การแข่งขันยูโร 2008 หรือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งการชิงชัยครั้งนี้เริ่มขึ้นท่ามกลางความเงียบเหงาของเหล่าสปอนเซอร์ทั้งในเมืองไทยและยุโรปด้วยเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจ และอีกประการเห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องที่ทีมซึ่งเรียกลูกค้าอย่าง อังกฤษ ไม่สามารถเป็นหนึ่งใน 16 ทีมสุดท้ายที่ได้ดวลแข้งบนแผ่นดิน สวิตเซอร์แลนด์ และ ออสเตรีย ได้
ตามรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ “เดอะ การ์เดี้ยน” ของอังกฤษนั้นได้กล่าวถึงเม็ดเงินในวงการโฆษณาช่วงการแข่งขันยูโรว่าเงียบเหงาอย่างน่าตกใจ เมื่อเหล่าเอเยนซี่ ทั้งหลายไม่ได้แสดงอาการกระตือรือร้นที่จะจัดโปรโมชั่นเรียกลูกค้าหรืออาศัยช่วงจังหวะงานใหญ่เพื่อประชาสัมพันธ์ตนเอง ขณะที่เหล่าแฟนบอลต่างก็ออกอาการหงอยเหงาเพราะพลพรรคนักเตะสิงโตคำรามไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้
สถานการณ์อันเงียบเหงาเช่นนี้นับเป็นภาพที่แตกต่างจากเมื่อครั้งสองสโมสรชั้นนำของอังกฤษอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี เข้าชิงกันเองในศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ซึ่งห้วงเวลาดังกล่าวบรรดาสปอนเซอร์ต่างยิ้มหน้าบานสู้ราคาเวลาโฆษณาช่วงพักครึ่งซึ่งทะยานไปสูงถึง 200,000 ปอนด์ (ประมาณ 10 ล้านบาท) แน่นอนว่าศึกแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อเดือนพฤษภาคมนั้น มีสถานะที่เล็กกว่า ยูโร แต่กลับมีความน่าสนใจที่เรียกลูกค้าทั่วทั้งยุโรปและข้ามมาถึงเอเชียได้มากกว่า
เมื่อถึงการแข่งขัน ยูโร 2008 เม็ดเงินในการซื้อเวลาโฆษณากลับกลายเป็นเรื่องตรงกันข้ามบนเกาะอังกฤษเพราะเหล่าเอเยนซี่ ทั้งหลายไม่แสดงท่าทีกระตือรือร้น ที่จะซื้อเวลาโฆษณาขณะที่บางรายมองว่าการแข่งขันครั้งนี้เงียบเกินไป ไม่ใช่เพราะเจ้าภาพอ่อนประชาสัมพันธ์ แต่เป็นเพราะ 16 ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายนั้นไม่มีทีมที่เรียกลูกค้าได้มากเท่ากับทีมชาติอังกฤษ พร้อมกับวิเคราะห์ว่าหากซื้อเวลาโฆษณาในทัวร์นาเม้นท์นี้อาจจะขาดทุนมากกว่ากำไร
การถ่ายทอดสดบนเกาะอังกฤษนั้น สองเครือข่ายโทรทัศน์ที่ได้ลิขสิทธิ์สถานีแรกคือ “ไอทีวี” และ อีกหนึ่งสถานีคือยักษ์ใหญ่ประจำประเทศอย่าง “บีบีซี” โดยในรายของ บีบีซี นั้นซื้อลิขสิทธิ์โดยที่ไม่ได้รับความสนับสนุนจากลูกข่ายเท่าไรนัก แต่ทั้งสองแห่งเชื่อว่าการเผยแพร่ภาพแข่งขันของรายการนี้ยังคงมีแฟนบอลติดตามชมเพราะเหล่าแฟนบอลที่ชื่นชอบกีฬาลูกหนังย่อมไม่พลาดทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ที่สี่ปีจะมีสักครั้งและถึงแม้ว่าทีมชาติอังกฤษจะไม่ได้เข้าร่วม แต่ในประเทศนี้ผู้อาศัยจากหลายเชื้อชาติไม่ว่าจะเป็นในยุโรป หรือ เอเชีย ซึ่งจำนวนคนเหล่านี้ ยังคงติดตามชมการแข่งขันและบางส่วนก็ต้องการเชียร์ทีมบ้านเกิดของตนเองด้วย
ทั้งนี้สปอนเซอร์หลักที่สนับสนุนการถ่ายทองบนเกาะอังกฤษในครั้งนี้ก็ยังพอมีอยู่บ้างโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แม็คโดนัลด์ โคคา-โคล่า และ คาร์ลสเบิร์ก โดยหลายหลังนี้เป็นโต้โผใหญ่ในการจังด “Fanfare” ตามเมืองที่จัดการแข่งขันและบนเกาะอังกฤษ ทั้งนี้คาร์ลสเบิร์ก เชื่อมั่นว่าการถ่ายทอดสดจะทำให้แบรนด์ของพวกเขาเป็นที่จดจำไปทั่วโลก
มองย้อนกลับมาเมืองไทย จะเห็นว่าความเงียบเหงาในเม็ดเงินโฆษณาในยูโร 2008 ไม่ได้เกิดขึ้นแต่บนเกาะอังกฤษ หากแต่ยังลุกลามายังดินแดนอันไกลโพ้นอย่างเมืองไทยซึ่งมีแฟนลูกหนังติดตามการแข่งขันจำนวนไม่น้อย แต่ครั้งนี้เมื่อสิงโตคำรามไม่สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ แฟนบอลบางส่วนอาจลดความสนใจยูโร 2008 ลงไป แต่ก็ยังมีอีกจำนวนไม่น้อยที่คงติดตามการแข่งขันเพราะส่วนหนึ่งสนใจรูปเกม อีกส่วนที่คงปฏิเสธไม่ได้คือเรื่องของ “การพนัน”
แต่ถึงแม้จะมีแฟนบอลในไทยให้ความสนใจไม่น้อย ทว่าอาร์เอสบีเอส เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในครั้งนี้จะเก็บค่าโฆษณาได้ไม่ค่อยจะเต็มเม็ดเต็มหน่วยนักเมื่อสปอนเซอร์หลักมีเพียง เบียร์ช้าง และ ฮอนด้า ขณะที่แผนสองซึ่งทางบริษัทฯหวังเก็บค่าลิขสิทธิ์จากร้านอาหารหรือโรงแรมที่เปิดฟรีทีวีช่อง 7 และโมเดิร์นไนน์ ทีวี ก็เจออุปสรรคอีก หลังจากมีคำตัดสินอย่างเป็นทางการออกมาจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ระบุอย่างชัดเจนว่า อาร์เอสบีเอส ไม่มีสิทธิเก็บ
หากวิเคราะห์จากมูลค่าของทัวร์นาเม้นท์แล้วต้องยอมรับว่า “ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป” นั้นเป็นรายการใหญ่ มีศักดิ์ศรีเป็นรองก็เพียงฟุตบอลโลก แต่ด้วยภาพอันจำกัดเพียงประเทศในทวีปยุโรป แถมหลายทีมก็มิได้อยู่ในช่วงฟอร์มสุดยอด ความสนใจของผู้ชมจึงมีอยู่บางส่วนไม่กระจายไปทั่วโลกเหมือนเวิลด์คัพ และถ้าวิเคราะห์ให้ลึกลงไปอีกการขาดทีมที่สร้างกระแสตลาดชนิดเด็กดูได้ผู้ใหญ่ก็ชื่นชอบอย่างอังกฤษไป จึงไม่น่าแปลกใจหากวันนี้ยังมีบางคนในบ้านเราหรือแม้กระทั่งในยุโรปไม่รู้ด้วยซ้ำว่า “ยูโร 2008” ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
