"ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา ไล่ถล่ม "แซมบ้า" บราซิล ยับเยิน 3-0 ตีตั๋วเข้าไปป้องกันแชมป์ลูกหนังโอลิมปิก โดยจะพบกับ ไนจีเรีย ที่คว้าชัยเหนือ เบลเยียม 4-1
ศึกฟุตบอลชายโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 29 รอบรองชนะเลิศคู่ที่ 2 เมื่อเวลา 20.00 น. ที่ผ่านมา (ตามเวลาประเทศไทย) "ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา เจ้าของเหรียญทอง เอเธนส์เกมส์ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เกมนี้ใช้ เซอร์คิโอ อกูเอโร กับ ลิโอเนล เมสซี เล่นในแดนหน้า โดยมี 2 ตัวเก๋าอย่าง ฮวน โรมัน ริเกลเม และ ฮาเวียร์ มาสเชราโน คอยคุมเกมแดนกลาง โคจรมาพบกับ "แซมบ้า" บราซิล แชมป์โลก 5 สมัยที่ไม่เคยได้เหรียญทองโอลิมปิก นำมาโดย โรนัลดินโญ กับ อันแดร์สัน 2 สตาร์จากทีมเอซี มิลาน และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เริ่มเกมครึ่งแรกเป็นฝั่ง อาร์เจนฯ ที่ครองบอลได้มากกว่าแต่ก็ยังหาช่องเข้าไปส่องตาข่ายไม่ได้ จนกระทั่งนาทีที่ 41 เมสซี ได้บอลทางกราบซ้ายพลิ้วหลบ 2 กองหลังแซมบ้าเข้าไปซัดแบบไม่เต็มนัก เรนาน นายประตูบราซิล ปัดทิ้งออกไปได้ หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0
เกมมาสนุกในช่วงครึ่งหลัง นาทีที่ 52 ขุนพล "ฟ้าขาว" ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน จากจังหวะที่ อังเคล ดิ มาเรีย ได้บอลอยู่บริเวณกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนตัดสินใจกึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไปหน้าประตู และเป็น อกูเอโร ที่กระแทกบอลเข้าไปให้ทีมขึ้นนำ 1-0 จากนั้น บราซิล เกือบเอาคืนได้ทันควันนาทีที่ 54 ราฟาเอล โซบิส ที่นัดนี้ยืนเป็นหน้าเป้าคนเดียว ซัดด้วยเท้าขวาเต็มข้อลูกไปชนเสาอย่างจัง ก่อน เซอร์คิโอ โรเมโร นายด่าน "ฟ้าขาว" ตระคุบไว้ได้
เข้าสู่นาทีที่ 58 เมสซี พาบอลลากตัดไปทางขวา แต่หาจังหวะยิงไม่ได้ต้องไหลบอลไปทางขวาก่อนปาดเข้ามาหน้าปากประตูให้ อกูเอโร จิ้มบอลเข้าไปง่ายๆ บวกสกอร์ที่ 2 ของตัวเองให้ทีมหนีห่างเป็น 2-0 ขณะที่ในนาทีที่ 65 "แซมบ้า" พลาดโอกาสตีไข่แตกไปอย่างน่าเสียดายเมื่อ โรนัลดินโญ ปั่นฟรีคิกไปชนเสา ก่อน ปาโต จะยิงซ้ำเข้าไป แต่ผู้ตัดสินเปานกหวีดล้ำหน้าไปก่อน
สุดท้ายทัพอาร์เจนไตน์มาได้ประตูปิดกล่อง 3-0 จากจุดโทษของ ริเกลเม ในนาทีที่ 76 ช่วงท้ายเกม บราซิล เหลือผู้เล่นเพียงแค่ 9 คน หลัง ลูคัส เลวา กับ ติอาโก เนเวส ไปไล่หวด มาสเชราโน โดนใบแดงไล่ออกจากสนามทั้งคู่ จบเกม "ฟ้าขาว" สอนบอล "แซมบ้า" 3-0 เข้าไปชิงฯ กับ ไนจีเรีย เจ้าของแชมป์เมื่อปี 1996 ที่ชนะ เบลเยียม มาได้ 4-1
ทั้งนี้ในรอบชิงเหรียญทองแดง บราซิล พบ เบลเยียม ในวันที่ 22 สิงหาคม เวลา 18.00 น. และนัดชิงเหรียญทอง อาร์เจนตินา พบกับ ไนจีเรีย ในวันที่ 23 สิงหาคม เวลา 11.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)