อีกเพียง 4 สนามสุดท้าย สำหรับศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลกฤดูกาล 2008 ซึ่งนอกจากการขับเคี่ยวลุ้นตำแหน่งแชมป์โลกของนักขับจาก 2 ค่ายคู่ปรับอย่างเฟอร์รารี และแม็คลาเรนแล้ว การแข่งขันรายการ"สิงคโปร์กรังด์ปรีซ์" ที่จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 28 กันยายนนี้ ยังเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่เอฟวัน ด้วยการจัดแข่งภายใต้สปอร์ตไลท์ยามค่ำคืน
ก่อนที่รถทั้ง 20 คัน จะออกสตาร์ทบนสังเวียนสตรีทเซอร์กิต ย่านมารินาเบย์ ในวันอาทิตย์นี้ ลูอิส แฮมิลตัน รองแชมป์โลกผู้อกหักในสนามสุดท้ายของปี 2007 คือผู้นำในตารางคะแนนสะสม ด้วยการมีคะแนนเหนือ เฟลิเป มาสซา ผู้ท้าชิงตำแหน่งแชมป์โลกในปีนี้จากค่ายม้าลำพองอยู่ เพียง 1 แต้ม (จะห่าง 7 แต้ม หากอุทธรณ์ชนะ) จากการแข่งขันทั้งหมด 14 สนามที่ผ่านมา
แต่ทว่านักขับขวัญใจชาวเมืองผู้ดี ออกมาลดความกดดันของตนเองก่อนลงเหยียบคันเร่งที่สิงคโปร์ ด้วยการเปิดเผยว่าการเส้นทางสู่ตำแหน่งแชมป์โลกปีนี้ยังอีกยาวไกล "เวลานี้ผมไม่คิดถึงตำแหน่งแชมป์โลกหรือคิดถึงคู่แข่งเลย ผมแค่ต้องการทำผลงานของตัวเองให้ดีที่สุดใน 4 สนามที่เหลือ ซึ่งแน่นอนจากตารางคะแนน โอกาสยังเปิดกว้างสำหรับนักขับหลายๆคน"
นอกจากนี้นักซิ่งวัย 23 ปี ยังเผยถึงการเตรียมตัวลงแข่งรถตอนกลางคืนครั้งแรกในชีวิตว่า "ผมไม่เคยแข่งรถตอนกลางคืนมาก่อน แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหาอะไร มันคือความท้าทายสำหรับทุกคน ที่สิงคโปร์เป็นช่วงหัวค่ำก็จริงแต่เราจะยึดเวลาฝั่งยุโรปเป็นหลักในการดำเนินชีวิตช่วงแข่งขัน ผมหวังว่ามันจะเป็นเรซที่คุ้มค่าสำหรับทุกคนที่เฝ้ารอคอย"
ด้านทีมแชมป์เก่าเฟอร์รารีนั้นเป็นที่แน่นอนแล้วที่คิมี ไรค์โคเนน แชมป์โลกอารมณ์ร้อนชาวฟินแลนด์ ถูกทีมงานสั่งให้เป็นนักขับมือ 2 ชั่วคราวในช่วง 4 สนามที่เหลือ เพื่อทำผลงานสนับสนุนมาสซา แม้ว่านักขับฟินน์ยังต้องการปาฏิหาริย์ในการป้องกันแชมป์โลกอยู่ก็ตาม หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมา มาสซา คือคนที่สนับสนุนคิมี ซิวแชมป์โลกมาครองได้แบบหวุดหวิดเหนือ 2 นักแข่งแม็คลาเรน ในศึกบราซิเลียนกรังด์ปรีซ์ 2007
โดยไรค์โคเนนที่รั้งอันดับ 4 ในตารางแชมเปี้ยนชิป เอ่ยถึงการแข่งขันในรูปแบบไนท์เรซว่า "ผมชอบการใช้ชีวิตช่วงกลางคืนอยู่แล้ว ปกติผมจะตื่นนอนในช่วงเกือบเที่ยงวัน สำหรับผมการได้แข่งกลางคืนนับเป็นช่วงเวลาที่สุดยอด เราหวังว่าจะได้ผลการแข่งขันที่ต้องการในสนามแห่งนี้"
นอกเหนือจากการขับเคี่ยวของบรรดานักขับแล้ว กาดวลความเร็วภายใต้แสงสปอร์ตไลท์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ยังมีความแปลกใหม่หลายๆด้านในการจัดการแข่งขัน เริ่มจาก บริดจ์สโตน ค่ายยางยักษ์ใหญ่ ก็เตรียมลงสีสะท้อนแสงชนิดพิเศษลงบนยางทุกเส้นของรถทั้ง 20 คัน เพื่อที่จะให้ผู้ชมที่ชมจากการถ่ายทอดสดได้เห็นถึงความแตกต่างของยางแต่ละชนิดได้ชัดเจนระหว่างวิ่งอยู่ในสนาม
ขณะที่อุปกรณ์สำหรับเจ้าหน้าที่ควบคุมการแข่งขัน อาทิเช่น ธงสีต่างๆ ที่กรรมการจะโบกสะบัดเพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้นักขับได้ทราบนั้น ในสนามแห่งนี้ธงทุกผืนจะกลายเป็นธงอิเล็กทรอนิกส์จากไฟเรืองแสง เพื่อให้นักแข่งทุกคนรับรู้ได้ง่ายยิ่งขึ้นในการขับตอนกลางคืน
ส่วนระบบไฟส่องสว่างอันเป็นหัวใจสำคัญสำหรับฟอร์มูลาวันสนามนี้ โจนาธาน ฮอลเล็ต หัวเรือใหญ่ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ยืนยันว่าสปอร์ตไลท์ความแรง 3000 ลักซ์ ที่เทียบกับความสว่างในช่วง 4 - 5 โมงเย็น จำนวน 1,500 ดวง ได้ผ่านการทดสอบอย่างไร้ปัญหา พร้อมรองรับการแข่งขันเอฟวันบนดินแดนลอดช่องอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดีหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่หลายฝ่ายกังวลคือเรื่องของความปลอดภัยของนักขับ หากมีฝนตกลงมาขณะแข่งขันในช่วงค่ำของวันอาทิตย์นี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าว รอสส์ บราวน์ ทีมบอสคนดังจากค่ายฮอนด้า ให้ความเห็นว่า "สภาพอากาศคือปัจจัยหลักในสุดสัปดาห์นี้ นี่อาจจะเป็นเรซที่ร้อนอบอ้าวและมีฝนตกหนักในเวลาเดียวกัน เพราะจากสถิติของประเทศนี้มีโอกาสที่จะตกลงมากถึง 50 เปอร์เซนต์ นี่คืองานหนักของทีมงานและนักขับที่จะต้องปรับตัวให้ได้ การควบคุมรถบนเส้นทางที่เปียกและแคบคดเคี้ยวคือความตื่นเต้นที่ทุกคนจับตามอง"
สิงคโปร์ไนท์เรซ นอกจากจะเป็นฟอร์มูลาวันครั้งประวัติศาตร์ที่ทุกคนรอคอยแล้ว ผลการแข่งขันในสนามนี้จะเป็นการพิสูจน์ฝีมือของ ลูอิส แฮมิลตัน และ เฟลิเป มาสซา ว่ายังคู่ควรกับตำแหน่งว่าที่แชมป์โลกคนใหม่หรือไม่ หรือจะปล่อยให้ปาฏิหาริย์ของไรค์โคเนน คงอยู่ต่อไปในอีก 3 สนามสุดท้าย
โปรแกรมสิงคโปร์กรังด์ปรีซ์(ตามเวลาประเทศไทย)
ศุกร์ที่ 26 ก.ย.
18.00 - 22.00 น. รอบทดสอบสนาม 1 และ 2
เสาร์ที่ 27 ก.ย.
18.00 - 19.00 น. รอบทดสอบสนาม 2
21.00 - 22.00 น. ควอลิฟายจัดอันดับ
อาทิตย์ที่ 28 ก.ย.
19.00 - 21.00 น. แข่งขันจริง 61 รอบสนาม
