“ช่างปั้นหม้อ” สโตค ซิตี เปิดบ้านบดชนะ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่เหลือผู้เล่นแค่ 9 คน 2-1 ขณะที่ “เดอะ ไทเกอร์ส” ฮัลล์ ซิตี โดดขึ้นที่ 3 ของตารางพรีเมียร์ลีก หลังเฉือน “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สโตค ซิตี 2-1 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์
โทนี พูลิส หวังพา “ช่างปั้นหม้อ” สโตค ซิตี เก็บชัยในถิ่นเหนือ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เกมได้นี้ อัลดูลาย ฟาย เกมมาผนึกเกมรับ แต่ยังขาด เลียม ลอว์เรนซ์ กองกลางตัวเก่ง แดนหน้าใช้งาน มามาดี ซิดิเบ เนื่องจาก ริคาร์โด ฟูลเลอร์ เหนื่อยมาจากเกมทีมชาติ ด้าน ฮวนเด รามอส ต้องการพาทีมเยือนขยับจากบ๊วยของตาราง แต่ก็วางหมากค่อนข้างรัดกุมอัดกลางลงไป 5 คน ห้อยทาง ดาร์เรน เบนท์ เป็นหน้าเป้า โดยมี ลูกา โมดริช เพลย์เมคเกอร์โครแอตสนับสนุนอยู่ด้านหลัง
เริ่มเกมการแข่งขัน สเปอร์ส ที่ต้องการสามแต้มเพื่อขยับหนีบ๊วยให้จงได้ กลับยังตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ปล่อยให้ สโตค ได้ลุ้นก่อนตั้งแต่นาทีที่ 7 รอรี ดีแลป ได้บอลบริเวณหัวกะโหลกก่อนแทงออกข้างให้ ทอม ซอเรส หลุดเข้าไปแปบอลในกรอบโทษติดเซฟ เอเรลโญ โกเมส ถึงนาทีที่ 18 ทีมเยือนผิดพลาดในเกมรับ แกเร็ธ เบล เสียบอลในกรอบโทษโดน ซอเรส ฉกไปก่อนที่แบ็กซ้ายทีมชาติเวลส์ ตัดสินใจเกี่ยวมิดฟิลด์เจ้าถิ่นล้ม จึงโดนใบแดงจากผู้ตัดสิน ลี เมสัน ไล่ออกจากสนาม และก็เสียจุดโทษให้ แดนนี ฮิกกินบอตแธม สังหารเข้าไปส่ง “ช่างปั้นหม้อ” ออกนำ 1-0
แม้จะเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน แต่อีกเจ็ดนาทีถัดมา “ไก่เดือยทอง” จิกตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ อลัน ฮัตตัน เติมเกมรุกขึ้นมาก่อนเลี้ยงตัดจากขวาเข้ามายิงด้วยซ้ายบอลแฉลบแผงรับเจ้าบ้านกระเด้งมาเข้าทาง ดาร์เรน เบนท์ แปบอลลอดขา โธมัส โซเรนเซน เข้าไปซุกก้นตาข่าย ผ่านครึ่งชั่วโมง สเปอร์ส รวมใจกันสู้ได้ดี ลูกา โมดริช เลี้ยงตัดเข้ามายิงด้วยซ้ายแต่บอลเชิดออกไป เกมดูเนือยไปทั้งคู่และก็จบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์เท่ากัน แต่เจ้าบ้านได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่น
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง สโตค กล้าดันเกมมากขึ้นเพราะมีตัวผู้เล่นมากกว่า ถึงนาทีที่ 53 แฟนๆ เจ้าบ้านได้เฮเมื่อเห็นทีมนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากการชาร์จเข้าไปของ ดีแลป เมื่อเป็นรองอีกครั้ง ฮวนเด รามอส ต้องเสี่ยงแก้เกมส่ง โรมัน พาฟลูเชนโก หัวหอกทีมชาติรัสเซียที่เพิ่งหายเจ็บมาช่วย เบนท์ ล่าตาข่ายและก็ถอดเอา เดวิด เบนท์ลีย์ ที่บดบาทน้อยออกมา นาทีถัดมา อิบราฮิม ซงโก ผิดพลาดเตะวืดบริเวณกรอบโทษ อย่างไรก็ตาม โมดริช ได้ส้มหล่นแต่ดันยิงบอลเฉียดคาน
ถัดมาผู้มาเยือนจากลอนดอนเกือบโดนจังหวะสวนกลับ สโตค เล่นงานยังดีที่ โกเมส ออกมาบังมุมป้องกันลูกยิงของ ริคาร์โด ฟูลเลอร์ กองหน้าร่างใหญ่ตัวสำรองของเจ้าบ้าน นาทีที่ 65 “ช่างปั้นหม้อ” ต้องถอด โซเรนเซน ออกมาเนื่องจากแตกที่ใบหน้าและก็ให้ สตีฟ ซิมอนเซน มาเฝ้าเสาแทน อีกเจ็ดนาทีถัดมา สเปอร์ส ต้องเปลี่ยนเอา เวดราน ชอร์ลูกา ที่บาดเจ็บที่ศีรษะจากการไปกระแทกกันเองกับ โกเมส เป็นทาง ไมเคิล ดอว์สัน ลงมาช่วยเกมรับแทน ท้ายเกมทีมเยือนได้ลุ้นจากฟรีคิกหวังผล เจอร์เมน จีนัส ทำได้น่าผิดหวังตักบอลข้ามคานไปพอสมควร
เข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 11 นาทีจากการปฐมพยาบาล ชอร์ลูกา ถึงนาทีที่ 95 สโตค มาได้ลูกจุดโทษอีกครั้ง ซอเรส ลากตะลุยเข้าเขตโทษโดน โจนาธาน วูดเกต กระแทกล้มไปได้จุดโทษ แต่ ฟูลเลอร์ ซัดบอลกระแทกเสาขวากระเด้งไปชนเสาซ้าย กระดอนมาให้ ดีแลป ซ้ำชนคานออกมาไม่ได้ประตู ก่อนหมดเวลาสามนาที ทีมเยือนเหลือผู้เล่นแค่ 9 คนจากการโดนใบแดงของ ดอว์สัน ที่เล่นงานเสียบ ซิดิเบ ก่อนจาก ฟูลเลอร์ ยิงบอลไปชนสามเหลี่ยมอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หมดเวลา “ช่างปั้นหม้อ” คว้าชัยหวิว มีเพิ่มเป็น 7 คะแนนจากการลงสนาม 8 นัด ขึ้นมาอยู่ที่ 18 ส่วน “ไก่เดือยทอง” ยังรั้งบ๊วยมี 2 แต้มเท่าเดิม
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สโตค : โธมัส โซเรนเซน , แอนดี กริฟฟิน , อับดูลาย ฟาย , อิบราฮิม ซงโก , แดนนี ฮิกกินบอตแธม , รอรี ดีแลป , เซยี โอโลฟินยานา , ซาลิฟ ดิเยา , ทอม ซอเรส , เดฟ คิตสัน , มามาดี ซิดิเบ
สเปอร์ส : เอเรลโญ โกเมส , อลัน ฮัตตัน , เวดราน ชอร์ลูกา , โจนาธาน วูดเกต , แกเร็ธ เบล , เดวิด เบนท์ลีย์ , ดิดิเยร์ โซโกรา , เจอร์เมน จีนัส , อารอน เลนนอน , ลูกา โมดริช , ดาร์เรน เบนท์
ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน ปรากฏว่า “เดอะ ไทเกอร์ส” ฮัลล์ ซิตี ยังแรงต่อเนื่องเปิดบ้านเฉือนชนะ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 จากลูกโขกชัยของ ไมเคิล เทอร์เนอร์ ปราการหลังตัวเก่งในนาทีที่ 51 ทำให้ ฮัลล์ แซง “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ด้วยการมีอยู่ 17 คะแนนตามหลัง เชลซี และ ลิเวอร์พูล เพียงแค่สามแต้มเท่านั้น ขณะที่ เวสต์แฮม มี 12 แต้มจากการลงสนาม 8 นัด รั้งที่ 8 ดังเดิม
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สโตค ซิตี 2-1 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์
โทนี พูลิส หวังพา “ช่างปั้นหม้อ” สโตค ซิตี เก็บชัยในถิ่นเหนือ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เกมได้นี้ อัลดูลาย ฟาย เกมมาผนึกเกมรับ แต่ยังขาด เลียม ลอว์เรนซ์ กองกลางตัวเก่ง แดนหน้าใช้งาน มามาดี ซิดิเบ เนื่องจาก ริคาร์โด ฟูลเลอร์ เหนื่อยมาจากเกมทีมชาติ ด้าน ฮวนเด รามอส ต้องการพาทีมเยือนขยับจากบ๊วยของตาราง แต่ก็วางหมากค่อนข้างรัดกุมอัดกลางลงไป 5 คน ห้อยทาง ดาร์เรน เบนท์ เป็นหน้าเป้า โดยมี ลูกา โมดริช เพลย์เมคเกอร์โครแอตสนับสนุนอยู่ด้านหลัง
เริ่มเกมการแข่งขัน สเปอร์ส ที่ต้องการสามแต้มเพื่อขยับหนีบ๊วยให้จงได้ กลับยังตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ปล่อยให้ สโตค ได้ลุ้นก่อนตั้งแต่นาทีที่ 7 รอรี ดีแลป ได้บอลบริเวณหัวกะโหลกก่อนแทงออกข้างให้ ทอม ซอเรส หลุดเข้าไปแปบอลในกรอบโทษติดเซฟ เอเรลโญ โกเมส ถึงนาทีที่ 18 ทีมเยือนผิดพลาดในเกมรับ แกเร็ธ เบล เสียบอลในกรอบโทษโดน ซอเรส ฉกไปก่อนที่แบ็กซ้ายทีมชาติเวลส์ ตัดสินใจเกี่ยวมิดฟิลด์เจ้าถิ่นล้ม จึงโดนใบแดงจากผู้ตัดสิน ลี เมสัน ไล่ออกจากสนาม และก็เสียจุดโทษให้ แดนนี ฮิกกินบอตแธม สังหารเข้าไปส่ง “ช่างปั้นหม้อ” ออกนำ 1-0
แม้จะเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน แต่อีกเจ็ดนาทีถัดมา “ไก่เดือยทอง” จิกตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ อลัน ฮัตตัน เติมเกมรุกขึ้นมาก่อนเลี้ยงตัดจากขวาเข้ามายิงด้วยซ้ายบอลแฉลบแผงรับเจ้าบ้านกระเด้งมาเข้าทาง ดาร์เรน เบนท์ แปบอลลอดขา โธมัส โซเรนเซน เข้าไปซุกก้นตาข่าย ผ่านครึ่งชั่วโมง สเปอร์ส รวมใจกันสู้ได้ดี ลูกา โมดริช เลี้ยงตัดเข้ามายิงด้วยซ้ายแต่บอลเชิดออกไป เกมดูเนือยไปทั้งคู่และก็จบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์เท่ากัน แต่เจ้าบ้านได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่น
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง สโตค กล้าดันเกมมากขึ้นเพราะมีตัวผู้เล่นมากกว่า ถึงนาทีที่ 53 แฟนๆ เจ้าบ้านได้เฮเมื่อเห็นทีมนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากการชาร์จเข้าไปของ ดีแลป เมื่อเป็นรองอีกครั้ง ฮวนเด รามอส ต้องเสี่ยงแก้เกมส่ง โรมัน พาฟลูเชนโก หัวหอกทีมชาติรัสเซียที่เพิ่งหายเจ็บมาช่วย เบนท์ ล่าตาข่ายและก็ถอดเอา เดวิด เบนท์ลีย์ ที่บดบาทน้อยออกมา นาทีถัดมา อิบราฮิม ซงโก ผิดพลาดเตะวืดบริเวณกรอบโทษ อย่างไรก็ตาม โมดริช ได้ส้มหล่นแต่ดันยิงบอลเฉียดคาน
ถัดมาผู้มาเยือนจากลอนดอนเกือบโดนจังหวะสวนกลับ สโตค เล่นงานยังดีที่ โกเมส ออกมาบังมุมป้องกันลูกยิงของ ริคาร์โด ฟูลเลอร์ กองหน้าร่างใหญ่ตัวสำรองของเจ้าบ้าน นาทีที่ 65 “ช่างปั้นหม้อ” ต้องถอด โซเรนเซน ออกมาเนื่องจากแตกที่ใบหน้าและก็ให้ สตีฟ ซิมอนเซน มาเฝ้าเสาแทน อีกเจ็ดนาทีถัดมา สเปอร์ส ต้องเปลี่ยนเอา เวดราน ชอร์ลูกา ที่บาดเจ็บที่ศีรษะจากการไปกระแทกกันเองกับ โกเมส เป็นทาง ไมเคิล ดอว์สัน ลงมาช่วยเกมรับแทน ท้ายเกมทีมเยือนได้ลุ้นจากฟรีคิกหวังผล เจอร์เมน จีนัส ทำได้น่าผิดหวังตักบอลข้ามคานไปพอสมควร
เข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 11 นาทีจากการปฐมพยาบาล ชอร์ลูกา ถึงนาทีที่ 95 สโตค มาได้ลูกจุดโทษอีกครั้ง ซอเรส ลากตะลุยเข้าเขตโทษโดน โจนาธาน วูดเกต กระแทกล้มไปได้จุดโทษ แต่ ฟูลเลอร์ ซัดบอลกระแทกเสาขวากระเด้งไปชนเสาซ้าย กระดอนมาให้ ดีแลป ซ้ำชนคานออกมาไม่ได้ประตู ก่อนหมดเวลาสามนาที ทีมเยือนเหลือผู้เล่นแค่ 9 คนจากการโดนใบแดงของ ดอว์สัน ที่เล่นงานเสียบ ซิดิเบ ก่อนจาก ฟูลเลอร์ ยิงบอลไปชนสามเหลี่ยมอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หมดเวลา “ช่างปั้นหม้อ” คว้าชัยหวิว มีเพิ่มเป็น 7 คะแนนจากการลงสนาม 8 นัด ขึ้นมาอยู่ที่ 18 ส่วน “ไก่เดือยทอง” ยังรั้งบ๊วยมี 2 แต้มเท่าเดิม
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สโตค : โธมัส โซเรนเซน , แอนดี กริฟฟิน , อับดูลาย ฟาย , อิบราฮิม ซงโก , แดนนี ฮิกกินบอตแธม , รอรี ดีแลป , เซยี โอโลฟินยานา , ซาลิฟ ดิเยา , ทอม ซอเรส , เดฟ คิตสัน , มามาดี ซิดิเบ
สเปอร์ส : เอเรลโญ โกเมส , อลัน ฮัตตัน , เวดราน ชอร์ลูกา , โจนาธาน วูดเกต , แกเร็ธ เบล , เดวิด เบนท์ลีย์ , ดิดิเยร์ โซโกรา , เจอร์เมน จีนัส , อารอน เลนนอน , ลูกา โมดริช , ดาร์เรน เบนท์
ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน ปรากฏว่า “เดอะ ไทเกอร์ส” ฮัลล์ ซิตี ยังแรงต่อเนื่องเปิดบ้านเฉือนชนะ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 จากลูกโขกชัยของ ไมเคิล เทอร์เนอร์ ปราการหลังตัวเก่งในนาทีที่ 51 ทำให้ ฮัลล์ แซง “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ด้วยการมีอยู่ 17 คะแนนตามหลัง เชลซี และ ลิเวอร์พูล เพียงแค่สามแต้มเท่านั้น ขณะที่ เวสต์แฮม มี 12 แต้มจากการลงสนาม 8 นัด รั้งที่ 8 ดังเดิม