มาร์ค โบเวน ผู้ช่วยผู้จัดการทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ออกอาการหวั่นใจเกรงโครงการปั้นนักเตะดาวรุ่งดันขึ้นมาเสริมทีมชุดใหญ่หยุดชะงัก หลังจากที่ผู้บริหารรายใหม่เน้นทุ่มเงินดึงซูเปอร์สตาร์เข้าสู่สโมสร
แมนฯ ซิตี เป็นอีกหนึ่งทีมในเมืองผู้ดี ที่สามารถผลิตนักเตะดาวรุ่งระดับคุณภาพขึ้นมาประดับวงการ อาทิเช่น ไมกาห์ ริชาร์ดส ที่เป็นกำลังสำคัญของ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ณ ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม จากการเข้าเทกโอเวอร์สโมสรของ “อาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป” กลุ่มมหาเศรษฐีชาวอาหรับ ทำให้ทิศทางของสโมสรอาจเปลี่ยนไป
โดย ดร.ซุไลมาน อัล-ฟาฮิม ประธานบริหารคนใหม่ของ “เรือใบสีฟ้า” เคยเปรยกับสื่อเมืองผู้ดีทำนองว่า เขาพร้อมเจริญรอยตาม “เสี่ยหมี” โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมเชลซี ในการทุ่มเงินสร้างให้ แมนฯ ซิตี ก้าวขื้นมาแย่งแชมป์กับบรรดา “บิ๊กโฟร์” ในพรีเมียร์ลีก อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี, อาร์เซนอล หรือว่า ลิเวอร์พูล นอกจากนี้ ยังมองไกลไปถึงการพาทีมลุย ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มาร์ค โบเวน ผู้ช่วยของ มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือแห่งอีสต์แลนด์ แสดงความกังวลผ่าน “บีบีซี ไฟฟ์” สถานีวิทยุของอังกฤษ ต่อแนวทางดังกล่าวซึ่งจะกระทบกับการผลักดันนักเตะดาวรุ่งขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่แน่นอน
โบเวน แสดงความคิดเห็น “มันคงเป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่ปีหน้าเราจะมีนักเตะอีกหลายคนเข้ามาเสริม ความทะเยอทะยานของผู้เล่นจะเพิ่มขึ้น แต่ก็มีผลกระทบในส่วนอื่นเช่นกัน ในเมื่อเรากำลังจะเจริญรอยตามสิ่งที่ เชลซี และ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำในช่วงหลายปีมานี้”
“แน่นอนว่า เราต้องการให้เกิดการแข่งขันกันในทีม ถ้าคุณเป็นผู้เล่นที่มีคุณภาพจริงๆ สโมสรก็จะได้รับประโยชน์ แต่การทุ่มเงินซื้อนักเตะระดับโลกเข้ามาอาจเป็นการหยุดยั้งการพัฒนาดาวรุ่งในระยะยาว ถึงแม้ในทุกๆ วันพวกเขาจะได้เห็นและฝึกซ้อมร่วมกับนักเตะเหล่านั้นก็ตาม” โบเวน กล่าวต่อ
“ถ้า แมนฯ ซิตี ต้องการไปเล่นในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และอยากขึ้นมาท้าทายลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ผมก็อดหวั่นใจไม่ได้กับแนวทางในการก้าวเดินต่อไปของเรา” โบเวน ซึ่งติดสอยห้อยตาม ฮิวจ์ส มาจากรัง “กุหลาบไฟ” แบล็กเบิร์น ตบท้ายให้คิด
สำหรับ แมนฯ ซิตี เพิ่งทุบสถิติการซื้อ-ขายนักเตะในลีกเมืองผู้ดี ด้วยการทุ่มเงิน 32.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,100 ล้านบาท) ดึง โรบินโญ กองหน้าร่างเล็กทีมชาติบราซิล มาสู่ถิ่นซิตี ออฟ แมนเชสเตอร์ ทว่า อัล-ฟาฮิม ยังพร้อมหว่านเงินไม่อั้น หากสามารถกระชากตัว คริสเตียโน โรนัลโด, เฟอร์นานโด ตอร์เรส, เชส ฟาเบรกาส, ริคาร์โด กาก้า, ดาวิด บีญา หรือแม้แต่ มาริโอ โกเมซ มาร่วมงาน
แมนฯ ซิตี เป็นอีกหนึ่งทีมในเมืองผู้ดี ที่สามารถผลิตนักเตะดาวรุ่งระดับคุณภาพขึ้นมาประดับวงการ อาทิเช่น ไมกาห์ ริชาร์ดส ที่เป็นกำลังสำคัญของ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ณ ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม จากการเข้าเทกโอเวอร์สโมสรของ “อาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป” กลุ่มมหาเศรษฐีชาวอาหรับ ทำให้ทิศทางของสโมสรอาจเปลี่ยนไป
โดย ดร.ซุไลมาน อัล-ฟาฮิม ประธานบริหารคนใหม่ของ “เรือใบสีฟ้า” เคยเปรยกับสื่อเมืองผู้ดีทำนองว่า เขาพร้อมเจริญรอยตาม “เสี่ยหมี” โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมเชลซี ในการทุ่มเงินสร้างให้ แมนฯ ซิตี ก้าวขื้นมาแย่งแชมป์กับบรรดา “บิ๊กโฟร์” ในพรีเมียร์ลีก อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี, อาร์เซนอล หรือว่า ลิเวอร์พูล นอกจากนี้ ยังมองไกลไปถึงการพาทีมลุย ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มาร์ค โบเวน ผู้ช่วยของ มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือแห่งอีสต์แลนด์ แสดงความกังวลผ่าน “บีบีซี ไฟฟ์” สถานีวิทยุของอังกฤษ ต่อแนวทางดังกล่าวซึ่งจะกระทบกับการผลักดันนักเตะดาวรุ่งขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่แน่นอน
โบเวน แสดงความคิดเห็น “มันคงเป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่ปีหน้าเราจะมีนักเตะอีกหลายคนเข้ามาเสริม ความทะเยอทะยานของผู้เล่นจะเพิ่มขึ้น แต่ก็มีผลกระทบในส่วนอื่นเช่นกัน ในเมื่อเรากำลังจะเจริญรอยตามสิ่งที่ เชลซี และ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำในช่วงหลายปีมานี้”
“แน่นอนว่า เราต้องการให้เกิดการแข่งขันกันในทีม ถ้าคุณเป็นผู้เล่นที่มีคุณภาพจริงๆ สโมสรก็จะได้รับประโยชน์ แต่การทุ่มเงินซื้อนักเตะระดับโลกเข้ามาอาจเป็นการหยุดยั้งการพัฒนาดาวรุ่งในระยะยาว ถึงแม้ในทุกๆ วันพวกเขาจะได้เห็นและฝึกซ้อมร่วมกับนักเตะเหล่านั้นก็ตาม” โบเวน กล่าวต่อ
“ถ้า แมนฯ ซิตี ต้องการไปเล่นในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และอยากขึ้นมาท้าทายลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ผมก็อดหวั่นใจไม่ได้กับแนวทางในการก้าวเดินต่อไปของเรา” โบเวน ซึ่งติดสอยห้อยตาม ฮิวจ์ส มาจากรัง “กุหลาบไฟ” แบล็กเบิร์น ตบท้ายให้คิด
สำหรับ แมนฯ ซิตี เพิ่งทุบสถิติการซื้อ-ขายนักเตะในลีกเมืองผู้ดี ด้วยการทุ่มเงิน 32.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,100 ล้านบาท) ดึง โรบินโญ กองหน้าร่างเล็กทีมชาติบราซิล มาสู่ถิ่นซิตี ออฟ แมนเชสเตอร์ ทว่า อัล-ฟาฮิม ยังพร้อมหว่านเงินไม่อั้น หากสามารถกระชากตัว คริสเตียโน โรนัลโด, เฟอร์นานโด ตอร์เรส, เชส ฟาเบรกาส, ริคาร์โด กาก้า, ดาวิด บีญา หรือแม้แต่ มาริโอ โกเมซ มาร่วมงาน