สุดสัปดาห์นี้มีการแข่งขันกอล์ฟชิงแชมป์โลกรายการ “โอเมกา มิสชัน ฮิลล์ส เวิลด์ คัพ (OMEGA Mission Hills World Cup)” ซึ่งยังคงจัดขึ้นที่สนามมิสชัน ฮิลล์ส ในเมืองจีน ซึ่งแม้ว่าจะมีเงินรางวัลสำหรับผู้ชนะถึง 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเศรษฐกิจตกสะเก็ด แต่ทว่าบรรดาโปรระดับบิ๊กเนมก็ยังคงปัดโอกาสที่จะรับใช้ชาติลงแข่งในทัวร์นาเมนท์นี้เหมือนเดิม โดยทีมไทยส่งธงชัย ใจดี จับคู่กับ ประหยัด มากแสง ตั้งเป้าติด 1 ใน 5
หลายปีที่ผ่านมาทีมชั้นนำอย่าง สหรัฐฯ, สเปน, ไอร์แลนด์, ออสเตรเลีย, แอฟริกาใต้, อังกฤษ หรือเกาหลีใต้ ไม่มีโอกาสได้ใช้ผู้เล่นที่ดีที่สุดของประเทศทำศึก เวิลด์ คัพ และในปีนี้ก็เช่นกันที่ไม่มีรายชื่อของ ฟิล มิคเคลสัน, แอนโธนี คิม, จิม ฟิวริค, สตีฟ สตริคเกอร์, สจ๊วร์ต ซิงค์, เคนนี เพอร์รีย์ หรือแม้แต่ จัสติน เลนนาร์ด ลงดวลสวิง ทำให้ สหรัฐฯ เจ้าของสถิติครองแชมป์มากที่สุด 23 สมัยจำต้องฝากความหวังไว้กับสองรุคกีอย่าง “เบน เคอร์ติส” หนึ่งในสมาชิก ไรเดอร์ คัพ ชุดแชมป์ที่สนามวัลฮัลลา กับ “แบรนด์ท สเนเดเคอร์” ว่าจะคว้าโทรฟี เวิลด์ คัพ ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี
ไม่เพียงแต่ สหรัฐฯ เท่านั้น ยังมีอีกหลายทีมที่ต้องประสบปัญหาดังกล่าว ทั้ง เซอร์จิโอ การ์เซีย (สเปน), พาเดรก แฮร์ริงตัน (ไอร์แลนด์), เจฟฟ์ โอกิลวี (ออสเตรเลีย), เออร์นี เอลส์ (แอฟริกาใต้), ลี เวสต์วูด (อังกฤษ), เคเจ ชอย (เกาหลีใต้) และ ไมค์ เวียร์ (แคนาดา) ที่ต่างไม่ให้ความสำคัญกับการแข่งขันรายการนี้เช่นกัน
ส่วนทีมที่ดูเหมือนจะพร้อมที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “สวีเดน” ที่มี โรเบิร์ต คาร์ลส์สัน จับคู่กับ เฮนริค สเตนสัน ซึ่งถือเป็นทีมที่มีโปรอันดับโลกสูดสุดคือมือ 6 และ 12 ตามลำดับ โดย คาร์ลส์สัน มีมาตรฐานการเล่นที่สูงมากในปีนี้ คว้าแชมป์ได้ 2 รายการจนส่งให้ขึ้นไปคว้าตำแหน่งทำเงินรางวัลสูงสุดของ ยูโรเปียน ทัวร์ ส่วน สเตนสัน เจ้าของแชมป์ ยูโรเปียน ทัวร์ 6 รายการ ก็ฟอร์มกำลังดีสามารถจบอันดับ 5 จากศึก เอชเอสบีซี แชมเปียนส์ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีสถิติการเล่น เวิลด์ คัพ ที่ยอดเยี่ยมโดยเคยคว้ารองแชมป์เมื่อปี 2005 และอันดับ 3 เมื่อปี 2006 นอกจากนี้คู่หูจากแดนไวกิงยังเคยเล่นด้วยกันมาแล้วใน ไรเดอร์ คัพ แบบไฟร์บอล วันที่สอง
ทางด้านแชมป์เก่าอย่างสกอตแลนด์ โคลิน มอนต์โกเมอรี ที่กำลังจะได้เล่น เวิลด์ คัพ เป็นสมัยที่ 10 เปลี่ยนไปจับคู่กับ อลิสแตร์ ฟอร์ไซธ์ โปรมือ 117 ของโลก หลังจากเมื่อปีที่แล้วควงคู่ มาร์ค วอร์เรน ชนะเพลย์ออฟเหนือสหรัฐฯ คว้าแชมป์แรกให้กับประเทศได้สำเร็จ ขณะที่สถิติการเล่นในปีนี้ของ “มอนตี” ในวัย 45 ปี ที่พลาดหวังถูกเรียกตัวไปติดทีมไรเดอร์ คัพ สามารถจบท็อป 10 ได้เพียง 3 จาก 24 รายการที่ลงแข่งเท่านั้น ส่วน สเปน เจ้าของแชมป์ 4 สมัย จะใช้คู่หูต่างวัยอย่าง มิเกล อังเคิล ฮิมิเนซ สิงห์เฒ่าที่ยังไม่เคยไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้เลยแม้จะเล่นมาแล้วถึง 11 ครั้ง กับ พาโบล ลาร์ราซาบัล รุคกียอดเยี่ยมแห่งปีของ ยูโรเปียน ทัวร์ ขณะที่ อังกฤษ ส่ง เอียน โพลเตอร์ สวิงยุโรปที่ทำแต้มมากที่สุดใน ไรเดอร์ คัพ ลงเล่นกับ รอสส์ ฟิเชอร์ ที่ฟอร์มดีตลอดปี พิสูจน์ได้จากการจบอันดับ 6 บนตารางทำเงินสูงสุด
สำหรับตัวแทนจากเอเชียเคยก้าวขึ้นไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้ 3 ครั้งจากประวัติศาสตร์ 54 ปี นั่นคือ ญี่ปุ่น เมื่อปี 1957 และ 2002 กับ ไต้หวัน เมื่อปี 1972 แต่ความหวังสูงสุดในปีนี้คงหนีไม่พ้น “อินเดีย” ที่นำทีมมาโดย จีฟ มิลกา ซิงห์ สวิงฟอร์มแรงเจ้าของแชมป์ 3 รายการจาก 3 ทัวร์ นอกจากนี้ยังมี “เจ้าภาพ” จีน ที่หวังว่าเสียงเชียร์จากแฟนๆ จะช่วยให้ทำผลงานดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว ที่ได้อันดับ 11 โดยยังคงใช้ เหลียง เหวิน ชง ชาวจีนคนแรกที่ได้ตำแหน่งมือ 1 เอเชียน ทัวร์ จับคู่กับ จาง เหลียนเหว่ย
ขณะที่ทีมไทยเมื่อปีที่แล้วได้อันดับ 15 ยังคงเป็นการจับคู่กันของ ธงชัย ใจดี กับ ประหยัด มากแสง สองโปรมือดีที่สุดของประเทศเช่นเดิม โดยในรายของ “โปรหมาย” ที่จะลงแข่ง เวิลด์ คัพ เป็นครั้งที่ 3 ล่าสุดเพิ่งซิวแชมป์ เจแปน ทัวร์ ดันลอป ฟีนิกซ์ ได้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ “โปรช้าง” อดีตมือ 1 เอเชียน ตั้งความหวังกับการไป เวิลด์ คัพ ในครั้งนี้เอาไว้ว่า “เราอยากจะเป็นแชมป์ แต่มองจากความเป็นจริงแล้วเป้าหมายของเราก็คือท็อป 5"
หากมองโดยรวมแล้วสนามเวิลด์กอล์ฟที่ขาดผู้เล่นระดับท็อป โอกาสในการคว้าชัยย่อมเปิดกว้างสำหรับทุกทีม ที่ผ่านมาโฉมหน้าของผู้ชนะใน 3 ครั้งหลังสุดเป็นทีมระดับกลางอย่าง เวลส์ , เยอรมนี และสกอตแลนด์ ด้วยเหตุนี้ปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นที่เมืองจีนในระหว่างวันที่ 27-30 พฤศจิกายนนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้
