมื่อวันที่ 1 มกราคมเป็นต้นมา เอทีพี ได้เพิ่มความเข้มงวดต่อการตรวจโด๊ปด้วยการนำรูปแบบขององค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก (วาดา) มาใช้โดยกำหนดให้ผู้เล่นมือวาง 50 อันดับแรกของโลกต้องแจ้งถึงสถานที่ที่ตนจะอยู่เป็นเวลา 1 ชั่วโมงในแต่ละวันตลอดทั้งปีเพื่อให้เจ้าหน้าที่พร้อมเข้าตรวจอยู่เสมอ หากนักหวดรายใดพลาดนัดหมายเป็นจำนวน 3 ครั้งในรอบ 18 เดือนจะถูกลงโทษแบนเป็นเวลา 2 ปีทันที
ก่อนหน้านี้ แอนดี เมอร์เรย์ และ ราฟาเอล นาดาล สองนักหวดชั้นนำของฝ่ายชายออกมาเป็นหัวหอกในการวิจารณ์ระบบดังกล่าวว่าเต็มไปด้วยความยุ่งยากและมีช่องโหว่มากมาย โดยเฉพาะในรายของ นาดาล นั้นถึงขั้นออกมาบอกว่าผู้เล่นถูกปฏิบัติราวกับเป็นอาชญากร
ไม่เพียงแต่บรรดานักเทนนิสชายเท่านั้นที่ไม่เห็นด้วยกับระบบดังกล่าว เซเรนา แชมป์ออสเตรเลียน โอเพน หญิงเดี่ยวคนล่าสุดก็ร่วมจวกหลังเอาชนะ คาโรลินา สเปรม จากโครเอเชีย 2 เซตรวด ในรายการโอเพน กาซ เดอ ฟรองซ์ ซูซ รอบสอง ที่ประเทศฝรั่งเศส ด้วยว่า “ฉันคิดว่ามันมากเกินไปนะ ถ้าเกิดฉันอยากไปเที่ยวพักผ่อนที่ บาร์เบโดส สัก 1 วัน ฉันไม่ต้องบอกว่ากำลังจะไปเที่ยวบาร์เบโดสด้วยหรือ”
“ครั้งหนึ่งฉันเคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้ ตอนออกไปทานมื้อเย็นนอกบ้าน สักพักก็มีเจ้าหน้าที่มาที่บ้านเพื่อขอตรวจ ตอนนั้นฉันแทบคลั่งเลยทีเดียวเพราะต้องรีบตรงดิ่งกลับบ้านเพื่อไปรับการตรวจ ฉันคิดว่ามันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องบอกให้ใครต่อใครทราบว่าฉันอยู่ที่ไหน เพราะบางครั้งคนเราก็ต้องการความเป็นส่วนตัว”
พร้อมกันนี้ วิลเลียมส์ผู้น้อง ยังบอกอีกด้วยว่าควรมีการลดหย่อนกฎดังกล่าวลงบ้างโดยให้เหตุผลว่า “เทนนิสเป็นหนึ่งในกีฬาที่ค่อนข้างใสสะอาดที่สุด นักเทนนิสอย่างเราๆ ไม่มีปัญหาเรื่องการใช้สารกระตุ้นเหมือนกับกีฬาชนิดอื่น”
อย่างไรก็ตาม โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักหวดหนุ่มอันดับ 2 ของโลกชาวสวิสกลับมองในทิศทางตรงกันข้ามว่ายอมรับได้ หลังจากเคยผ่านการตรวจในระหว่างลงแข่งศึกแกรนด์สแลมแรกของปีอย่าง ออสเตรเลียน โอเพน มาแล้ว “ผมรู้ว่ามันยุ่งยาก แต่ผมก็อยากให้เทนนิสเป็นกีฬาที่โปร่งใส นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมจึงเห็นด้วยกับกฎนี้”
เมื่อวันที่ 1 มกราคมเป็นต้นมา เอทีพี ได้เพิ่มความเข้มงวดต่อการตรวจโด๊ปด้วยการนำรูปแบบขององค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก (วาดา) มาใช้โดยกำหนดให้ผู้เล่นมือวาง 50 อันดับแรกของโลกต้องแจ้งถึงสถานที่ที่ตนจะอยู่เป็นเวลา 1 ชั่วโมงในแต่ละวันตลอดทั้งปีเพื่อให้เจ้าหน้าที่พร้อมเข้าตรวจอยู่เสมอ หากนักหวดรายใดพลาดนัดหมายเป็นจำนวน 3 ครั้งในรอบ 18 เดือนจะถูกลงโทษแบนเป็นเวลา 2 ปีทันที
ก่อนหน้านี้ แอนดี เมอร์เรย์ และ ราฟาเอล นาดาล สองนักหวดชั้นนำของฝ่ายชายออกมาเป็นหัวหอกในการวิจารณ์ระบบดังกล่าวว่าเต็มไปด้วยความยุ่งยากและมีช่องโหว่มากมาย โดยเฉพาะในรายของ นาดาล นั้นถึงขั้นออกมาบอกว่าผู้เล่นถูกปฏิบัติราวกับเป็นอาชญากร
ไม่เพียงแต่บรรดานักเทนนิสชายเท่านั้นที่ไม่เห็นด้วยกับระบบดังกล่าว เซเรนา แชมป์ออสเตรเลียน โอเพน หญิงเดี่ยวคนล่าสุดก็ร่วมจวกหลังเอาชนะ คาโรลินา สเปรม จากโครเอเชีย 2 เซตรวด ในรายการโอเพน กาซ เดอ ฟรองซ์ ซูซ รอบสอง ที่ประเทศฝรั่งเศส ด้วยว่า “ฉันคิดว่ามันมากเกินไปนะ ถ้าเกิดฉันอยากไปเที่ยวพักผ่อนที่ บาร์เบโดส สัก 1 วัน ฉันไม่ต้องบอกว่ากำลังจะไปเที่ยวบาร์เบโดสด้วยหรือ”
“ครั้งหนึ่งฉันเคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้ ตอนออกไปทานมื้อเย็นนอกบ้าน สักพักก็มีเจ้าหน้าที่มาที่บ้านเพื่อขอตรวจ ตอนนั้นฉันแทบคลั่งเลยทีเดียวเพราะต้องรีบตรงดิ่งกลับบ้านเพื่อไปรับการตรวจ ฉันคิดว่ามันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องบอกให้ใครต่อใครทราบว่าฉันอยู่ที่ไหน เพราะบางครั้งคนเราก็ต้องการความเป็นส่วนตัว”
พร้อมกันนี้ วิลเลียมส์ผู้น้อง ยังบอกอีกด้วยว่าควรมีการลดหย่อนกฎดังกล่าวลงบ้างโดยให้เหตุผลว่า “เทนนิสเป็นหนึ่งในกีฬาที่ค่อนข้างใสสะอาดที่สุด นักเทนนิสอย่างเราๆ ไม่มีปัญหาเรื่องการใช้สารกระตุ้นเหมือนกับกีฬาชนิดอื่น”
อย่างไรก็ตาม โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักหวดหนุ่มอันดับ 2 ของโลกชาวสวิสกลับมองในทิศทางตรงกันข้ามว่ายอมรับได้ หลังจากเคยผ่านการตรวจในระหว่างลงแข่งศึกแกรนด์สแลมแรกของปีอย่าง ออสเตรเลียน โอเพน มาแล้ว “ผมรู้ว่ามันยุ่งยาก แต่ผมก็อยากให้เทนนิสเป็นกีฬาที่โปร่งใส นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมจึงเห็นด้วยกับกฎนี้”
