ยูโร 2008 ผ่านไปเกือบเดือน แฟนบอลบางคนยังอิ่มไม่หาย ไม่อยากรู้ว่าพรีเมียร์ชิป ลีก เอิง หรือบุนเดสลิกาจะเตะเปิดฤดูกาลวันไหน ผมเห็นด้วยและรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ไม่อยากรับรู้ว่าเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ จะย้ายไปซบเอซี มิลาน ,บาร์เซโลน่า หรือยังอยู่กับอาร์เซนอล ไม่สนใจว่าแฟรงค์ แลมพาร์ด จะอยู่กับเชลซี หรือจะเผ่นไปอยู่กับนายหัว โฮเซ่ มูรินโญ่ที่อินเตอร์ มิลาน และไม่เสียดายถ้าหากคริสเตียโน โรนัลโด้ จะทิ้งรังปิศาจสีแดงไปซบถิ่น ‘ราชันชุดขาว’ เพราะวงการฟุตบอลอาชีพเป็นอนิจจัง (ที่เป็นกำไร)
อนิจจังที่เป็นกำไรหมายถึงความไม่แน่นอนอันเกิดจากการซื้อขายนักเตะ เมื่อใดที่สโมสรเห็นว่าการปล่อยนักเตะคนหนึ่งที่เก็บเอาไว้มีแต่จะขาดทุน หรือใช้ได้ไม่คุ้มค่าก็ต้องรีบขายออกไป อีกด้านหนึ่ง สโมสรใดเห็นว่าถ้าซื้อนักเตะสักคนแล้วมีช่องทางทำกำไรก็ต้องซื้อ แม้สตาฟฟ์เทรนเนอร์ไม่ได้ต้องการก็ตาม
ฝ่ายนักเตะก็เช่นเดียวกัน ถ้าอยู่ที่เก่ารังเดิมค่าจ้างสามปีไม่ขยับ ทั้ง ๆ ที่ทำผลงานดีตลอด ทว่าตัวสำรองตำแหน่งเดียวกันได้ค่าแรงมากกว่า หากตัวแทนทวงถามเอากับสโมสรไม่ได้ นักเตะก็ต้องหาทางตีจากเพราะสโมสรไม่เห็นคุณค่าและค้ากำไรเกินควร สัญญาสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้เสมอ สโมสรรู้อยู่แก่ใจว่าควรจะขึ้นค่าแรงนักเตะ แต่เมื่อนักเตะไม่มีท่าทีขอขึ้นค่าแรง เรื่องอะไรสโมสรจะต้องรีบจ่าย ยกเว้น นักเตะที่กำลังจะถูกสโมสรคู่แข่งในลีกหรืออีกลีกจ้องจะฉกตัว
ฟุตบอลไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจหรือเงินๆทองๆ อย่างเดียว ฟุตบอลเป็นเกมกีฬาที่ผู้เล่นเป็นคน มีชีวิตจิตใจ มีความสำเร็จ มีความล้มเหลว มีความสุขล้น มีความเจ็บปวดและเบื่อหน่าย การตกเป็นตัวสำรองสุดแสนจะเจ็บปวดเสมอสำหรับนักเตะฝีเท้าดี แต่นี่เป็นวิถีที่พวกเขาต้องยอมรับ เพราะในตำแหน่งเดียวกัน ณ เวลานั้นอีกคนกำลังเล่นได้ดีกว่า
เบื้องหลังความสำเร็จของนักฟุตบอลคนหนึ่ง คือ การฝึกซ้อมและการฟิตร่างกายอย่างหนัก กินและพักผ่อนเป็นเวลา ลงสนามอย่างทรหดและพยายามเลี่ยงให้พ้นอุบัติเหตุ จบสิ้นฤดูกาลได้พักผ่อนสองเดือนและต้องกลับมาเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนั้นอย่างน้อย 7-10 ปี เอริค คันโตน่า อดีตกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่อาจทนต่อวัฏจักรนี้ได้ จึงตัดสินใจแขวนรองเท้าก่อนเวลา ไปสนุกกับฟุตบอลชายหาดเล่นด้วยหนังเท้าเปล่าๆ ได้คลุกทรายแบบเด็ก ๆ ทั้งนี้ฟุตบอลชายหาดเป็นธุรกิจที่ไม่เคร่งครัดเหมือนฟุตบอลสนามหญ้า
ในฐานะแฟนบอลคนหนึ่ง ผมไม่อยากเห็นแมนฯ ยูฯ เล่นด้วยนักฟุตบอลชุดเดิมตลอด 3-4 ฤดูกาล มันน่าเบื่อและเดิมๆ ตอนจอร์จ เบสต์ กับเซอร์บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน แขวนรองเท้า ผมทำท่าจะสิ้นหวังและเลิกเป็นแฟน ‘ปิศาจแดง’ แฟนทีมอื่นๆ วัยกลางคนอย่างผมก็จะเป็นจะตายตอนนักเตะคนโปรดเลิกเล่น แต่พอเลยวัยหนุ่มมา 30 ปี เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของทีมรักปีแล้วปีเล่า จนเข้าใจได้ว่าทีมฟุตบอลต้องเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเพื่อธุรกิจ รสชาติของเกมในสนาม หรือความเพลิดเพลินของคนดู ใครจะออกจะเข้าก็ถือเป็นปกติ ผมตื่นเต้นกับความเปลี่ยนแปลงและโฉมหน้าใหม่ของทีม ความเป็นแฟน ‘ปิศาจแดง’ ไม่ได้ร้อยรัดด้วยนักเตะคนเดียวอีกต่อไป
สัปดาห์นี้วาทะ ‘นักเตะทาส’ ของเซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานฟีฟ่าเล่นงานจนผมสะดุดกึก ที่มาของวาทะนี้ คือข่าวความต้องการย้ายสโมสรของคริสเตียโน โรนัลโด้ ที่ต้นสังกัดแมนฯ ยู ถูกรีล มาดริดใช้สารพัดกลยุทธ์ชิงตัว การซื้อการขายเป็นเรื่องของนักเตะกับสโมสรสองสโมสร ในฐานะประธานฟีฟ่าแบล็ตเตอร์ไม่น่าพูดอย่างนี้ คำพูดของขาใหญ่ไม่ดีกับแมนฯ ยูฯ เลย ทั้งๆ ที่มาดริดไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง พูดให้ชัดก็คือสโมสรของอังกฤษถูกเสียดสี แต่สโมสรของสเปนไม่ได้ทำผิด และไม่ได้ปฏิบัติต่อนักเตะอย่างทาส มันเป็นการดูถูกอย่างร้ายกาจ
ถ้าคริสเตียโน โรนัลโด้ เป็นทาส นายทาสตัวจริงคือประธานฟีฟ่า นั่นแหละ
อนิจจังที่เป็นกำไรหมายถึงความไม่แน่นอนอันเกิดจากการซื้อขายนักเตะ เมื่อใดที่สโมสรเห็นว่าการปล่อยนักเตะคนหนึ่งที่เก็บเอาไว้มีแต่จะขาดทุน หรือใช้ได้ไม่คุ้มค่าก็ต้องรีบขายออกไป อีกด้านหนึ่ง สโมสรใดเห็นว่าถ้าซื้อนักเตะสักคนแล้วมีช่องทางทำกำไรก็ต้องซื้อ แม้สตาฟฟ์เทรนเนอร์ไม่ได้ต้องการก็ตาม
ฝ่ายนักเตะก็เช่นเดียวกัน ถ้าอยู่ที่เก่ารังเดิมค่าจ้างสามปีไม่ขยับ ทั้ง ๆ ที่ทำผลงานดีตลอด ทว่าตัวสำรองตำแหน่งเดียวกันได้ค่าแรงมากกว่า หากตัวแทนทวงถามเอากับสโมสรไม่ได้ นักเตะก็ต้องหาทางตีจากเพราะสโมสรไม่เห็นคุณค่าและค้ากำไรเกินควร สัญญาสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้เสมอ สโมสรรู้อยู่แก่ใจว่าควรจะขึ้นค่าแรงนักเตะ แต่เมื่อนักเตะไม่มีท่าทีขอขึ้นค่าแรง เรื่องอะไรสโมสรจะต้องรีบจ่าย ยกเว้น นักเตะที่กำลังจะถูกสโมสรคู่แข่งในลีกหรืออีกลีกจ้องจะฉกตัว
ฟุตบอลไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจหรือเงินๆทองๆ อย่างเดียว ฟุตบอลเป็นเกมกีฬาที่ผู้เล่นเป็นคน มีชีวิตจิตใจ มีความสำเร็จ มีความล้มเหลว มีความสุขล้น มีความเจ็บปวดและเบื่อหน่าย การตกเป็นตัวสำรองสุดแสนจะเจ็บปวดเสมอสำหรับนักเตะฝีเท้าดี แต่นี่เป็นวิถีที่พวกเขาต้องยอมรับ เพราะในตำแหน่งเดียวกัน ณ เวลานั้นอีกคนกำลังเล่นได้ดีกว่า
เบื้องหลังความสำเร็จของนักฟุตบอลคนหนึ่ง คือ การฝึกซ้อมและการฟิตร่างกายอย่างหนัก กินและพักผ่อนเป็นเวลา ลงสนามอย่างทรหดและพยายามเลี่ยงให้พ้นอุบัติเหตุ จบสิ้นฤดูกาลได้พักผ่อนสองเดือนและต้องกลับมาเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนั้นอย่างน้อย 7-10 ปี เอริค คันโตน่า อดีตกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่อาจทนต่อวัฏจักรนี้ได้ จึงตัดสินใจแขวนรองเท้าก่อนเวลา ไปสนุกกับฟุตบอลชายหาดเล่นด้วยหนังเท้าเปล่าๆ ได้คลุกทรายแบบเด็ก ๆ ทั้งนี้ฟุตบอลชายหาดเป็นธุรกิจที่ไม่เคร่งครัดเหมือนฟุตบอลสนามหญ้า
ในฐานะแฟนบอลคนหนึ่ง ผมไม่อยากเห็นแมนฯ ยูฯ เล่นด้วยนักฟุตบอลชุดเดิมตลอด 3-4 ฤดูกาล มันน่าเบื่อและเดิมๆ ตอนจอร์จ เบสต์ กับเซอร์บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน แขวนรองเท้า ผมทำท่าจะสิ้นหวังและเลิกเป็นแฟน ‘ปิศาจแดง’ แฟนทีมอื่นๆ วัยกลางคนอย่างผมก็จะเป็นจะตายตอนนักเตะคนโปรดเลิกเล่น แต่พอเลยวัยหนุ่มมา 30 ปี เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของทีมรักปีแล้วปีเล่า จนเข้าใจได้ว่าทีมฟุตบอลต้องเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเพื่อธุรกิจ รสชาติของเกมในสนาม หรือความเพลิดเพลินของคนดู ใครจะออกจะเข้าก็ถือเป็นปกติ ผมตื่นเต้นกับความเปลี่ยนแปลงและโฉมหน้าใหม่ของทีม ความเป็นแฟน ‘ปิศาจแดง’ ไม่ได้ร้อยรัดด้วยนักเตะคนเดียวอีกต่อไป
สัปดาห์นี้วาทะ ‘นักเตะทาส’ ของเซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานฟีฟ่าเล่นงานจนผมสะดุดกึก ที่มาของวาทะนี้ คือข่าวความต้องการย้ายสโมสรของคริสเตียโน โรนัลโด้ ที่ต้นสังกัดแมนฯ ยู ถูกรีล มาดริดใช้สารพัดกลยุทธ์ชิงตัว การซื้อการขายเป็นเรื่องของนักเตะกับสโมสรสองสโมสร ในฐานะประธานฟีฟ่าแบล็ตเตอร์ไม่น่าพูดอย่างนี้ คำพูดของขาใหญ่ไม่ดีกับแมนฯ ยูฯ เลย ทั้งๆ ที่มาดริดไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง พูดให้ชัดก็คือสโมสรของอังกฤษถูกเสียดสี แต่สโมสรของสเปนไม่ได้ทำผิด และไม่ได้ปฏิบัติต่อนักเตะอย่างทาส มันเป็นการดูถูกอย่างร้ายกาจ
ถ้าคริสเตียโน โรนัลโด้ เป็นทาส นายทาสตัวจริงคือประธานฟีฟ่า นั่นแหละ