“คนเหล็ก” พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส หวังเลือนฝันร้ายปราชัยคาถิ่นในเกมชิงแชมป์สายเอเอฟซี (AFC) ให้จงได้เพื่อปราบ “อีกาพญายม” บัลติมอร์ เรฟเวนส์ คู่อริก่อนเข้าไปลุ้นซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 43 กันต่อไป
นับตั้งแต่ปี 1970 พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ประกาศศักดาเข้าชิงแชมป์สาย AFC ของศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เป็นครั้งที่ 14 แต่ปรากฏว่า 13 ครั้งก่อนหน้านี้ “คนเหล็ก” คว้าชัยแค่ 6 แพ้ 7 เกม โดยเป็นการชนะที่บ้าน 4 แพ้ 5 เกม
หากนับตั้งแต่ปี 1994 สมัย บิลล์ คาวเออร์ ยังคุมทัพ สตีลเลอร์ส มีสถิติชนะแค่ 1 แพ้ถึง 4 เกม เมื่อได้เล่นที่บ้านในเกมชิงแชมป์สาย หนสุดท้ายที่ “คนเหล็ก” คว้าชัยในถิ่นเกิดขึ้นเหนือ อินเดียนาโปลิส โคลต์ส 20-16 เมื่อเดือนมกราคม ปี 1996 ก่อนไปแพ้ ดัลลัส คาวบอยส์ 17-27 ในซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 30
ส่วนความบ้อท่า 4 ครั้งของ สตีลเลอร์ส คือการพ่าย ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส 13-17 ที่ทรี ริเวอร์ส สเตเดียม ฤดูกาล 1994/95 เสียท่า เดนเวอร์ บรองโกส์ 21-24 อีกสามซีซั่นถัดมา จากนั้นโดน นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ เบิ้ลชัยที่ ไฮน์ซ ฟิลด์ 24-17 และ 41-27 ในปี 2001 และ 2004 ตามลำดับ
เมื่อเป็นเช่นนี้ แอรอน สมิธ ดีเฟนด์ซีฟ เอนด์ วัย 32 ปี อยากให้บทเรียนข้างต้นเตือนไปยังรุ่นน้องในทีม “ผมแพ้เกมชิงแชมป์สายที่บ้านมา 2 หน ซึ่งไม่ตลกเลย มันยังฝังอยู่กับผมไปตราบชั่วชีวิต ผมไม่สนใจหรอกว่า พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส กวาดมาแล้วกี่ซูเปอร์โบว์ล (5 สมัย) เพราะคุณไม่มีทางลืมได้หากต้องพ่ายแพ้ในเกมชิงแชมป์สาย”
นอกจากนี้ สมิธ ซึ่งถูกดราฟท์เข้าทีมเมื่อปี 1999 ยังกระตุ้นเพื่อนๆ น้องๆ “คนเหล็ก” ก่อนเจอ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ คู่ปรับร่วมกลุ่ม AFC เหนือ ในคืนวันอาทิตย์นี้ตามวัน-เวลาท้องถิ่น “ผมคิดว่าทุกคนรู้ว่านี่คือเกมใหญ่ขนาดไหน แต่เด็กๆ อีกหลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่ามันจะเป็นอย่างไร มันเป็นเกมหนักที่คุณไม่เคยเจอมาก่อน คุณต้องใส่ทุกอย่างลงไป”
ด้าน ไฮน์ส วอร์ด ปีกนอกตัวเก่ง สตีลเลอร์ส กล่าวบ้าง “แฟนๆ ที่นี่มองไปถึงการเป็นแชมป์ซูเปอร์โบว์ลอยู่ทุกๆ ปี อะไรที่นอกเหนือจากนั้นถือว่ารับไม่ได้ ต้องขอบคุณ พิตต์สเบิร์ก ยุคปี 1970 ที่คว้าแชมป์เกือบทุกปี ส่วนผมนี่ถือเป็นเกมชิงแชมป์สายสมัยที่ 4 ผมแพ้มา 2 ชนะแค่เกมเดียว ผมจึงอยากทำสถิติให้เป็น 50 เปอร์เซ็นต์ และไปให้ถึงซูเปอร์โบว์ล”
สำหรับช่วงสุดสัปดาห์สภาพอากาศที่พิตต์สเบิร์ก สูงสุดแค่ 7 องศาเซลเซียส ในตอนกลางคืนลงต่ำถึง -9 องศา แต่ในคืนวันอาทิตย์สภาพสนามไฮน์ซ ฟิลด์ อาจมีหิมะโปรยปรายลงมาปกคลุมเหมือนเกมที่ สตีลเลอร์ส คว่ำ ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส 35-24 ในเกมดิวิชันนัล เพลย์ออฟ สัปดาห์ก่อน เนื่องจากอุณหภูมิมีโอกาสลดต่ำสุดถึง -20 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว
นับตั้งแต่ปี 1970 พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ประกาศศักดาเข้าชิงแชมป์สาย AFC ของศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เป็นครั้งที่ 14 แต่ปรากฏว่า 13 ครั้งก่อนหน้านี้ “คนเหล็ก” คว้าชัยแค่ 6 แพ้ 7 เกม โดยเป็นการชนะที่บ้าน 4 แพ้ 5 เกม
หากนับตั้งแต่ปี 1994 สมัย บิลล์ คาวเออร์ ยังคุมทัพ สตีลเลอร์ส มีสถิติชนะแค่ 1 แพ้ถึง 4 เกม เมื่อได้เล่นที่บ้านในเกมชิงแชมป์สาย หนสุดท้ายที่ “คนเหล็ก” คว้าชัยในถิ่นเกิดขึ้นเหนือ อินเดียนาโปลิส โคลต์ส 20-16 เมื่อเดือนมกราคม ปี 1996 ก่อนไปแพ้ ดัลลัส คาวบอยส์ 17-27 ในซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 30
ส่วนความบ้อท่า 4 ครั้งของ สตีลเลอร์ส คือการพ่าย ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส 13-17 ที่ทรี ริเวอร์ส สเตเดียม ฤดูกาล 1994/95 เสียท่า เดนเวอร์ บรองโกส์ 21-24 อีกสามซีซั่นถัดมา จากนั้นโดน นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ เบิ้ลชัยที่ ไฮน์ซ ฟิลด์ 24-17 และ 41-27 ในปี 2001 และ 2004 ตามลำดับ
เมื่อเป็นเช่นนี้ แอรอน สมิธ ดีเฟนด์ซีฟ เอนด์ วัย 32 ปี อยากให้บทเรียนข้างต้นเตือนไปยังรุ่นน้องในทีม “ผมแพ้เกมชิงแชมป์สายที่บ้านมา 2 หน ซึ่งไม่ตลกเลย มันยังฝังอยู่กับผมไปตราบชั่วชีวิต ผมไม่สนใจหรอกว่า พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส กวาดมาแล้วกี่ซูเปอร์โบว์ล (5 สมัย) เพราะคุณไม่มีทางลืมได้หากต้องพ่ายแพ้ในเกมชิงแชมป์สาย”
นอกจากนี้ สมิธ ซึ่งถูกดราฟท์เข้าทีมเมื่อปี 1999 ยังกระตุ้นเพื่อนๆ น้องๆ “คนเหล็ก” ก่อนเจอ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ คู่ปรับร่วมกลุ่ม AFC เหนือ ในคืนวันอาทิตย์นี้ตามวัน-เวลาท้องถิ่น “ผมคิดว่าทุกคนรู้ว่านี่คือเกมใหญ่ขนาดไหน แต่เด็กๆ อีกหลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่ามันจะเป็นอย่างไร มันเป็นเกมหนักที่คุณไม่เคยเจอมาก่อน คุณต้องใส่ทุกอย่างลงไป”
ด้าน ไฮน์ส วอร์ด ปีกนอกตัวเก่ง สตีลเลอร์ส กล่าวบ้าง “แฟนๆ ที่นี่มองไปถึงการเป็นแชมป์ซูเปอร์โบว์ลอยู่ทุกๆ ปี อะไรที่นอกเหนือจากนั้นถือว่ารับไม่ได้ ต้องขอบคุณ พิตต์สเบิร์ก ยุคปี 1970 ที่คว้าแชมป์เกือบทุกปี ส่วนผมนี่ถือเป็นเกมชิงแชมป์สายสมัยที่ 4 ผมแพ้มา 2 ชนะแค่เกมเดียว ผมจึงอยากทำสถิติให้เป็น 50 เปอร์เซ็นต์ และไปให้ถึงซูเปอร์โบว์ล”
สำหรับช่วงสุดสัปดาห์สภาพอากาศที่พิตต์สเบิร์ก สูงสุดแค่ 7 องศาเซลเซียส ในตอนกลางคืนลงต่ำถึง -9 องศา แต่ในคืนวันอาทิตย์สภาพสนามไฮน์ซ ฟิลด์ อาจมีหิมะโปรยปรายลงมาปกคลุมเหมือนเกมที่ สตีลเลอร์ส คว่ำ ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส 35-24 ในเกมดิวิชันนัล เพลย์ออฟ สัปดาห์ก่อน เนื่องจากอุณหภูมิมีโอกาสลดต่ำสุดถึง -20 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว