คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน
มาสเตอร์ส คัพ เป็นการแข่งขันเทนนิสรายการสุดท้ายของฤดูกาล ที่คัดเอาสุดยอดนักหวดลูกสักหลาดเพียง 8 อันดับแรกของโลกตาม เอทีพี เรซ ( ATP Race ) ประจำปีนั้นๆเข้าร่วมการแข่งขัน โดยจะแบ่งเป็น 2 สายๆละ 4 คน แข่งแบบพบกันหมดในสายที่เรียกว่า ราวน์ด รอบบิน ( Round-robin ) แล้วก็นำ 2 อันดับแรกของแต่ละสายเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ผู้ชนะในรอบตัดเชือกนี้จะได้เข้าชิงชนะเลิศกัน ซึ่งตามอันดับ เอทีพี เรซ ล่าสุดถึงวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ราฟาเอล นาดาล มือ 1 ของโลกชาวสเปน มี 1310 คะแนน โรเจอร์ เฟเดเรอร์ อดีตมือ 1 ของโลกชาวสวิสที่ร่วงจากบัลลังก์ที่ครองมายาวนาน 237 สัปดาห์มี 1016 คะแนน โนวัค จอโควิช จากเซอร์เบีย มี 914 คะแนน แอนดี เมอร์เรย์ ดาวรุ่งพุ่งแรงจากสก็อตแลนด์ คะแนนตอนนี้ 659 และ นิโคไลย์ ดาวูเด็งโก จากรัสเซีย ซึ่งมี 418 คะแนน ถือเป็นนักหวด 5 อันดับแรกที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งแน่นอนแล้ว ยังคงเหลือพื้นที่ให้อีก 3 คนที่จะต้องวัดฝีมือเก็บคะแนนกันอีกในการแข่งขันเทนนิส มาสเตอร์ส ซีรีย์ส รายการสุดท้ายของปีคือ เบแอ็นเป ปารีบา มาสเตอร์ส ( BNP Parisbas Masters ) ที่กำลังทำการแข่งขันกันที่ ปาเล องนีสปอร์ เดอ ปารี-แบรซี ( Palais Omnisports de Paris-Bercy ) ในกรุงปารี ประเทศฝรั่งเศส
ในปัจจุบันนี้ การแข่งขันเทนนิส มาสเตอร์ส คัพ นับเป็นวิวัฒนาการมาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว เพราะก่อนหน้านั้น สหพันธ์เทนนิสนานาชาติ ( International Tennis Federation – ITF ) ได้เรียกรายการนี้ว่า เดอะ มาสเตอร์ส ( The Masters ) โดยจัดการแข่งขันขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1970 ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีคะแนนสะสมอันดับโลกอันเกิดจากรายการนี้ให้บรรดานักเทนนิสนำไปรวมใน เอทีพี เรซ พอถึงปี 1990 สมาคมเทนนิสอาชีพ ( Association of Tennis Professionals - ATP ) ก็ได้ยึดเอารายการนี้มาดำเนินการจัดการแข่งขันซะเอง และจัดการเปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็น เอทีพี ทัวร์ เวิร์ล แชมเปียนชิพ ( ATP Tour World Championship ) แถมมีคะแนนสะสมอันดับโลกให้ด้วย โดยคนเป็นแชมป์จะได้คะแนนเท่ากับแชมป์เทนนิส แกรนด์ สแลม เลยทีเดียว ในขณะเดียวกัน ไอทีเอฟ ซึ่งเป็นผู้จัดเทนนิส แกรนด์ สแลม ก็ลุกขึ้นมาจัดการแข่งขันเทนนิสรายการใหญ่ตอนสิ้นปีบ้าง นั่นคือ เดอะ แกรนด์ สแลม คัพ ( The Grand Slam Cup) โดยคัดเอานักเทนนิสที่มีผลงานดีที่สุดในการแข่งขันเทนนิส แกรนด์ สแลมในปีนั้น 16 อันดับแรกมาแข่งกัน
สองสถาบันเทนนิสของโลกต่างก็พยายามแย่งชิงความเป็นใหญ่กันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนถึงเดือนธันวาคม 1999 ทั้งสองยอมถอยคนละก้าว เลิกแยกกันดัง หันมาร่วมมือกันจัดการแข่งขันเทนนิสรายการใหญ่สิ้นปีร่วมกันในชื่อว่า เทนนิส มาสเตอร์ส คัพ ( Tennis Masters Cup ) และแม้ว่าเขาจะให้นักเทนนิส 8 อันดับแรกของโลกมาร่วมแข่งรายการนี้ แต่คนที่รั้งอันดับ 8 ก็ใช่ว่าจะการันตีตั๋วใบสุดท้ายได้อย่างแน่นอน เพราะเขามีกฎชัดเจนว่า หากนักหวดคนใดที่ไม่ได้ติดอันดับ 8 แต่ยังอยู่ใน 20 อันดับแรกและดันไปได้แชมป์เทนนิส แกรนด์ สแลม รายการใดรายการหนึ่งจากทั้ง 4 รายการ ก็ให้เลือกหมอนี่เข้ามาร่วมแข่งแทนอันดับ 8 ทันที ซึ่งการแข่งขันเทนนิส มาสเตอร์ส คัพ ที่ ฉีจง สเตเดียม ( Qi Zhong Stadium ) ใน ชางไฮ ประเทศจีนนั้นก็จัดกันมาตั้งแต่ปี 2005 รวมครั้งล่าสุดที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 9-16 พฤศจิกายนนี้ก็ครบ 4 ครั้งแล้ว นี่จะเป็นหนสุดท้าย สำหรับปี 2009-2012 นั้นก็จะย้ายไปจัดขึ้นที่ ดิ โอทู อารีนา ( The O2 arena ) ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ภายใต้ชื่อใหม่ว่า เอทีพี เวิร์ล ทัวร์ ฟายนัลส์ ( ATP World Tour Finals )
เมื่อดูคะแนน เอทีพี เรซ จะเห็นได้ว่าอันดับ 6 ถึง 8 นั้นยังเปลี่ยนแปลงได้อีก หลังจากจบการแข่งขันเทนนิส มาสเตอร์ส ซีรีย์ส รายการ เบแอ็นเป ปารีบา มาสเตอร์ส ที่ประเทศฝรั่งเศส และผู้ที่อยู่ในข่ายที่จะขยับอันดับจนได้สิทธิ์ไปแข่งเทนนิส มาสเตอร์ส คัพ นั้นก็ยิงยาวไปจนถึงคนที่รั้งอันดับ 17 เลย เพราะต่างก็มีคะแนนสะสมไม่ทิ้งห่างกันมากนัก แต่เนื่องจาก แฟร์นานโด กอนซาเลส นักเทนนิสจากชิลีที่อยู่อันดับ 13 มี 284 คะแนนขอถอนตัวจากรายการ เบแอ็นเป ปารีบา มาสเตอร์ส ไปก่อน จึงไม่มีโอกาสขยับอันดับอีกแล้ว ทำให้ผู้ที่ยังมีลุ้นมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 11 คนคือ อันดับ 6 เอ-ร็อด แอนดี ร็อดดิค ( Andy Roddick ) อดีตมือ 1 ของโลกชาวอเมริกา มี 369 คะแนน หมอนี่ติด มาสเตอร์ส คัพ แน่ถ้าผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ถ้าเข้าถึงเพียงรอบ 8 คนสุดท้ายก็ต้องลุ้นผลของคู่แข่งคนอื่นให้วุ่นวายอีก อันดับ 7 เจ้าเดลโป ฆวน มารติน เดล โปโตร ( Juan Martin Del Potro ) นักหวดร่างโย่งจาก อารเกนตินา มี 354 คะแนน อันดับ 8 เจ้าชีลู ชิล ซีมง ( Gilles Simon ) มือ 1 ของฝรั่งเศสมี 341 คะแนน และอันดับ 9 เจ้าแฟร์รู ดาบิด แฟรเร ( David Ferrer ) นักสู้จากบาเลนเซียผู้ไม่เคยยอมสยบให้ใครง่ายๆจากสเปน มี 338 คะแนน ทั้ง 3 คนนี้มีโอกาสติด มาสเตอร์ส คัพ ถ้ากรุยทางเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ แม้เข้าถึงเพียงแค่รอบ 8 คนสุดท้ายก็ได้ แต่เงื่อนไขผลการแข่งขันของคนอื่นๆก็เยอะตามไปด้วย
นอกจากนั้นคือ อันดับ 10 เจมส์ เบลค ( James Blake ) นักหวดอเมริกา มี 310 คะแนน อันดับ 11 สตานิสลาส วาฟริงกา ( Stanislas Wawrinka ) นักหวดลูกครึ่งสวิส-เยอรมนีที่สืบเชื้อสายมาจากโปแลนด์ มี 301 คะแนน อันดับ 12 โช-วิลฟรีด ซงกา ( Jo-Wilfried Tsonga ) แชมป์ไทยแลนด์ โอเพน 2008 จากฝรั่งเศส มี 290 คะแนน พวกนี้ต้องได้แชมป์ เพราะหากไปไม่ถึงก็ต้องพึ่งปัจจัยอื่นๆอีกเพียบ ส่วนที่เหลือนั้น อาการหนักหน่อย ต้องคว้าแชมป์ให้ได้ก่อน แล้วจึงจะมีโอกาสไปลุ้นคู่แข่งคนอื่นๆอีกหลายซับหลายซ้อนคือ ดาบิด นาลบานเดียน ( David Nalbandian ) จากอารเกนตินา แฟรนานโด เบรดาสโก ( Fernando Verdasco ) จากสเปน กาเอล มงฟิส ( Gael Monfils ) นักเทนนิสฝรั่งเศสเชื้อสายกัวเดอลูป และ โรบิน โซเดอริงก์ ( Robin Soderling ) นักหวดสวีเดน
มาสเตอร์ส คัพ เป็นการแข่งขันเทนนิสรายการสุดท้ายของฤดูกาล ที่คัดเอาสุดยอดนักหวดลูกสักหลาดเพียง 8 อันดับแรกของโลกตาม เอทีพี เรซ ( ATP Race ) ประจำปีนั้นๆเข้าร่วมการแข่งขัน โดยจะแบ่งเป็น 2 สายๆละ 4 คน แข่งแบบพบกันหมดในสายที่เรียกว่า ราวน์ด รอบบิน ( Round-robin ) แล้วก็นำ 2 อันดับแรกของแต่ละสายเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ผู้ชนะในรอบตัดเชือกนี้จะได้เข้าชิงชนะเลิศกัน ซึ่งตามอันดับ เอทีพี เรซ ล่าสุดถึงวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ราฟาเอล นาดาล มือ 1 ของโลกชาวสเปน มี 1310 คะแนน โรเจอร์ เฟเดเรอร์ อดีตมือ 1 ของโลกชาวสวิสที่ร่วงจากบัลลังก์ที่ครองมายาวนาน 237 สัปดาห์มี 1016 คะแนน โนวัค จอโควิช จากเซอร์เบีย มี 914 คะแนน แอนดี เมอร์เรย์ ดาวรุ่งพุ่งแรงจากสก็อตแลนด์ คะแนนตอนนี้ 659 และ นิโคไลย์ ดาวูเด็งโก จากรัสเซีย ซึ่งมี 418 คะแนน ถือเป็นนักหวด 5 อันดับแรกที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งแน่นอนแล้ว ยังคงเหลือพื้นที่ให้อีก 3 คนที่จะต้องวัดฝีมือเก็บคะแนนกันอีกในการแข่งขันเทนนิส มาสเตอร์ส ซีรีย์ส รายการสุดท้ายของปีคือ เบแอ็นเป ปารีบา มาสเตอร์ส ( BNP Parisbas Masters ) ที่กำลังทำการแข่งขันกันที่ ปาเล องนีสปอร์ เดอ ปารี-แบรซี ( Palais Omnisports de Paris-Bercy ) ในกรุงปารี ประเทศฝรั่งเศส
ในปัจจุบันนี้ การแข่งขันเทนนิส มาสเตอร์ส คัพ นับเป็นวิวัฒนาการมาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว เพราะก่อนหน้านั้น สหพันธ์เทนนิสนานาชาติ ( International Tennis Federation – ITF ) ได้เรียกรายการนี้ว่า เดอะ มาสเตอร์ส ( The Masters ) โดยจัดการแข่งขันขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1970 ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีคะแนนสะสมอันดับโลกอันเกิดจากรายการนี้ให้บรรดานักเทนนิสนำไปรวมใน เอทีพี เรซ พอถึงปี 1990 สมาคมเทนนิสอาชีพ ( Association of Tennis Professionals - ATP ) ก็ได้ยึดเอารายการนี้มาดำเนินการจัดการแข่งขันซะเอง และจัดการเปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็น เอทีพี ทัวร์ เวิร์ล แชมเปียนชิพ ( ATP Tour World Championship ) แถมมีคะแนนสะสมอันดับโลกให้ด้วย โดยคนเป็นแชมป์จะได้คะแนนเท่ากับแชมป์เทนนิส แกรนด์ สแลม เลยทีเดียว ในขณะเดียวกัน ไอทีเอฟ ซึ่งเป็นผู้จัดเทนนิส แกรนด์ สแลม ก็ลุกขึ้นมาจัดการแข่งขันเทนนิสรายการใหญ่ตอนสิ้นปีบ้าง นั่นคือ เดอะ แกรนด์ สแลม คัพ ( The Grand Slam Cup) โดยคัดเอานักเทนนิสที่มีผลงานดีที่สุดในการแข่งขันเทนนิส แกรนด์ สแลมในปีนั้น 16 อันดับแรกมาแข่งกัน
สองสถาบันเทนนิสของโลกต่างก็พยายามแย่งชิงความเป็นใหญ่กันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนถึงเดือนธันวาคม 1999 ทั้งสองยอมถอยคนละก้าว เลิกแยกกันดัง หันมาร่วมมือกันจัดการแข่งขันเทนนิสรายการใหญ่สิ้นปีร่วมกันในชื่อว่า เทนนิส มาสเตอร์ส คัพ ( Tennis Masters Cup ) และแม้ว่าเขาจะให้นักเทนนิส 8 อันดับแรกของโลกมาร่วมแข่งรายการนี้ แต่คนที่รั้งอันดับ 8 ก็ใช่ว่าจะการันตีตั๋วใบสุดท้ายได้อย่างแน่นอน เพราะเขามีกฎชัดเจนว่า หากนักหวดคนใดที่ไม่ได้ติดอันดับ 8 แต่ยังอยู่ใน 20 อันดับแรกและดันไปได้แชมป์เทนนิส แกรนด์ สแลม รายการใดรายการหนึ่งจากทั้ง 4 รายการ ก็ให้เลือกหมอนี่เข้ามาร่วมแข่งแทนอันดับ 8 ทันที ซึ่งการแข่งขันเทนนิส มาสเตอร์ส คัพ ที่ ฉีจง สเตเดียม ( Qi Zhong Stadium ) ใน ชางไฮ ประเทศจีนนั้นก็จัดกันมาตั้งแต่ปี 2005 รวมครั้งล่าสุดที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 9-16 พฤศจิกายนนี้ก็ครบ 4 ครั้งแล้ว นี่จะเป็นหนสุดท้าย สำหรับปี 2009-2012 นั้นก็จะย้ายไปจัดขึ้นที่ ดิ โอทู อารีนา ( The O2 arena ) ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ภายใต้ชื่อใหม่ว่า เอทีพี เวิร์ล ทัวร์ ฟายนัลส์ ( ATP World Tour Finals )
เมื่อดูคะแนน เอทีพี เรซ จะเห็นได้ว่าอันดับ 6 ถึง 8 นั้นยังเปลี่ยนแปลงได้อีก หลังจากจบการแข่งขันเทนนิส มาสเตอร์ส ซีรีย์ส รายการ เบแอ็นเป ปารีบา มาสเตอร์ส ที่ประเทศฝรั่งเศส และผู้ที่อยู่ในข่ายที่จะขยับอันดับจนได้สิทธิ์ไปแข่งเทนนิส มาสเตอร์ส คัพ นั้นก็ยิงยาวไปจนถึงคนที่รั้งอันดับ 17 เลย เพราะต่างก็มีคะแนนสะสมไม่ทิ้งห่างกันมากนัก แต่เนื่องจาก แฟร์นานโด กอนซาเลส นักเทนนิสจากชิลีที่อยู่อันดับ 13 มี 284 คะแนนขอถอนตัวจากรายการ เบแอ็นเป ปารีบา มาสเตอร์ส ไปก่อน จึงไม่มีโอกาสขยับอันดับอีกแล้ว ทำให้ผู้ที่ยังมีลุ้นมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 11 คนคือ อันดับ 6 เอ-ร็อด แอนดี ร็อดดิค ( Andy Roddick ) อดีตมือ 1 ของโลกชาวอเมริกา มี 369 คะแนน หมอนี่ติด มาสเตอร์ส คัพ แน่ถ้าผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ถ้าเข้าถึงเพียงรอบ 8 คนสุดท้ายก็ต้องลุ้นผลของคู่แข่งคนอื่นให้วุ่นวายอีก อันดับ 7 เจ้าเดลโป ฆวน มารติน เดล โปโตร ( Juan Martin Del Potro ) นักหวดร่างโย่งจาก อารเกนตินา มี 354 คะแนน อันดับ 8 เจ้าชีลู ชิล ซีมง ( Gilles Simon ) มือ 1 ของฝรั่งเศสมี 341 คะแนน และอันดับ 9 เจ้าแฟร์รู ดาบิด แฟรเร ( David Ferrer ) นักสู้จากบาเลนเซียผู้ไม่เคยยอมสยบให้ใครง่ายๆจากสเปน มี 338 คะแนน ทั้ง 3 คนนี้มีโอกาสติด มาสเตอร์ส คัพ ถ้ากรุยทางเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ แม้เข้าถึงเพียงแค่รอบ 8 คนสุดท้ายก็ได้ แต่เงื่อนไขผลการแข่งขันของคนอื่นๆก็เยอะตามไปด้วย
นอกจากนั้นคือ อันดับ 10 เจมส์ เบลค ( James Blake ) นักหวดอเมริกา มี 310 คะแนน อันดับ 11 สตานิสลาส วาฟริงกา ( Stanislas Wawrinka ) นักหวดลูกครึ่งสวิส-เยอรมนีที่สืบเชื้อสายมาจากโปแลนด์ มี 301 คะแนน อันดับ 12 โช-วิลฟรีด ซงกา ( Jo-Wilfried Tsonga ) แชมป์ไทยแลนด์ โอเพน 2008 จากฝรั่งเศส มี 290 คะแนน พวกนี้ต้องได้แชมป์ เพราะหากไปไม่ถึงก็ต้องพึ่งปัจจัยอื่นๆอีกเพียบ ส่วนที่เหลือนั้น อาการหนักหน่อย ต้องคว้าแชมป์ให้ได้ก่อน แล้วจึงจะมีโอกาสไปลุ้นคู่แข่งคนอื่นๆอีกหลายซับหลายซ้อนคือ ดาบิด นาลบานเดียน ( David Nalbandian ) จากอารเกนตินา แฟรนานโด เบรดาสโก ( Fernando Verdasco ) จากสเปน กาเอล มงฟิส ( Gael Monfils ) นักเทนนิสฝรั่งเศสเชื้อสายกัวเดอลูป และ โรบิน โซเดอริงก์ ( Robin Soderling ) นักหวดสวีเดน