เจมี คาร์ราเกอร์ กองหลัง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เห็นด้วยกับ ลอร์ด ไทร์สแมน ประธานสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ที่เสนอความคิดนำเอา “เพดานค่าจ้าง” มาใช้แก้วิกฤติหนี้สินของสโมสรต่างๆ
จากวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ไหลมาจาก สหรัฐอเมริกา ลามข้ามผ่านมายังยุโรป และเริ่มส่งผลโดยตรงกับสภาพเศรษฐกิจของโลก กระทบชิ่งมาถึงวงการลูกหนังอาชีพจนได้ จากการประมาณการของ ลอร์ด ไทร์สแมน มองว่าตอนนี้ทีมในลีกฟุตบอลอังกฤษ มีหนี้สินรวมกันสูงถึง 3 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 1.98 แสนล้านบาท)
ดังนั้น ประธานสมาคมฟุตบอลอังกฤษ มองว่าการกลับมาใช้ “เพดานค่าจ้าง” เหมือนยุคทศวรรษที่ 60 น่าจะช่วยบรรเทาภาระการจ่ายค่าจ้างนักเตะของนักเตะในสโมสรไม่มากก็น้อย หลังจากที่หลายทีมต้องเผชิญกับการจ่ายค่าเหนื่อยให้แก่บรรดาผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์ สัปดาห์ละนับแสนปอนด์ต่อคน ในวงการฟุตบอลสมัยใหม่
ไทร์สแมน กล่าวผ่าน “สกาย สปอร์ต” สื่อเมืองผู้ดี “เหตุผลที่ผมต้องนำความคิดดังกล่าวมาเสนอ เพราะแต่ละปีค่าจ้างของนักเตะเพิ่มขึ้นถึง 12 เปอร์เซ็นต์ มันส่งผลกระทบไปยังสโมสรฟุตบอลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เงินเหล่านี้ก่อเป็นหนี้ที่เกิดจากค่าจ้าง ผมจะไม่พูดสักคำว่ามันคือปัญหา หากคุณต้องการแข่งขันในตลาดค่าจ้างที่สูงขนาดนั้น แต่ด้วยตัวเลขในส่วนของหนี้สินได้กลายเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องนำมาคิดกันแล้ว”
“ประเด็นคือ เอเย่นต์กำลังพยายามทำงานกันเพื่อให้ได้ค่าจ้างที่ต้องการ ซึ่งมันส่งผลกระทบกับระบบ ณ วันนี้ ผมอยากให้มองฟุตบอลแบบพีระมิด ใต้สุดได้แก่ บลู สแควร์ พรีเมียร์ มันคล้ายกับน้ำตก น้ำย่อมไหลลงสู่เบื้องล่างหล่นกระทบพื้น ผมจึงเสนอความคิดดังกล่าว (เพดานค่าจ้าง) เพื่อหยุดยั้งเรื่องหนี้สิน จากนั้นก็มาคิดและทบทวนจุดที่เรายืนอยู่กัน” บิ๊กเอฟเอทิ้งท้าย
ด้าน เจมี คาร์ราเกอร์ ค่อนข้างเห็นด้วยกับ ไทร์สแมน “ผมหวังว่าเขาจะนำมันมาใช้หลังจากที่ผมเลิกเล่นไปแล้ว (รองกัปตันทีมหงส์หยอกเล่น) ถ้ามีการนำเพดานค่าจ้างจะช่วยหยุดสโมสรในการก่อหนี้เพิ่ม ผมมั่นใจว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทีมฟุตบอล”
จากวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ไหลมาจาก สหรัฐอเมริกา ลามข้ามผ่านมายังยุโรป และเริ่มส่งผลโดยตรงกับสภาพเศรษฐกิจของโลก กระทบชิ่งมาถึงวงการลูกหนังอาชีพจนได้ จากการประมาณการของ ลอร์ด ไทร์สแมน มองว่าตอนนี้ทีมในลีกฟุตบอลอังกฤษ มีหนี้สินรวมกันสูงถึง 3 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 1.98 แสนล้านบาท)
ดังนั้น ประธานสมาคมฟุตบอลอังกฤษ มองว่าการกลับมาใช้ “เพดานค่าจ้าง” เหมือนยุคทศวรรษที่ 60 น่าจะช่วยบรรเทาภาระการจ่ายค่าจ้างนักเตะของนักเตะในสโมสรไม่มากก็น้อย หลังจากที่หลายทีมต้องเผชิญกับการจ่ายค่าเหนื่อยให้แก่บรรดาผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์ สัปดาห์ละนับแสนปอนด์ต่อคน ในวงการฟุตบอลสมัยใหม่
ไทร์สแมน กล่าวผ่าน “สกาย สปอร์ต” สื่อเมืองผู้ดี “เหตุผลที่ผมต้องนำความคิดดังกล่าวมาเสนอ เพราะแต่ละปีค่าจ้างของนักเตะเพิ่มขึ้นถึง 12 เปอร์เซ็นต์ มันส่งผลกระทบไปยังสโมสรฟุตบอลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เงินเหล่านี้ก่อเป็นหนี้ที่เกิดจากค่าจ้าง ผมจะไม่พูดสักคำว่ามันคือปัญหา หากคุณต้องการแข่งขันในตลาดค่าจ้างที่สูงขนาดนั้น แต่ด้วยตัวเลขในส่วนของหนี้สินได้กลายเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องนำมาคิดกันแล้ว”
“ประเด็นคือ เอเย่นต์กำลังพยายามทำงานกันเพื่อให้ได้ค่าจ้างที่ต้องการ ซึ่งมันส่งผลกระทบกับระบบ ณ วันนี้ ผมอยากให้มองฟุตบอลแบบพีระมิด ใต้สุดได้แก่ บลู สแควร์ พรีเมียร์ มันคล้ายกับน้ำตก น้ำย่อมไหลลงสู่เบื้องล่างหล่นกระทบพื้น ผมจึงเสนอความคิดดังกล่าว (เพดานค่าจ้าง) เพื่อหยุดยั้งเรื่องหนี้สิน จากนั้นก็มาคิดและทบทวนจุดที่เรายืนอยู่กัน” บิ๊กเอฟเอทิ้งท้าย
ด้าน เจมี คาร์ราเกอร์ ค่อนข้างเห็นด้วยกับ ไทร์สแมน “ผมหวังว่าเขาจะนำมันมาใช้หลังจากที่ผมเลิกเล่นไปแล้ว (รองกัปตันทีมหงส์หยอกเล่น) ถ้ามีการนำเพดานค่าจ้างจะช่วยหยุดสโมสรในการก่อหนี้เพิ่ม ผมมั่นใจว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทีมฟุตบอล”
