ลุยสังเวียนแข้งนัดชิง / ธีรพัฒน์ อัครเศรณี

คอลัมน์ "สุดฟากสนาม" โดย ธีรพัฒน์ อัครเศรณี

หลังจากปล่อยเซียนไก๋กับเด็กปั๊ม"ลองของ"ตะลุยซ่าในเวทียูโร 2008 ไปแล้ว เที่ยวนี้เป็นทีของผมบ้าง จากการติดสอยห้อยตามโครงการ TBFA หรือ Thaibev Football Academy ของเบียร์ช้างซึ่งมอบตั้งใจมอบของขวัญให้เยาวชนผู้ด้อยโอกาสเดินทางไปชมศึกใหญ่ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

การเดินทางครั้งนี้เราแวะที่ มิวนิค เยอรมนี ก่อนจะเข้าสู่กรุงเวียนนา ด้วยเส้นทางสายออโต้บาห์น อันเลื่องชื่อ ใช้เวลา 3 ชั่วโมงเราถึง "ลินซ์" เมืองใหญ่ทางตอนเหนือของออสเตรีย พักทานอาหารกลางวัน ก่อนจะมุ่งหน้าลงใต้สู่เมืองหลวงของออสเตรีย

เวียนนา (Vienna) หรือ"วีน" (Wien) แห่งอาณาจักรออสเตอรไรช์ คืออู่อารยธรรม ยุคเรอเนสซองต์ รุ่งเรืองในยุโรป และแน่นอนที่สุดทั่วโลกรู้จักเมืองนี้ในฐานะเมืองหลวงของวงการดนตรีคลาสสิค เป็นบ้านเกิดของโยฮัน สเตราซ์ ส่วนโมสาร์ท นั้นเทียวไปเทียวมาจากซาลซ์บวร์ก

ส่วนในวงการกีฬาทราบกันดีว่า เวียนนา คือสังเวียนแข้งนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2008 ซึ่งแฟนฟุตบอลกำลังลุ้นตัวโก่งว่าใครจะได้เป็นแชมป์ ซึ่งจะตัดสินกันในคืนวันที่ 29 มิ.ย. นี้ที่สนาม เอิร์นส์ ฮัพเพิล ในเมืองนี้นั่นเอง

บรรยากาศวันที่เราไปเยือนนั้นเป็นเกมเตะระหว่าง สเปน กับอิตาลี ซึ่งแม้เกมลูกหนังจะฝืดไปบ้างเพราะไม่อยากแพ้ด้วยกันทั้งคู่ แต่สีสันจากกองเชียร์ของทั้งสองฝั่งนั้นสุดๆจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวๆจากแดนกระทิงดุ (อะแฮ่ม) คึกคักตั้งแต่ก่อนการแข่งขันจนกระทั่งหลังเกมเลิกเลยทีเดียว

ทั้งนี้ต้องชมทีมงานจัดการแข่งขันที่หากิจกรรมต่างๆมาให้แฟนฟุตบอลได้ร่วมสนุก ตั้งแต่บริเวณโดยรอบก่อนเข้าสนาม มีบู๊ทให้ร่วมกิจกรรม พริตตี้โชว์สินค้าต่างๆ รวมทั้งเต๊นท์ขายของที่ระลึกน่ารักของยูฟ่า (แต่ราคาไม่น่ารัก!!) แต่ดูดเงินจากนักท่องเที่ยวและแฟนฟุตบอลไปได้มิใช่น้อย

จากนั้นพอเข้าสู่ตัวสนามยังมีโชว์เล็กๆ และการเปิดเพลงกระตุ้นอารมณ์กองเชียร์ก่อนฟุตบอลจะคิกออฟถึง 1 ชั่วโมงเต็ม เป็นสีสันที่ทำให้การชมฟุตบอลสนุกขึ้นในสนามแห่งนี้ (แต่แฟนบอลอิตาลีผู้พ่ายแพ้อาจไม่รู้สึกเช่นนั้น!)

อธิบายถึง เอิร์นส์ ฮัพเพิล สักนิด นี่คือสเตเดี้ยมซึ่งใหญ่ที่สุดในทัวร์นาเม้นต์นี้ จุผู้ชมได้ประมาณ 5 หมื่นคนเศษๆ ส่วนที่อื่นในออสเตรียหรือสวิตเซอร์แลนด์นั้นแค่ 3-4 หมื่นคนเท่านั้น สาเหตุที่ใช้ชื่อนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่เอิร์นส์ ฮัพเพิล ยอดโค้ชผู้โด่งดังในอดีตซึ่งเคยคุมทีมชาติออสเตรีย 51 นัด และถ้าใครเป็นแฟนฟุตบอลรุ่นเก๋าคงพอจำกันได้เขาคือหัวหน้าโค้ชทีมชาติฮอลแลนด์ชุดรองแชมป์โลกในปี 1978 เสียดายว่าเที่ยวนี้วิญญาณแกไม่เฮี้ยน ไม่สามารถกวักมือเรียกทีมเก่าของตัวเองไปเล่นนัดชิงชนะเลิศได้

กลายเป็นว่าต้องทนดูคู่ปรับสำคัญอย่าง "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ลงวาดลวดลายให้เจ็บกระดองใจแทนด้วย!!!