ระเบิดความมันไปได้สองวัน คืน วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน คอลูกหนังชาวไทยเตรียมสัมผัสความตื่นตาตื่นใจกับการทำศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2008 ในกลุ่มซี ซึ่งถูกขนานนามว่า “กรุ๊ป ออฟ เดธ” โดย “ตราไก่” ฝรั่งเศส มีคิวดวล “ผีดิบ” โรมาเนีย ในเวลา 23.00 น. ส่วน อิตาลี พกพาศักดิ์ศรีแชมป์โลกวัดความคมกับ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์
อิตาลี VS เนเธอร์แลนด์ – ที่สนาม เดอ ซุสซี เมืองเบิร์น
โรแบร์โต โดนาโดนี ค่อนข้างกดดันไม่น้อยกับการพาทีมมาโม่เกือกยูโร 2008 รอบสุดท้ายที่สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย เมื่อมรดกตกทอดที่รับมาจาก มาร์เซลโล ลิปปี คือ ศักดิ์ศรีแห่งการเป็น “แชมป์โลก” จากเมื่อสองปีก่อน แน่นอนว่า แฟนๆ ชาวอิตาเลียนคาดหวังกับทีมไว้ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการกลับมาผงาดในยุโรปอีกครั้ง หลังจากห่างหายแชมป์ไปนาน 40 ปีเต็ม (ครั้งแรกและครั้งเดียวที่ อิตาลี คว้าแชมป์ยูโรเกิดขึ้นที่บ้านของตัวเองด้วยชัยชนะเหนือ ยูโกสลาเวีย ในนัดแข่งใหม่เมื่อปี 1968)
อย่างไรก็ตาม ฝันของ “อัซซูรี่” ไม่ง่ายเอาเสียเลย เมื่อถูกจับสลากให้มาอยู่กลุ่มสุดหิน โดยเกมแรก “บิ๊กดอน” เตรียมนำทีมลงฟาดฟันกับ “อัศวินสีส้ม” ซึ่งก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้น อิตาลี ต้องปรับกระบวนทัพในแนวรับเมื่อ ฟาบิโอ คันนาวาโร กองหลังกัปตันทีมบาดเจ็บหนักที่ข้อเท้าซ้ายจนต้องถอนตัวไป ดังนั้น คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟคงต้องปรับมาใช้ มาร์โก มาเตรัซซี ปักหลักร่วมกับ อันเดรีย บาร์ซาญี ทว่า “บิ๊กดอน” พอมีทางเลือกมากขึ้น เมื่อ คริสเตียน ปานุชชี แบ็กจอมเก๋าหายเจ็บเข่าสามารถหุบเข้าไปยืนเป็นปราการหลังตัวกลางได้ ขณะที่แนวรุก โดนาโดนี วางให้ ลูกา โทนี เป็นตัวเป้าได้รับการสนับสนุนเกมรุกจาก เมาโร คาโมนาเรซี และ อันโตนิโอ ดิ นาตาเล แถมยังมี อเลสซานโดร เดล ปิเอโร รวมถึง อันโตนิโอ คาสซาโน พร้อมลงมาพลิกเกมได้ทุกเมื่อ
ด้านของ เนเธอร์แลนด์ ดูเหมือน มาร์โก แวน บาสเทน มีเรื่องให้คิดหนักเป็นลำดับ เนื่องจากผู้เล่นหลายคนบาดเจ็บไม่ฟิตลงสนามในนัดประเดิม ปัญหาใหญ่ในเกมนี้ของ “อัศวินสีส้ม” อยู่ที่เกมรุกทางด้านซ้ายของระบบ 4-2-3-1 โดยก่อนหน้านี้ ไรอัน บาเบล ตัวจี๊ดจ๊าดเจ็บจนต้องถอนตัวไป โรบิน ฟาน เพอร์ซี ยังไม่ฟิตเต็มร้อย ล่าสุด อาร์เยน ร็อบเบน ที่โดดเด่นในช่วงอุ่นเครื่องดันมาเจ็บที่โคนขาหนีบระหว่างฝึกซ้อมอีก ทำให้กุนซือ “พรายกระซิบ” อาจเติม เดิร์ค เคาท์ ลงไปทำเกมรุกร่วมกับ เวสลีย์ ชไนจ์เดอร์ และ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เพื่อทำทางไปให้ รุด ฟาน นิสเตลรอย สังหารประตู
ทว่าปัญหาที่แท้จริงของ เนเธอร์แลนด์ อยู่ที่เกมรับที่เห็นได้อย่างชัดเจนจากนัดกระชับมิตรเมื่อ จอห์นนี ไฮติงกา ตัวเล็กเกินไปสำหรับการยืนเป็นปราการหลังตัวกลาง ขณะที่ ยอริส มาไธจ์เซน ใหญ่ก็จริงแต่ค่อนข้างช้า ส่วนเกมรับด้านข้างจุดอ่อนอยู่ที่ อังเดร ออยเยอร์ ที่อายุมากแล้ว โจวานนี ฟาน บรองฮอร์สท์ ก็มักเติมเกมรุกจนปล่อยให้หลังบ้านรั่ว ถ้ามิดฟิลด์ตัวรับอย่าง เดมี เดอ ซูว์ และ ออร์แลนโด เอ็นเจลาร์ ไม่สามารถตัดเกมคู่แข่งได้ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ อาจต้องโชว์ซูเปอร์เซฟกันมากหน่อย
ผลการแข่งขันที่คาด : ทั้ง อิตาลี และ เนเธอร์แลนด์ มีเกมรุกที่คมพอๆ กัน แต่จุดพลิกเกมอาจตัดสินกันที่เกมรับซึ่ง “อัศวินสีส้ม” มีโอกาสพลาดมากกว่า ดังนั้น “อัซซูรี่” จึงน่าเบียดชนะไปอย่างสนุก 2-1
ฝรั่งเศส VS โรมาเนีย – ที่สนามแอร์นส์ท ฮัปเปิล ในเมืองเวียนนา
เรย์มงด์ โดเมอเน็ค ประกาศรายชื่อ 23 ขุนพล “ตราไก่” ขัดใจแฟนๆ ลูกหนังฝรั่งเศส เมื่อเมิน ฟิลิปป์ เม็กแซส, มาติเยอ ฟลามินี รวมถึง ฌิบริล ซิสเซ ที่ทำผลงานให้กับสโมสรอย่างต่อเนื่อง โดยกุนซือจอมอนุรักษนิยมยังชื่นชอบที่จะใช้บริการนักเตะพันธุ์เก๋าอย่าง ลิลิยอง ตูราม หรือ โคลด มาเกเลเล อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นประสบการณ์สูงเหล่านี้พาทีมเข้าไปชิงแชมป์โลกมาแล้วเมื่อสองปีก่อน
โดยการประเดิมสนามกับ โรมาเนีย เชื่อว่า โดเมอเน็ค คงให้ทีมเปิดเกมรุกเพื่อเก็บสามแต้มจากทีมที่ดีกรีอ่อนชั้นที่สุดในกลุ่ม ฟรองค์ ริเบรี ปีกเพลย์เมกเกอร์น่าจะฟิตกลับมาทันเช่นเดียวกับ เธียร์รี อองรี ที่เตรียมเป็นตัวทำทางให้ คาริม เบนเซมา หัวหอกความหวังลุ้นสกอร์ อย่างไรก็ตาม ในรายของ ปาทริค วิเอรา กองกลางกัปตันทีมแม้สลัดอาการเจ็บต้นขากลับมาซ้อมได้แล้วแต่ โดเมอเน็ค อาจไม่เสี่ยงใช้งาน เพราะยังมีเกมหนักกับ เนเธอร์แลนด์ และอิตาลี รออยู่ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของ เฌเรมี ตูลาล็อง ได้โชว์ฝีเท้า
ด้าน โรมาเนีย ภายใต้การนำของ วิคเตอร์ ปิตูกา พาทีมเข้ารอบสุดท้ายด้วยการคว้าแชมป์กลุ่ม เคยใช้เกมรับหยุดยั้งจน เนเธอร์แลนด์ เจาะประตูไม่เข้ามาแล้ว สำหรับเกมประเดิมสนาม “ผีดิบ” เพิ่งได้ข่าวดีเมื่อ โดริน กอยอัน หายเจ็บเอ็นร้อยหวายมีโอกาสลงผนึกกำลังในเกมรับกับ คริสเตียน คิวู ส่วนตัวเดินเกมในแดนกลางเป็นหน้าที่ของ นิโคเล ดิกา ซึ่งคอยสนับสนุนเกมรับให้ ซิเปรียน มาริกา กับ อาเดรียน มูตู กองหน้าความหวังสูงสุดของทีม อย่างไรก็ตาม มูตู อาจมีปัญหาเรื่องจิตใจอยู่บ้าง เพราะเพิ่งโดนสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) สั่งจ่ายเงิน 12 ล้านยูโร (ประมาณ 600 ล้านบาท) คืนให้ เชลซี ต้นสังกัดเก่าจากการใช้สารเสพติดประเภทโคเคนจนโดนแบนยาว
ผลการแข่งขันที่คาด : ฝรั่งเศสอาศัยการเดินเกมรุกจาก ฟรอง ริเบรี เป็นหลักซึ่งอาจโดนจับทางได้ง่าย เนื่องจาก โรมาเนีย คงทำการบ้านมาเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม นักเตะประสบการณ์สูงอย่าง วิลเลียม กัลลาส, มาเกเลเล รวมถึง อองรี จะใช้ประสบการณ์พาทีม “ตราไก่” เบียดชนะหวุดหวิด 1-0