ดิดิเยร์ ดร็อกบา ดาวยิงไอวอรีโคสต์ลงมาเป็นซูเปอร์ซับให้กับ เชลซี ด้วยการสังหารประตูชัยเฉือน ซีเอฟอาร์ คูล์จ 2-1 เข้ารอบน็อกเอาต์ ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ส่วน ลิเวอร์พูล บุกสอย พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน 3-1 ส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่ม
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 6
กลุ่ม เอ : เชลซี (อังกฤษ) 2-1 ซีเอฟอาร์ คูล์จ (โรมาเนีย)
ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี ลงเล่นในบ้านต้อนรับ ซีเอฟอาร์ คูล์จ โดยมีเป้าหมายเอาชนะเพื่อการันตีเข้ารอบน็อกเอาต์ นัดนี้เจ้าบ้านใช้ โจ โคล, ซาโลมง กาลู และ นิโกลาส์ อเนลกา เป็น 3 ประสานในแดนหน้า ส่วนทีมเยือนมี เอ็มมานูเอล คูลิโอ และ ยุสซุฟ โคเน เป็นตัวทีเด็ดในเกมรุก
เปิดฉากมาได้ 3 นาที สิงห์บลูส์ มีโอกาสสับไกครั้งแรกของเกมก่อนจากการเล่นลูกฟรีคิกสั้นของ เดโก ที่ไหลให้ จอห์น โอบี มิเกล แต่กองกลางไนจีเรียนตะบันนอกเขตโทษส่งลูกห่างเป้าหมายออกไปไกล จากนั้น 4 นาที คูล์จ ทำเสียวบ้างจากการลากจากครึ่งสนามขึ้นมาซัดไกลของ อัลวาโร เปเรรา เดือดร้อน ปีเตอร์ เช็ก ที่ต้องล้มตัวปัด
เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 13 จากลูกฟรีคิกเยื้องมาทางซ้ายของเขตโทษ เดโก หยอดลึกไปที่เสาสองให้ อเล็กซ์ สลัดหนีประกบก่อนโดดโขกกดลงพื้นกระดอนข้ามคานเพียงนิดเดียว
กระนั้น ทีมเยือนก็ตอบโต้ได้น่ากลัวเหมือนกันในนาทีที่ 17 จาก เอ็มมานูเอล คูลิโอ โยนจากกราบขวาเลยไปถึงเสาไกลให้ ฮูโก อัลคานตารา โหม่งชงกลับมาหน้าประตูผ่าน เช็ก ไปแล้ว แต่ยังมี มิเกล ตามมาเคลียร์ได้ทันก่อนถูก โคเน ปราดเข้ามาชาร์ต
ถึงนาทีที่ 26 เชลซี ใกล้เคียงกับการใส่สกอร์ได้ เมื่อ แอชลีย์ โคล ไหลขึ้นมาทางกราบซ้ายให้ มิชาเอล บัลลัค เปิดย้อนมาหน้ากรอบเขตโทษให้ โจ โคล แตะหาช่องซัดด้วยขวาส่งลูกหนีมือ นูโน คลาโร หลุดออกไปทางเสาแรกอย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของเจ้าบ้านมาประสบความสำเร็จเอาในนาทีที่ 40 จากจังหวะที่ เดโก ตักลูกฟรีคิกมาหน้าประตู บอลตกใส่ ซาโลมง กาลู ที่โฉบเข้ามาตรงกลางล่อเป้ายิงไม่เหลือซากเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของ เชลซี ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
กลับเข้าสู่ครึ่งหลัง คูล์จ ยังคงสู้ยิบตาและก็สามารถช็อกกองเชียร์สิงห์บลูส์ด้วยการตามตีเสมอเป็น 1-1 ได้ในนาทีที่ 55 จากการประสานงานขึ้นมาทางขวาของ คริสเตียน พานิน กับ คูลิโอ ก่อนที่ พานิน จะเปิดโค้งไปที่เสาสองให้ โคเน ขึ้นโหม่งผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก เสียบเสาแรกตุงตาข่าย
หลังจากสกอร์เท่ากันได้แค่นาทีเดียว เชลซี เกือบทำประตูขึ้นนำอีกครั้งอย่างทันควันโดย โจ โคล สอดเข้าไปรับบอลจากเพื่อนร่วมทีมในเขตโทษแล้วซัดเน้นๆ แต่ นูโน คลาโร ยังพุ่งออกมาขวางไว้ได้ทันเวลา ทำให้ลูกติดบล็อกออกหลังไป
นาทีที่ 65 หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี แก้เกมด้วยการส่ง ดิดิเยร์ ดร็อกบา ลงมาล่าตาข่ายแทน กาลู ซึ่งก็เห็นผลในนาทีที่ 71 เมื่อ มิเกล ตัดบอลได้แถวกลางสนามก่อนตักบอลให้ โจ โคล หยอดต่อมาที่ ดร็อกบา เกี่ยวบอลลงแล้วจิ้มเร็วทันทีส่งลูกผ่านการป้องกันของ นูโน คลาโร เข้าไปอย่างเหนือชั้นเป็นประตูนำ 2-1 ของเจ้าถิ่น
ช่วงเวลาที่เหลือ เชลซี คุมเกมเอาไว้ได้เกือบหมด ก่อนจะจบลงด้วยการเฉือนชนะ คูล์จ 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 11 คะแนน เข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม เอ พร้อมกับ โรมา จ่าฝูงของสายที่เปิดบ้านสอย บอร์กโดซ์ 2-0
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี – ปีเตอร์ เช็ก, โฮเซ โบซิงวา, อเล็กซ์, จอห์น เทอร์รี, แอชลีย์ โคล, จอห์น โอบี มิเกล, มิชาเอล บัลลัค, เดโก, โจ โคล, ซาโลมง กาลู, นิโกลาส์ อเนลกา
ซีเอฟอาร์ คลูจ – นูโน คลาโร, คริสเตียน พานิน, คาดู, ฮูโก อัลคานตารา, อัลวาโร เปเรรา, ดานี, กาเบรียล มูเรซาน, เซบาสเตียน ดูบาร์เบียร์, เอ็มมานูเอล คูลิโอ, ยูเกน ทริกา, ยุสซุฟ โคเน
ผลฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย
กลุ่ม เอ
เชลซี (อังกฤษ) ชนะ ซีเอฟอาร์ คูล์จ (โรมาเนีย) 2-1 (ซาโลมง กาลู 1-0 น.40), (ยุสซุฟ โคเน 1-1 น.55), (ดิดิเยร์ ดร็อกบา 2-1 น.71)
โรมา (อิตาลี) ชนะ บอร์กโดซ์ (ฝรั่งเศส) 2-0 (มัตเตโอ บริกี 1-0 น.61), (ฟรานเชสโก ต๊อตติ (2-0 น.79)
กลุ่ม บี
พานาธิไนกอส (กรีซ) ชนะ อนอร์โธซิส ฟามากุสตา (ไซปรัส) 1-0 (จอร์จอส คารากูนิส 1-0 น.69)
แวร์เดอร์ เบรเมน (เยอรมนี) ชนะ อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) 2-1 (เคลาดิโอ ปิซาร์โร 1-0 น.63), (มาร์คุส โรเซนเบิร์ก 2-0 น.81), (ซลาตัน อิบราฮิโมวิช 2-1 น.88)
กลุ่ม ซี
บาร์เซโลนา (สเปน) แพ้ ชัคเตอร์ โดเนทส์ค (ยูเครน) 2-3 (โอเล็กซานเดอร์ กลาดกี 0-1 น.31), (โอเล็กซานเดอร์ กลาดกี 0-2 น.58), (ซิลวินโญ 1-2 น.59), (แฟร์นานดินโญ 1-3 น.76), (เซร์กี บุสเกตส์ 2-3 น.83)
เอฟซี บาเซิล (สวิตเซอร์แลนด์) แพ้ สปอร์ติง ลิสบอน (โปรตุเกส) 0-1 (ยานนิค ฌาโล 0-1 น.19)
กลุ่ม ดี
โอลิมปิก มาร์กเซย (ฝรั่งเศส) เสมอ แอตเลติโก มาดริด (สเปน) 0-0
พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน (ฮอลแลนด์) แพ้ ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 1-3 (ดานโก ลาโซวิช 1-0 น.36), (ไรอัน บาเบล 1-1 น.45), (อัลเบิร์ต ริเอรา 1-2 น.68), (ดาวิด เอ็นก็อก 1-3 น.78)
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 6
กลุ่ม เอ : เชลซี (อังกฤษ) 2-1 ซีเอฟอาร์ คูล์จ (โรมาเนีย)
ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี ลงเล่นในบ้านต้อนรับ ซีเอฟอาร์ คูล์จ โดยมีเป้าหมายเอาชนะเพื่อการันตีเข้ารอบน็อกเอาต์ นัดนี้เจ้าบ้านใช้ โจ โคล, ซาโลมง กาลู และ นิโกลาส์ อเนลกา เป็น 3 ประสานในแดนหน้า ส่วนทีมเยือนมี เอ็มมานูเอล คูลิโอ และ ยุสซุฟ โคเน เป็นตัวทีเด็ดในเกมรุก
เปิดฉากมาได้ 3 นาที สิงห์บลูส์ มีโอกาสสับไกครั้งแรกของเกมก่อนจากการเล่นลูกฟรีคิกสั้นของ เดโก ที่ไหลให้ จอห์น โอบี มิเกล แต่กองกลางไนจีเรียนตะบันนอกเขตโทษส่งลูกห่างเป้าหมายออกไปไกล จากนั้น 4 นาที คูล์จ ทำเสียวบ้างจากการลากจากครึ่งสนามขึ้นมาซัดไกลของ อัลวาโร เปเรรา เดือดร้อน ปีเตอร์ เช็ก ที่ต้องล้มตัวปัด
เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 13 จากลูกฟรีคิกเยื้องมาทางซ้ายของเขตโทษ เดโก หยอดลึกไปที่เสาสองให้ อเล็กซ์ สลัดหนีประกบก่อนโดดโขกกดลงพื้นกระดอนข้ามคานเพียงนิดเดียว
กระนั้น ทีมเยือนก็ตอบโต้ได้น่ากลัวเหมือนกันในนาทีที่ 17 จาก เอ็มมานูเอล คูลิโอ โยนจากกราบขวาเลยไปถึงเสาไกลให้ ฮูโก อัลคานตารา โหม่งชงกลับมาหน้าประตูผ่าน เช็ก ไปแล้ว แต่ยังมี มิเกล ตามมาเคลียร์ได้ทันก่อนถูก โคเน ปราดเข้ามาชาร์ต
ถึงนาทีที่ 26 เชลซี ใกล้เคียงกับการใส่สกอร์ได้ เมื่อ แอชลีย์ โคล ไหลขึ้นมาทางกราบซ้ายให้ มิชาเอล บัลลัค เปิดย้อนมาหน้ากรอบเขตโทษให้ โจ โคล แตะหาช่องซัดด้วยขวาส่งลูกหนีมือ นูโน คลาโร หลุดออกไปทางเสาแรกอย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของเจ้าบ้านมาประสบความสำเร็จเอาในนาทีที่ 40 จากจังหวะที่ เดโก ตักลูกฟรีคิกมาหน้าประตู บอลตกใส่ ซาโลมง กาลู ที่โฉบเข้ามาตรงกลางล่อเป้ายิงไม่เหลือซากเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของ เชลซี ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
กลับเข้าสู่ครึ่งหลัง คูล์จ ยังคงสู้ยิบตาและก็สามารถช็อกกองเชียร์สิงห์บลูส์ด้วยการตามตีเสมอเป็น 1-1 ได้ในนาทีที่ 55 จากการประสานงานขึ้นมาทางขวาของ คริสเตียน พานิน กับ คูลิโอ ก่อนที่ พานิน จะเปิดโค้งไปที่เสาสองให้ โคเน ขึ้นโหม่งผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก เสียบเสาแรกตุงตาข่าย
หลังจากสกอร์เท่ากันได้แค่นาทีเดียว เชลซี เกือบทำประตูขึ้นนำอีกครั้งอย่างทันควันโดย โจ โคล สอดเข้าไปรับบอลจากเพื่อนร่วมทีมในเขตโทษแล้วซัดเน้นๆ แต่ นูโน คลาโร ยังพุ่งออกมาขวางไว้ได้ทันเวลา ทำให้ลูกติดบล็อกออกหลังไป
นาทีที่ 65 หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี แก้เกมด้วยการส่ง ดิดิเยร์ ดร็อกบา ลงมาล่าตาข่ายแทน กาลู ซึ่งก็เห็นผลในนาทีที่ 71 เมื่อ มิเกล ตัดบอลได้แถวกลางสนามก่อนตักบอลให้ โจ โคล หยอดต่อมาที่ ดร็อกบา เกี่ยวบอลลงแล้วจิ้มเร็วทันทีส่งลูกผ่านการป้องกันของ นูโน คลาโร เข้าไปอย่างเหนือชั้นเป็นประตูนำ 2-1 ของเจ้าถิ่น
ช่วงเวลาที่เหลือ เชลซี คุมเกมเอาไว้ได้เกือบหมด ก่อนจะจบลงด้วยการเฉือนชนะ คูล์จ 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 11 คะแนน เข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม เอ พร้อมกับ โรมา จ่าฝูงของสายที่เปิดบ้านสอย บอร์กโดซ์ 2-0
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี – ปีเตอร์ เช็ก, โฮเซ โบซิงวา, อเล็กซ์, จอห์น เทอร์รี, แอชลีย์ โคล, จอห์น โอบี มิเกล, มิชาเอล บัลลัค, เดโก, โจ โคล, ซาโลมง กาลู, นิโกลาส์ อเนลกา
ซีเอฟอาร์ คลูจ – นูโน คลาโร, คริสเตียน พานิน, คาดู, ฮูโก อัลคานตารา, อัลวาโร เปเรรา, ดานี, กาเบรียล มูเรซาน, เซบาสเตียน ดูบาร์เบียร์, เอ็มมานูเอล คูลิโอ, ยูเกน ทริกา, ยุสซุฟ โคเน
ผลฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย
กลุ่ม เอ
เชลซี (อังกฤษ) ชนะ ซีเอฟอาร์ คูล์จ (โรมาเนีย) 2-1 (ซาโลมง กาลู 1-0 น.40), (ยุสซุฟ โคเน 1-1 น.55), (ดิดิเยร์ ดร็อกบา 2-1 น.71)
โรมา (อิตาลี) ชนะ บอร์กโดซ์ (ฝรั่งเศส) 2-0 (มัตเตโอ บริกี 1-0 น.61), (ฟรานเชสโก ต๊อตติ (2-0 น.79)
กลุ่ม บี
พานาธิไนกอส (กรีซ) ชนะ อนอร์โธซิส ฟามากุสตา (ไซปรัส) 1-0 (จอร์จอส คารากูนิส 1-0 น.69)
แวร์เดอร์ เบรเมน (เยอรมนี) ชนะ อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) 2-1 (เคลาดิโอ ปิซาร์โร 1-0 น.63), (มาร์คุส โรเซนเบิร์ก 2-0 น.81), (ซลาตัน อิบราฮิโมวิช 2-1 น.88)
กลุ่ม ซี
บาร์เซโลนา (สเปน) แพ้ ชัคเตอร์ โดเนทส์ค (ยูเครน) 2-3 (โอเล็กซานเดอร์ กลาดกี 0-1 น.31), (โอเล็กซานเดอร์ กลาดกี 0-2 น.58), (ซิลวินโญ 1-2 น.59), (แฟร์นานดินโญ 1-3 น.76), (เซร์กี บุสเกตส์ 2-3 น.83)
เอฟซี บาเซิล (สวิตเซอร์แลนด์) แพ้ สปอร์ติง ลิสบอน (โปรตุเกส) 0-1 (ยานนิค ฌาโล 0-1 น.19)
กลุ่ม ดี
โอลิมปิก มาร์กเซย (ฝรั่งเศส) เสมอ แอตเลติโก มาดริด (สเปน) 0-0
พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน (ฮอลแลนด์) แพ้ ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 1-3 (ดานโก ลาโซวิช 1-0 น.36), (ไรอัน บาเบล 1-1 น.45), (อัลเบิร์ต ริเอรา 1-2 น.68), (ดาวิด เอ็นก็อก 1-3 น.78)
