17 วันของปักกิ่งเกมส์จบลงไปพร้อมกับความสำเร็จของเจ้าภาพที่ได้ใช้เวทีระดับนานาชาติเปิด “ภาพจีน” ในโฉมใหม่ต่อชาวโลก ขณะที่ทัพนักกีฬาไทยนั้นโอลิมปิกครั้งนี้เกรียงไกรน้อยกว่าเมื่อสี่ปีก่อน แต่ก็ยังคว้ามาได้ 2 ทองกับ 2 เงิน ที่สำคัญกลายเป็นโอลิมปิกที่ครบรสชาติกว่าทุกครั้ง เพราะมีทั้งเรื่องราวฉาว-แฉ นักกีฬาโวยสมาคมฯ ผู้ใหญ่ในวงการซัดกันเอง ชัยชนะบนชีวิตดราม่าของมนัส บุญจำนงค์ สุดท้ายยังมีดาวรุ่งที่สร้างเซอร์ไพรส์ได้เหรียญมาคล้องคออย่าง บุตรี เผือดผ่องอีกด้วย
‘ยกน้ำหนัก-มวยสากลสมัครเล่น’ มีเหรียญทองให้เฮ
หากเทียบกับ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญทองแดง เมื่อครั้งก่อน สมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย อาจมองว่าผลงานตกลงไป เนื่องจากคราวนี้ “น้องเก๋” ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล เป็นนักยกเหล็กเพียงคนเดียวที่มีเหรียญกลับบ้าน จากการคว้าเหรียญทองในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 53 กก.หญิง อย่างไรก็ตาม คงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นเหรียญทองแรกใน “ปักกิ่งเกมส์” ที่ทำให้ชาวไทยมีความสุขมากที่สุด
ส่วนสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย นอกจากวิวาทะที่นายกสมาคมฯ ส่งผ่านข้ามประเทศแฉถึงกรณีสามไอ้โม่งพยายามล็อบบี้ผู้ตัดสิน ซึ่งจองพื้นที่ข่าวอยู่นานเกือบสัปดาห์ที่สุดแล้วสองนักชกก้นกุฎิของเสธ.วีป สมจิตร จงจอหอเจ้าของเหรียญทองในรุ่น 51 กก . และ มนัส บุญจำนงค์ ที่คว้าเหรียญเงินในรุ่น 64 กก. สร้างความปลาบปลื้มให้กับ “ท่านนายพล” แห่งวงการเสื้อกล้ามไทยเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่ พล.ต. จารึก อารีราชการันย์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยก็แสดงความพอใจต่อผลงานของทั้งสองสมาคมโดยมองนี่คือผลงานที่เป็นไปตามเป้า อย่างยกน้ำหนักที่ผลงานอาจจะน้อยกว่าเมื่อสี่ปีก่อนส่วนหนึ่งก็มาจากความกดดันที่เจ้าภาพต้องการเหรียญรางวัลในเกือบทุกรุ่น ส่วนมวยสากลสมัครเล่นนั้นนักชกทั้ง 8 รายทำได้ดีที่สุดแล้วก็อยากให้คนไทยให้กำลังใจกันต่อไป
‘เทควันโด’ จากทองแดงพัฒนามาสู่ “เงิน”
โอลิมปิกครั้งที่ผ่านมา “น้องวิว” เยาวภา บุรพลชัย ปลุกกระแสเทควันโดในเมืองไทยให้คึกคัก เมื่อคว้าเหรียญทองแดงในรุ่น 49 กก.หญิง มาครองได้อย่างสง่างาม มาคราวนี้สมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ประสบความสำเร็จอีกครั้ง เมื่อผลักดันให้ “น้องสอง” บุตรี เผือดผ่อง สาวน้อยวัย 17 ปี ขึ้นไปถึงเหรียญเงิน ขณะที่ ชลนภัส เปรมแหวว และ ชัชวาล ขาวละออ แสดงให้เห็นถึงความเป็นนักสู้ นี่จึงเป็นสมาคมที่ยกระดับตัวเองขึ้นมาได้อย่างชัดเจนที่สุด จอมเตะชาวไทยก้าวขึ้นสู่เวทีระดับโลกได้อย่างเต็มตัว
ยิงเป้าบิน’ ความหวังใหม่ของชาวไทย
แม้สมาคมยิงเป้าบินแห่งประเทศไทยมีงบประมาณสนับสนุนที่จำกัด แต่ด้วยใจรักในกีฬายิงเป้าบินทำให้ “น้องณี” สุธิยา จิวเฉลิมมิตร ยอมเจียดเวลาเรียน จ้างโค้ชต่างชาติมาเอง หมั่นฝึกฝน จนผลักดันความฝันมาประชันในโอลิมปิกเกมส์ 2008 แม้ทำผลงานเข้ามาในอันดับ 5 ประเภทสกีต บุคคลหญิง พลาดเหรียญรางวัลติดมือกลับบ้านไปอย่างน่าเสียดาย แต่นักแม่นปืนสาววัย 22 ปี ยังขอมุ่งมั่นต่อไปและก็หวังว่าใน “ลอนดอนเกมส์” ที่อังกฤษ ในปี 2012 เธอจะได้รับรางวัลแห่งความพยายาม
‘แบดมินตัน-เทนนิส’ ต่ำกว่ามาตรฐาน
จากผลงานเมื่อสี่ปีก่อนของ บุญศักดิ์ พลสนะ ที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศและก็ได้อันดับ 4 กลับมา ทำให้โอลิมปิกครั้งนี้ “ซูเปอร์แมน” ได้รับความคาดหวังจากคอแบดมินตันบ้านเราอยู่พอสมควร ทว่าผลที่ออกมากลับน่าผิดหวังอย่างสิ้นเชิง บุญศักดิ์ โดน โซนี คุนโคโร จากอินโดนีเซีย ย้ำแค้นตกรอบแรก เช่นเดียวกับ สลักจิตร พลสนะ ที่พ่ายนับตบเจ้าถิ่น จาง หนิง ส่วนประเภทคู่ผสม สุดเขต ประภากมล กับ สราลีย์ ทุ่งทองคำ เข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้าย แต่ก็เสียที โนวา วิเดียนโต และ ลิลิยานา นาสเซอร์ คู่มือ 1 ของรายการชาวอิเหนา
ด้าน ลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย ค่อนข้างตั้งความหวังไว้กับ แทมมารีน ธนสุกาญจน์ ที่เข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้ายแกรนด์สแลม วิมเบิลดัน เมื่อช่วงกลางปี อย่างไรก็ตาม “แทมมี่” กลับเสียทีให้ โซเฟีย อาร์วิดส์สัน รองบ่อนชาวสวีดิชอย่างหมดรูป
‘ฟันดาบ’ แฉจนฉาว
ผลพวงจากการตกรอบแรก ฟันดาบ ประเภทเซเบอร์ และ ฟอยท์ บุคคลชาย ของทั้ง “วิลลี่” วีรเดช คอตนี่ย์ กับ “เจ้านนท์” นนทพัฒน์ ปานจันทร์ นำมาซึ่งความแตกร้าวภายในสมาคมฟันดาบแห่งประเทศไทย เมื่อนักกีฬาทั้งสองรายออกมาแฉว่าทางสมาคมฯ ทำงานกันอย่างไร้ระบบ ส่งผลให้การแข่งขันครั้งนี้ทั้งคู่ไร้โค้ชไปช่วยแก้เกมระหว่างการแข่ง อีกทั้งยังจวกสมาคมฯ ต่อไปว่าไม่ยอมจ่ายเงินค่าเดินทางในการไปฝึกซ้อมยังต่างประเทศ และในโอลิมปิกคราวนี้นักกีฬาก็ต้องออกค่าใช้จ่ายกันเอง ทำให้ผู้ใหญ่ในสมาคมฯ ต้องออกมาแก้ต่างกันยกใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้แน่นอนว่ากลับไปคงต้องเคลียร์กันยาว
ส่วนอีก 6 สมาคมกีฬาไทยที่ได้สิทธิเข้าร่วมมหกรรมกีฬาใน “ปักกิ่งเกมส์” ประกอบด้วย วินเซิร์ฟ, ยิงปืน, จักรยาน, ว่ายน้ำ, เทเบิลเทนนิส และ กรีฑา แม้ไม่ประสบความสำเร็จจากความสามารถที่ต้องยอมรับว่าเป็นรองนักกีฬาจากชาติอื่นค่อนข้างมาก แต่ทุกคนก็สวมวิญญาณนักสู้ทำงานของตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าคอกีฬาชาวไทยพร้อมให้กำลังใจนักกีฬาทุกๆ คนต่อไป