คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน
ช่วงสัปดาห์ก่อน ผมเดินทางไปที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อดูงานโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์กับคณะของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำโดย คุณสุจินดา โชติพานิช ปลัดกระทรวงฯ และ คุณศิริชัย เขียนมีสุข เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้ความรู้มากมาย โดยการไฟฟ้าของฝรั่งเศส ( Electricite de France - EDF ) ถือว่าเป็นสุดยอดในเรื่องเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ นอกจากจะสร้างให้อังกฤษแล้ว เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็เพิ่งบรรลุข้อตกลงสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ให้สหรัฐอเมริกาอีกด้วย ส่วนประเทศไทยของเรานี่ก็ตั้งเป้าไว้ว่า ในปี 2020 เราจะมีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 2 ยูนิทๆละ 1,000 เมกาวัทท์ และในปีถัดไปอีก 2 ยูนิท
ในโอกาสเดียวกันก็เลยได้คุยกับคนฝรั่งเศสถึงเรื่องกีฬา ซึ่งนอกจาก อแล็ง แบร์นาร ( Alain Bernard ) นักว่ายน้ำเหรียญทอง เป่ยจิง 2008 ในรายการฟรีสตายล์ 100 เมตรชายที่กำลังดังระเบิดอยู่ในขณะนี้แล้ว ก็ยังมีเรื่องของ ซีเนดีน ซีดาน ( Zinedine Zidane ) ทึ่กำลังจะหวนคืนวงการฟุตบอลอีกครั้ง หลังจากที่แขวนสตั๊ดไปตั้งแต่จบฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี
แฟนบอลหลายคนคงจำได้ว่า ในนัดชิงชนะเลิศระหว่าง ฝรั่งเศส กับ อิตาลี หลังจากที่เสมอกันในเวลาปกติ 1-1 จากประตูของ ซีดาน กับ มารโก มาเตราสซี ( Marco Materazzi ) กองหลังของอิตาลี ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซีซู ถูกยั่วยุโดยเจ้าแมททริกซ์ จึงเอาหัวโขกเข้าที่หน้าอกหมอนี่ล้มลง เป็นเหตุให้เขาต้องโดนไล่ออกจากสนามไป หลังจากนั้นสื่อมวลชนอังกฤษ 3 ฉบับ ทั้ง เดอะ ทายม์ส ( The Times ) เดอะ ซัน ( The Sun ) และ เดลี สตาร์ ( Daily Star ) ก็ไปจ้างนักอ่านริมฝีปากเพื่อจะรู้ให้ได้ว่า มาเตราสซี พูดกับ ซีดาน ว่าอย่างไรถึงทำให้เขาหัวเสียขนาดนั้น ซึ่งทั้ง 3 ฉบับก็ได้คำตอบว่า “ ไอ้ลูกกะหรี่จอมก่อการร้าย ” อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ ทั้ง เดอะ ซัน กับ เดลี สตาร์ ต่างก็ออกมาลงประกาศขอโทษ มาเตราสซี ทางหน้าหนังสือพิมพ์
เกี่ยวกับเรื่องนี้ มาเตราสซี บอกว่า ตนพูดจาเหยียดหยามจริง แต่ไม่ได้พูดถึงคุณแม่ของ ซีซู แม้แต่น้อย สองเดือนหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว มาเตราสซี เผยให้ฟังว่า ตนดึงเสื้อของซีดาน จนซีดานบอกว่า ถ้าอยากได้นัก เดี๋ยวจะถอดให้เมื่อจบเกม แล้วตนก็สวนไปว่า อยากได้กะหรี่ที่เป็นน้องสาวของเอ็งมากกว่า ก็พูดไปอย่างนั้น ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ซีดาน มีน้องสาวหรือเปล่า ในขณะที่ ซีซู เองก็ออกมากล่าวขอโทษ แต่ยืนยันว่า มาเตราสซี กล่าวเหยียดคุณแม่และน้องสาวของเขาจริงๆ หลายหนด้วย และไม่เคยนึกเสียใจเลยที่เอาหัวโขกหมอนี่ เพราะมันสมควรแล้ว
ซีซู ยังมีปัญหาคาใจกับเพื่อนร่วมทีมชาติฝรั่งเศสอีก 2 คนนั่นคือ เชโรม โรเตน ( Jerome Rothen ) กับ เอมมานูเอล เปอตี ( Emmanuel Petit ) เพราะทั้งสองได้บังอาจวิพากวิจารณ์ ซีดาน ในหนังสือของพวกเขา นอกจากนั้นยังเผยว่า ซีดาน แอบไปมีข้อตกลงลับๆกับผู้บริหารบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ นั่นคือ ดาโนน ( Danone ) กับ เจเนราลี ( Generali ) ทำให้ ซีดาน ต้องออกมาตอบโต้ผ่านทางหนังสือพิมพ์ เลกิป ( L’ Equipe ) และ เลอ ปารีเซียง ( Le Parisien ) ว่า พวกนี้อยากดัง เพราะถ้าเขียนถึง ซีดาน หนังสือขายดีแน่ ที่โกรธก็เพราะ 2 คนนี่ทำเพื่อให้หนังสือของตนขายดี ถ้ามีอะไรก็พูดกันตรงๆก็ย่อมได้ โดย โรเตน อ้างว่าได้เคลียร์เรื่องนี้กับ ซีดาน แล้ว และบอกว่าจะส่งหนังสือ “ คุณต้องไม่เชื่อผมแน่ ” ( Vous n' allez pas me croire ) มาให้ดูว่า ไม่ได้เขียนอะไรว่าร้าย ซีดาน เลย แต่จนถึงบัดนี้ ซีดาน ก็ยังไม่ได้รับหนังสือบ้านั่นซักที แล้วยังไปอ้างในรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งว่า ได้คุยโทรศัพท์เคลียร์กันแล้ว แต่ ซีดาน ก็ยืนยันอย่างเยือกเย็นว่า ไม่เคยได้คุยอะไรทางโทรศัพท์กับหมอนี่ และปัญหายังไม่ได้เคลียร์นะ ซีซู บอกว่า ทุกสิ่งที่คิดทำในชีวิต ก็เพราะคิดแล้วว่าสมควรทำ อะไรที่มีคนเสนอมา ก็ต้องลองไปศึกษาดูทุกโครงการนั่นแหละ มันไม่ได้มีสอนกันทางโทรทัศน์นี่นา แล้วมายุ่งอะไรกับตนด้วย
เรื่องคำพูดของคนที่แกว่งปากพูดให้ร้ายคนอื่น ไม่ว่าจะเพื่อกวนประสาทเฉยๆ เพื่อความสะใจ หรือเพื่อสร้างความเด่นความดังให้กับตนเอง คงต้องได้รับผลตอบแทนกันไปบ้าง โดยเฉพาะกับ ซีเนดีน ซีดาน บางครั้งเพื่อนร่วมทีมชาติฝรั่งเศสทั้ง 2 คนอาจโดนซัดแบบที่ มาเตราสซี ได้รับก็ได้
สำหรับเรื่องการหวนคือสู่วงการฟุตบอลที่เป็นข่าวเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนว่า ซีดาน พร้อมที่จะกลับคืนสู่วงการฟุตบอล เพื่อเป็นหัวใจสำคัญของสโมสร ไม่ใช่ในฐานะผู้เล่นหรือโค้ช แต่อาจเป็นผู้อำนวยการหรือประธานสโมสรก็ได้ เรื่องนี้ยังคงเป็นแค่ความฝันเท่านั้น แต่ที่คนฝรั่งเศสเผยให้ผมฟังก็คือ หลังจากที่เขาอยู่ในวงการฟุตบอลมานาน 17 ปีจนขึ้นถึงจุดสูงสุด และทิ้งห่างจากฟุตบอลอย่างเด็ดขาด ไม่แม้กระทั่งดูเกมทางโทรทัศน์นานถึง 6-7 เดือน ซีดาน ได้ค้นพบว่า อะไรก็ไม่น่าสนใจสำหรับเขาเท่ากับฟุตบอล ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด ตอนนี้จึงมีโครงการเปิดศูนย์ฟุตบอลที่เมืองมารแซย เป็นสนามเล็กในร่มสำหรับเล่นฟุตบอล 5 คนทางตอนเหนือของเมืองมารแซย บ้านเกิดของเขาเองเท่านั้น
ช่วงสัปดาห์ก่อน ผมเดินทางไปที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อดูงานโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์กับคณะของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำโดย คุณสุจินดา โชติพานิช ปลัดกระทรวงฯ และ คุณศิริชัย เขียนมีสุข เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้ความรู้มากมาย โดยการไฟฟ้าของฝรั่งเศส ( Electricite de France - EDF ) ถือว่าเป็นสุดยอดในเรื่องเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ นอกจากจะสร้างให้อังกฤษแล้ว เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็เพิ่งบรรลุข้อตกลงสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ให้สหรัฐอเมริกาอีกด้วย ส่วนประเทศไทยของเรานี่ก็ตั้งเป้าไว้ว่า ในปี 2020 เราจะมีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 2 ยูนิทๆละ 1,000 เมกาวัทท์ และในปีถัดไปอีก 2 ยูนิท
ในโอกาสเดียวกันก็เลยได้คุยกับคนฝรั่งเศสถึงเรื่องกีฬา ซึ่งนอกจาก อแล็ง แบร์นาร ( Alain Bernard ) นักว่ายน้ำเหรียญทอง เป่ยจิง 2008 ในรายการฟรีสตายล์ 100 เมตรชายที่กำลังดังระเบิดอยู่ในขณะนี้แล้ว ก็ยังมีเรื่องของ ซีเนดีน ซีดาน ( Zinedine Zidane ) ทึ่กำลังจะหวนคืนวงการฟุตบอลอีกครั้ง หลังจากที่แขวนสตั๊ดไปตั้งแต่จบฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี
แฟนบอลหลายคนคงจำได้ว่า ในนัดชิงชนะเลิศระหว่าง ฝรั่งเศส กับ อิตาลี หลังจากที่เสมอกันในเวลาปกติ 1-1 จากประตูของ ซีดาน กับ มารโก มาเตราสซี ( Marco Materazzi ) กองหลังของอิตาลี ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซีซู ถูกยั่วยุโดยเจ้าแมททริกซ์ จึงเอาหัวโขกเข้าที่หน้าอกหมอนี่ล้มลง เป็นเหตุให้เขาต้องโดนไล่ออกจากสนามไป หลังจากนั้นสื่อมวลชนอังกฤษ 3 ฉบับ ทั้ง เดอะ ทายม์ส ( The Times ) เดอะ ซัน ( The Sun ) และ เดลี สตาร์ ( Daily Star ) ก็ไปจ้างนักอ่านริมฝีปากเพื่อจะรู้ให้ได้ว่า มาเตราสซี พูดกับ ซีดาน ว่าอย่างไรถึงทำให้เขาหัวเสียขนาดนั้น ซึ่งทั้ง 3 ฉบับก็ได้คำตอบว่า “ ไอ้ลูกกะหรี่จอมก่อการร้าย ” อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ ทั้ง เดอะ ซัน กับ เดลี สตาร์ ต่างก็ออกมาลงประกาศขอโทษ มาเตราสซี ทางหน้าหนังสือพิมพ์
เกี่ยวกับเรื่องนี้ มาเตราสซี บอกว่า ตนพูดจาเหยียดหยามจริง แต่ไม่ได้พูดถึงคุณแม่ของ ซีซู แม้แต่น้อย สองเดือนหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว มาเตราสซี เผยให้ฟังว่า ตนดึงเสื้อของซีดาน จนซีดานบอกว่า ถ้าอยากได้นัก เดี๋ยวจะถอดให้เมื่อจบเกม แล้วตนก็สวนไปว่า อยากได้กะหรี่ที่เป็นน้องสาวของเอ็งมากกว่า ก็พูดไปอย่างนั้น ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ซีดาน มีน้องสาวหรือเปล่า ในขณะที่ ซีซู เองก็ออกมากล่าวขอโทษ แต่ยืนยันว่า มาเตราสซี กล่าวเหยียดคุณแม่และน้องสาวของเขาจริงๆ หลายหนด้วย และไม่เคยนึกเสียใจเลยที่เอาหัวโขกหมอนี่ เพราะมันสมควรแล้ว
ซีซู ยังมีปัญหาคาใจกับเพื่อนร่วมทีมชาติฝรั่งเศสอีก 2 คนนั่นคือ เชโรม โรเตน ( Jerome Rothen ) กับ เอมมานูเอล เปอตี ( Emmanuel Petit ) เพราะทั้งสองได้บังอาจวิพากวิจารณ์ ซีดาน ในหนังสือของพวกเขา นอกจากนั้นยังเผยว่า ซีดาน แอบไปมีข้อตกลงลับๆกับผู้บริหารบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ นั่นคือ ดาโนน ( Danone ) กับ เจเนราลี ( Generali ) ทำให้ ซีดาน ต้องออกมาตอบโต้ผ่านทางหนังสือพิมพ์ เลกิป ( L’ Equipe ) และ เลอ ปารีเซียง ( Le Parisien ) ว่า พวกนี้อยากดัง เพราะถ้าเขียนถึง ซีดาน หนังสือขายดีแน่ ที่โกรธก็เพราะ 2 คนนี่ทำเพื่อให้หนังสือของตนขายดี ถ้ามีอะไรก็พูดกันตรงๆก็ย่อมได้ โดย โรเตน อ้างว่าได้เคลียร์เรื่องนี้กับ ซีดาน แล้ว และบอกว่าจะส่งหนังสือ “ คุณต้องไม่เชื่อผมแน่ ” ( Vous n' allez pas me croire ) มาให้ดูว่า ไม่ได้เขียนอะไรว่าร้าย ซีดาน เลย แต่จนถึงบัดนี้ ซีดาน ก็ยังไม่ได้รับหนังสือบ้านั่นซักที แล้วยังไปอ้างในรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งว่า ได้คุยโทรศัพท์เคลียร์กันแล้ว แต่ ซีดาน ก็ยืนยันอย่างเยือกเย็นว่า ไม่เคยได้คุยอะไรทางโทรศัพท์กับหมอนี่ และปัญหายังไม่ได้เคลียร์นะ ซีซู บอกว่า ทุกสิ่งที่คิดทำในชีวิต ก็เพราะคิดแล้วว่าสมควรทำ อะไรที่มีคนเสนอมา ก็ต้องลองไปศึกษาดูทุกโครงการนั่นแหละ มันไม่ได้มีสอนกันทางโทรทัศน์นี่นา แล้วมายุ่งอะไรกับตนด้วย
เรื่องคำพูดของคนที่แกว่งปากพูดให้ร้ายคนอื่น ไม่ว่าจะเพื่อกวนประสาทเฉยๆ เพื่อความสะใจ หรือเพื่อสร้างความเด่นความดังให้กับตนเอง คงต้องได้รับผลตอบแทนกันไปบ้าง โดยเฉพาะกับ ซีเนดีน ซีดาน บางครั้งเพื่อนร่วมทีมชาติฝรั่งเศสทั้ง 2 คนอาจโดนซัดแบบที่ มาเตราสซี ได้รับก็ได้
สำหรับเรื่องการหวนคือสู่วงการฟุตบอลที่เป็นข่าวเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนว่า ซีดาน พร้อมที่จะกลับคืนสู่วงการฟุตบอล เพื่อเป็นหัวใจสำคัญของสโมสร ไม่ใช่ในฐานะผู้เล่นหรือโค้ช แต่อาจเป็นผู้อำนวยการหรือประธานสโมสรก็ได้ เรื่องนี้ยังคงเป็นแค่ความฝันเท่านั้น แต่ที่คนฝรั่งเศสเผยให้ผมฟังก็คือ หลังจากที่เขาอยู่ในวงการฟุตบอลมานาน 17 ปีจนขึ้นถึงจุดสูงสุด และทิ้งห่างจากฟุตบอลอย่างเด็ดขาด ไม่แม้กระทั่งดูเกมทางโทรทัศน์นานถึง 6-7 เดือน ซีดาน ได้ค้นพบว่า อะไรก็ไม่น่าสนใจสำหรับเขาเท่ากับฟุตบอล ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด ตอนนี้จึงมีโครงการเปิดศูนย์ฟุตบอลที่เมืองมารแซย เป็นสนามเล็กในร่มสำหรับเล่นฟุตบอล 5 คนทางตอนเหนือของเมืองมารแซย บ้านเกิดของเขาเองเท่านั้น