“ดาร์เรน เบนท์” ซัดประตูตีเสมอช่วงท้ายครึ่งแรกให้ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ บุกมาเสมอกับ เชลซี 1-1 ณ สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในศึกพรีเมียร์ ลีกเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก
เชลซี 1-1 ทอตแนม ฮอตสเปอร์
เชลซี ของกุนซือ หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี เริ่มต้นฤดูกาลได้สวยเลยเมื่อคว้าชัยมา 2 นัดรวด นักเตะในตำแหน่งต่างๆก็มีความลงตัวแต่เกมนี้ยังไม่มี ดิดิเยร์ ดรอกบา ที่ยังบาดเจ็บแต่ นิโกลาส์ อเนลกา ก็ทดแทนได้อย่างไม่มีปัญหา ขณะที่ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ของ ฮวนเด รามอส พ่ายแพ้มาในสองนัดแรกทำให้เกมนี้ทีมต้องเน้นเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้นักเตะหมดกำลังใจไปก่อน โดยในเกมนี้ โรมัน พัฟลูเชนโก กองหน้าคนใหม่ยังไม่สามารถลงสนามได้ทำให้แดนหน้าต้องพึ่งพา ดาร์เรน เบนท์ ยืนเป็นหอกตัวเดียว
เริ่มครึ่งแรก ทีมเยือนทำเกมบุกก่อนและมีโอกาสได้เปิดลูกฟรีคิก 1-2 ครั้ง แต่หลังจากเกมผ่านมา 5 นาที เชลซี กลับมีโอกาสทำประตูขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะที่ แลมพาร์ด ได้บอลนอกกรอบเขตโทษแล้วพยายามชิพบอลข้ามหัว โกเมส ที่ถลำออกมาจากประตูมากเกินไป แต่นายด่านสเปอร์สามารถถอยหลังกลับไปปัดบอลทิ้งได้ทัน อีกสองนาทีต่อมาไก่เดือยทองตอบโต้กลับทันทีจากการที่ ดอส ซานโตส หลบกองหลังเจ้าถิ่นบริเวณเส้นหลังเลี้ยงบอลเลาะเข้ามาก่อนจ่ายเข้ากลางแต่ลูกยิงของ ดาร์เรน เบนท์ ถูกตัว จอห์น เทอร์รี ออกหลังไป
เกมผ่าน 15 นาทีแรก เจ้าถิ่นสามารถคุมจังหวะของเกมได้แล้วจนปิดการลำเลี้ยงบอลของ สเปอร์ เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 25 สิงห์บลูมีโอกาสทำประตูอีกครั้งจากการเปิดบอลของ เบลเลตติ ที่แม่นยำมาเข้าเท้าของ อเนลกา จับบอลในเขตโทษก่อนจะยิงเร็วแต่บอลเหินข้ามคานออกไป เจ้าถิ่นยังคงบุกอย่างต่อเนื่อง เอสเซียง ได้ยิงนอกกรอบจากระยะ 35 หลาบอลพุ่งแรงหมดสิทธิ์ที่ โกเมส จะป้องกันได้แล้วแต่บอลก็พุ่งไปชนคานกระดอนออกไป แต่แล้วในที่สุดรองแชมป์เก่าก็มาทำประตูขึ้นนำในนาทีที่ 27 จากจังหวะลูกเตะมุมแล้วเป็น เบลเลตติ วิ่งโฉบมาซัดด้วยซ้ายเข้าไปให้ เชลซี นำ 1-0
ช่วง 15 นาทีสุดท้าย สิงห์บลู ผ่อนเกมลงจนเปิดโอกาสให้ สเปอร์ได้มีโอกาสทำเกมบุกบ้างแต่ทีมเยือนก็จะทำอะไรได้ไม่ถนัดและมักจะมาเสียบอลในแดนหน้า แต่ช่วงนาทีสุดท้ายเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ สเปอร์ ทำประตูตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะที่ แลมพาร์ด พยายามแย่งบอลจาก โมดริซ ของทีมเยือนแต่บอลกลับย้อนกลับไปหน้าเขตโทษของตนเองมาถึง ดาร์เรน เบนท์ กระชากบอลหนีกองหลังสิงห์บลูเข้าไปยิงลอดขา ปีเตอร์ เชก เข้าไปให้ สเปอร์ ตามตีเสมอ 1-1 และจบเวลาครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
เริ่มเกมครึ่งหลังมาครู่เดียว เชลซี ก็เกือบมาทำประตูได้เมื่อ แลมพาร์ด จ่ายบอลให้ แอชลีย์ โคล ที่เติมเกมขึ้นมาทางด้านซ้ายหลุดเข้าไปยิงแต่บอลผ่านหน้าประตูออกหลังไป ทีมเยือนได้ตอบโต้กลับเช่นกันเมื่อ เบนทลีย์ เลี้ยงบอลลุยขึ้นมาทางซ้ายก่อนจะพยายามเปิดเข้ากลางแต่ถูก คาร์วัลโญ สกัดทิ้งออกหลังไปได้ ทั้งสองทีมทำเล่นกันในอย่างสูสีในช่วงนี้แต่โอกาสทำประตูยังมีไม่มาก แลมพาร์ด พยายามจะชิพบอลข้ามตัว โกเมส อีกครั้งแต่คราวนี้บอลข้ามคานออกไป
เกมผ่านหนึ่งชั่วโมงแรก หลังจากไม่ได้ลุ้นทำประตูกันมาช่วงหนึ่งแฟนเจ้าถิ่นเกือบได้เฮเมื่อ อเนลกา หลุดแผงหลังทีมเยือนเข้าไปยิงแต่กองหน้าเลือดน้ำหอมกลับซัดออกหลังไปรวมถึงล้ำหน้าอยู่ก่อนแล้วด้วยทำให้พลาดการทำประตูขึ้นนำไป ช่วงนี้ดูเหมือนว่าเกมรุกของ เชลซี จะเริ่มตันเมื่อหาทางเจาะแผงหลังไก่เดือยทองเข้าไปลุ้นทำประตูไม่ได้เลย ขณะที่ทีมเยือนยังคงอาศัยการขึ้นเกมทางริมเส้นเป็นการโต้กลับแต่ก็ยังเปิดบอลไม่แม่นยำเช่นกัน
ช่วง 15 นาทีสุดท้าย โซโลมอง กาลู ที่เพิ่งจะถูกเปลี่ยนตัวลงมาเกือบทำประตูให้เจ้าถิ่นได้เมื่อ อเนลกา โหม่งบอลต่อมาให้หลุดเข้าไปยิงแต่ กาลู กลับยิงผิดเหลี่ยมบอลหลุดกรอบประตูไปอย่างไม่ได้ลุ้น ช่วงก่อนหมดเวลา 5 นาที สเปอร์ ทำเกมบุกอย่างต่อเนื่อง แกเร็ธ เบล ตัดบอลจากคู่แข่งก่อนจะลากเลื้อยขึ้นมาทางริมเส้นฝ่ากองหลังเจ้าถิ่นเกือบหลุดแต่สุดท้าย โบซิงวา ทำฟาวล์ก่อนที่จะเข้ากรอบเขตโทษจึงเพียงลูกฟรีคิกและก็ซัดบอลไปติดกำแพง เกมมาถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แลมพาร์ด จับบอลได้ในเขตโทษของไก่เดือยทองเตรียมจะง้างเท้ายิงแล้วแต่ วูดเกต มาสกัดเอาไว้ได้พลาดทำประตูในจังหวะสุดท้ายจบ 90 นาทีทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 แบ่งกันไปทีมละคะแนน เชลซี ขึ้นมารั้งตำแหน่งจ่าฝูง ขณะที่ สเปอร์ คว้าแต้มแรกในฤดูกาลมาได้
ขณะที่ผลการแข่งขันอีกคู่ ซันเดอร์แลนด์ ถูก แมนเชสเตอร์ ซิตี บุกมายำใหญ่ถึง 0-3 โดยได้ประตูจาก สตีเฟน ไอร์แลนด์ น.45 และอีก 2 ประตูจาก ชอว์น ไรท์ ฟิลลิปส์ ปีกที่เพิ่งจะดึงตัวกลับมาจาก เชลซี ใน น.50 และ 58 ทำให้ตอนนี้ เรือใบสีฟ้า มี 6 คะแนนจากการแข่ง 3 นัด ขณะที่ลูกทีมของ รอย คีน มี 3 แต้ม
รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เชก, ริคาร์โด คาร์วัลโญ, แอชลีย์ โคล, โฮเซ โบซิงวา, ยูเลียโน เบลเลตติ, จอห์น เทอร์รี, เดโก, มิเชล เอสเซียง, แฟรงค์ แลมพาร์ด, โจ โคล, นิโกลาส์ อเนลกา
ทอตแนม ฮอตสเปอร์ : โกเมส, โจนาธาน วูดเกต, คริส กันเตอร์, เลดลีย์ คิง, จิโอวานนี ดอส ซานโตส, เจอรืเมน เจนาส, ดิดิเยร์ โซโกรา, แกเร็ธ เบล, เดวิด เบนทลีย์, ลูกา โมดริซ, ดาร์เรน เบนท์
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก
เชลซี 1-1 ทอตแนม ฮอตสเปอร์
เชลซี ของกุนซือ หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี เริ่มต้นฤดูกาลได้สวยเลยเมื่อคว้าชัยมา 2 นัดรวด นักเตะในตำแหน่งต่างๆก็มีความลงตัวแต่เกมนี้ยังไม่มี ดิดิเยร์ ดรอกบา ที่ยังบาดเจ็บแต่ นิโกลาส์ อเนลกา ก็ทดแทนได้อย่างไม่มีปัญหา ขณะที่ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ของ ฮวนเด รามอส พ่ายแพ้มาในสองนัดแรกทำให้เกมนี้ทีมต้องเน้นเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้นักเตะหมดกำลังใจไปก่อน โดยในเกมนี้ โรมัน พัฟลูเชนโก กองหน้าคนใหม่ยังไม่สามารถลงสนามได้ทำให้แดนหน้าต้องพึ่งพา ดาร์เรน เบนท์ ยืนเป็นหอกตัวเดียว
เริ่มครึ่งแรก ทีมเยือนทำเกมบุกก่อนและมีโอกาสได้เปิดลูกฟรีคิก 1-2 ครั้ง แต่หลังจากเกมผ่านมา 5 นาที เชลซี กลับมีโอกาสทำประตูขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะที่ แลมพาร์ด ได้บอลนอกกรอบเขตโทษแล้วพยายามชิพบอลข้ามหัว โกเมส ที่ถลำออกมาจากประตูมากเกินไป แต่นายด่านสเปอร์สามารถถอยหลังกลับไปปัดบอลทิ้งได้ทัน อีกสองนาทีต่อมาไก่เดือยทองตอบโต้กลับทันทีจากการที่ ดอส ซานโตส หลบกองหลังเจ้าถิ่นบริเวณเส้นหลังเลี้ยงบอลเลาะเข้ามาก่อนจ่ายเข้ากลางแต่ลูกยิงของ ดาร์เรน เบนท์ ถูกตัว จอห์น เทอร์รี ออกหลังไป
เกมผ่าน 15 นาทีแรก เจ้าถิ่นสามารถคุมจังหวะของเกมได้แล้วจนปิดการลำเลี้ยงบอลของ สเปอร์ เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 25 สิงห์บลูมีโอกาสทำประตูอีกครั้งจากการเปิดบอลของ เบลเลตติ ที่แม่นยำมาเข้าเท้าของ อเนลกา จับบอลในเขตโทษก่อนจะยิงเร็วแต่บอลเหินข้ามคานออกไป เจ้าถิ่นยังคงบุกอย่างต่อเนื่อง เอสเซียง ได้ยิงนอกกรอบจากระยะ 35 หลาบอลพุ่งแรงหมดสิทธิ์ที่ โกเมส จะป้องกันได้แล้วแต่บอลก็พุ่งไปชนคานกระดอนออกไป แต่แล้วในที่สุดรองแชมป์เก่าก็มาทำประตูขึ้นนำในนาทีที่ 27 จากจังหวะลูกเตะมุมแล้วเป็น เบลเลตติ วิ่งโฉบมาซัดด้วยซ้ายเข้าไปให้ เชลซี นำ 1-0
ช่วง 15 นาทีสุดท้าย สิงห์บลู ผ่อนเกมลงจนเปิดโอกาสให้ สเปอร์ได้มีโอกาสทำเกมบุกบ้างแต่ทีมเยือนก็จะทำอะไรได้ไม่ถนัดและมักจะมาเสียบอลในแดนหน้า แต่ช่วงนาทีสุดท้ายเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ สเปอร์ ทำประตูตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะที่ แลมพาร์ด พยายามแย่งบอลจาก โมดริซ ของทีมเยือนแต่บอลกลับย้อนกลับไปหน้าเขตโทษของตนเองมาถึง ดาร์เรน เบนท์ กระชากบอลหนีกองหลังสิงห์บลูเข้าไปยิงลอดขา ปีเตอร์ เชก เข้าไปให้ สเปอร์ ตามตีเสมอ 1-1 และจบเวลาครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
เริ่มเกมครึ่งหลังมาครู่เดียว เชลซี ก็เกือบมาทำประตูได้เมื่อ แลมพาร์ด จ่ายบอลให้ แอชลีย์ โคล ที่เติมเกมขึ้นมาทางด้านซ้ายหลุดเข้าไปยิงแต่บอลผ่านหน้าประตูออกหลังไป ทีมเยือนได้ตอบโต้กลับเช่นกันเมื่อ เบนทลีย์ เลี้ยงบอลลุยขึ้นมาทางซ้ายก่อนจะพยายามเปิดเข้ากลางแต่ถูก คาร์วัลโญ สกัดทิ้งออกหลังไปได้ ทั้งสองทีมทำเล่นกันในอย่างสูสีในช่วงนี้แต่โอกาสทำประตูยังมีไม่มาก แลมพาร์ด พยายามจะชิพบอลข้ามตัว โกเมส อีกครั้งแต่คราวนี้บอลข้ามคานออกไป
เกมผ่านหนึ่งชั่วโมงแรก หลังจากไม่ได้ลุ้นทำประตูกันมาช่วงหนึ่งแฟนเจ้าถิ่นเกือบได้เฮเมื่อ อเนลกา หลุดแผงหลังทีมเยือนเข้าไปยิงแต่กองหน้าเลือดน้ำหอมกลับซัดออกหลังไปรวมถึงล้ำหน้าอยู่ก่อนแล้วด้วยทำให้พลาดการทำประตูขึ้นนำไป ช่วงนี้ดูเหมือนว่าเกมรุกของ เชลซี จะเริ่มตันเมื่อหาทางเจาะแผงหลังไก่เดือยทองเข้าไปลุ้นทำประตูไม่ได้เลย ขณะที่ทีมเยือนยังคงอาศัยการขึ้นเกมทางริมเส้นเป็นการโต้กลับแต่ก็ยังเปิดบอลไม่แม่นยำเช่นกัน
ช่วง 15 นาทีสุดท้าย โซโลมอง กาลู ที่เพิ่งจะถูกเปลี่ยนตัวลงมาเกือบทำประตูให้เจ้าถิ่นได้เมื่อ อเนลกา โหม่งบอลต่อมาให้หลุดเข้าไปยิงแต่ กาลู กลับยิงผิดเหลี่ยมบอลหลุดกรอบประตูไปอย่างไม่ได้ลุ้น ช่วงก่อนหมดเวลา 5 นาที สเปอร์ ทำเกมบุกอย่างต่อเนื่อง แกเร็ธ เบล ตัดบอลจากคู่แข่งก่อนจะลากเลื้อยขึ้นมาทางริมเส้นฝ่ากองหลังเจ้าถิ่นเกือบหลุดแต่สุดท้าย โบซิงวา ทำฟาวล์ก่อนที่จะเข้ากรอบเขตโทษจึงเพียงลูกฟรีคิกและก็ซัดบอลไปติดกำแพง เกมมาถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แลมพาร์ด จับบอลได้ในเขตโทษของไก่เดือยทองเตรียมจะง้างเท้ายิงแล้วแต่ วูดเกต มาสกัดเอาไว้ได้พลาดทำประตูในจังหวะสุดท้ายจบ 90 นาทีทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 แบ่งกันไปทีมละคะแนน เชลซี ขึ้นมารั้งตำแหน่งจ่าฝูง ขณะที่ สเปอร์ คว้าแต้มแรกในฤดูกาลมาได้
ขณะที่ผลการแข่งขันอีกคู่ ซันเดอร์แลนด์ ถูก แมนเชสเตอร์ ซิตี บุกมายำใหญ่ถึง 0-3 โดยได้ประตูจาก สตีเฟน ไอร์แลนด์ น.45 และอีก 2 ประตูจาก ชอว์น ไรท์ ฟิลลิปส์ ปีกที่เพิ่งจะดึงตัวกลับมาจาก เชลซี ใน น.50 และ 58 ทำให้ตอนนี้ เรือใบสีฟ้า มี 6 คะแนนจากการแข่ง 3 นัด ขณะที่ลูกทีมของ รอย คีน มี 3 แต้ม
รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เชก, ริคาร์โด คาร์วัลโญ, แอชลีย์ โคล, โฮเซ โบซิงวา, ยูเลียโน เบลเลตติ, จอห์น เทอร์รี, เดโก, มิเชล เอสเซียง, แฟรงค์ แลมพาร์ด, โจ โคล, นิโกลาส์ อเนลกา
ทอตแนม ฮอตสเปอร์ : โกเมส, โจนาธาน วูดเกต, คริส กันเตอร์, เลดลีย์ คิง, จิโอวานนี ดอส ซานโตส, เจอรืเมน เจนาส, ดิดิเยร์ โซโกรา, แกเร็ธ เบล, เดวิด เบนทลีย์, ลูกา โมดริซ, ดาร์เรน เบนท์