ดีน วินดาสส์ หัวหอกรุ่นลายครามซัดประตูชัยช่วยให้ “เดอะ ไทเกอร์ส” ฮัลล์ ซิตี เฉือนชนะ “เดอะ โรบินส์” บริสตอล ซิตี 1-0 พร้อมคว้าตั๋วขึ้นไปลุยศึกพรีเมียร์ชิป อังกฤษ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
ศึกเพลย์ออฟ เดอะ แชมเปี้ยนชิป นัดชิงชนะเลิศ
บริสตอล ซิตี 0-1 ฮัลล์ ซิตี
ฟิล บราวน์ พาขุนพลนักเตะ ฮัลล์ ซิตี และบรรดากองเชียร์ “เดอะ ไทเกอร์ส” มาเหยียบสนามเวมบลีย์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา 104 ปี และก็หวังล้ม บริสตอล ซิตี ให้ได้เพื่อเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ในฤดูกาลหน้า โดยเกมนี้ทีมฝากความหวังไว้กับสองตัวเก๋าอย่าง นิค บาร์มบี และดีน วินดาสส์ ที่อายุรวมกันปาเข้าไป 73 ปี ในส่วนของ “เดอะ โรบินส์” กุนซือ แกรี จอห์สัน มีปัญหาในเกมรับเล็กน้อยเมื่อ เจมี แม็คคูม ตัวหลักเกิดป่วยทำให้ต้องส่ง เลียม ฟอนเทียน มาเล่นแทน แต่แดนหน้าก็ยังมี ลี ทรุนเดิล และเดเล อเดโบลา เป็นผู้ไล่ล่าสกอร์
เริ่มเกมการแข่งขัน บริสตอล ซิตี ที่ได้กำลังใจจากแฟนๆ กว่า 36,000 คนที่ยกพลมาถึงลอนดอนเป็นฝ่ายเดินเกมบุกใส่ก่อนและก็ได้ลุ้นตั้งแต่นาทีที่ 5 เดเล อเดโบลา หนีการประกบของ เวย์ บราวน์ เข้าไปทำสอบฝีมือของ โบอาซ มายฟิลล์ แต่นายทวารฮัลล์ยังไม่พลาด จากนั้น “เดอะ ไทเกอร์ส” เริ่มที่จะตั้งลำได้เดินเกมบุกกดดันคืนไปบ้าง นาทีที่ 23 ซามูเอล ริกเกตต์ส เติมเกมรุกขึ้นมาเปิดให้ ริชาร์ด การ์เซีย โหม่งข้ามคานออกไป เกมกลับมาสูสีกันอีกครั้งแต่จังหวะสวนกลับส่ง ฮัลล์ ขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 38 เมื่อ เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ กองหน้าที่ไปยืมมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่ายให้ ดีน วินดาสส์ กองหน้าวัย 39 ปีกระทุ้งบอลผ่านมือ อาเดรียโน บาสโซ เข้าไปอย่างสุดสวยช่วยให้ทีมได้เปรียบเมื่อจบ 45 นาทีแรก
ลงมาลุยต่อในครึ่งหลัง “เดอะ โรบินส์” ไม่พูดพร่ำทำเพลงลงมาเดินเกมเต็มสูบ เดวิด โนเบิล ลองยิงไกลบอลไปโดนแขน ไบรอัน ฮิวจ์ส ในเขตโทษเล่นเอาแฟนๆ เฮจะเอาจุดโทษแต่ อลัน ไวลีย์ ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวให้ฟรีคิกแก่ บริสตอล ซิตี บริเวณเส้นโทษเท่านั้น จากนั้นนาทีที่ 56 ไมเคิล แม็คอินโด ได้ลองซัดฟรีคิกให้ทีมบ้างแต่ก็ยังไม่เป็นผล ผ่านหนึ่งชั่วโมงเกมยังไม่ดีขึ้น แกรี จอห์นสัน แก้เกมด้วยการส่ง อีวาน สปรูล ลงมาทำเกมทางกราบแทน โนเบิล นาทีที่ 73 บริสตอล ซิตี เกือบได้ประตูตีเสมอเมื่อ ลี ทรุนเดิล ได้ซัดในกรอบโทษแต่ มายฮิลล์ ยังเซฟไว้ได้อีก
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย จอห์นสัน ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายปล่อย ดาร์เรน บายฟิลด์ ลงมาเติมเกมรุกเต็มตัวและก็ถอดเอา นิค คาร์ล ในแผงมิดฟิลด์ออกมา และทรุนเดิล ก็มีโอกาสอีกครั้งคราวนี้หลุดไปดวลระยะ 8 หลากับ มายฮิลล์ แต่ก็ยังซัดบอลข้ามคานออกไป ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ บริสตอล ซิตี โหมครั้งสุดท้ายแต่ลูกโหม่งของ อเดโบลา ก็ยังโดน มายฮิลล์ ปัดพ้นคานไปอีก ครบ 90 นาที ฮัลล์ ซิตี ยันเอาไว้ได้รักษาสกอร์เบียดชนะไป 1-0 พร้อมกับได้สิทธิเลื่อนชั้นตาม เวสต์บรอมวิช อัลเบียน และสโตค ซิตี ไปเล่นในลีกสูงสุดของประเทศต่อไปในฤดูกาล 2008/09
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
บริสตอล ซิตี : อาเดรียโน บาสโซ , แบร็ดลีย์ ออร์ , หลุยส์ แครีย์ , เลียม ฟอนเทียน , เจมี แม็คอัลลิสเตอร์ , เดวิด โนเบิล , นิค คาร์ล , มาร์วิน เอลเลียตต์ , ไมเคิล แม็คอินโด , เดเล อเดโบลา , ลี ทรุนเดิล
ฮัลล์ ซิตี : โบอาซ มายฮิลล์ , ซามูเอล ริกเกตต์ส , ไมเคิล เทอร์เนอร์ , เวย์น บราวน์ , แอนดี ดอว์สัน , ริชาร์ด การ์เซีย , ไบรอัน ฮิวจ์ส , เอียน แอชบี , นิค บาร์มบี , ดีน วินดาสส์ , เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์
ศึกเพลย์ออฟ เดอะ แชมเปี้ยนชิป นัดชิงชนะเลิศ
บริสตอล ซิตี 0-1 ฮัลล์ ซิตี
ฟิล บราวน์ พาขุนพลนักเตะ ฮัลล์ ซิตี และบรรดากองเชียร์ “เดอะ ไทเกอร์ส” มาเหยียบสนามเวมบลีย์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา 104 ปี และก็หวังล้ม บริสตอล ซิตี ให้ได้เพื่อเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ในฤดูกาลหน้า โดยเกมนี้ทีมฝากความหวังไว้กับสองตัวเก๋าอย่าง นิค บาร์มบี และดีน วินดาสส์ ที่อายุรวมกันปาเข้าไป 73 ปี ในส่วนของ “เดอะ โรบินส์” กุนซือ แกรี จอห์สัน มีปัญหาในเกมรับเล็กน้อยเมื่อ เจมี แม็คคูม ตัวหลักเกิดป่วยทำให้ต้องส่ง เลียม ฟอนเทียน มาเล่นแทน แต่แดนหน้าก็ยังมี ลี ทรุนเดิล และเดเล อเดโบลา เป็นผู้ไล่ล่าสกอร์
เริ่มเกมการแข่งขัน บริสตอล ซิตี ที่ได้กำลังใจจากแฟนๆ กว่า 36,000 คนที่ยกพลมาถึงลอนดอนเป็นฝ่ายเดินเกมบุกใส่ก่อนและก็ได้ลุ้นตั้งแต่นาทีที่ 5 เดเล อเดโบลา หนีการประกบของ เวย์ บราวน์ เข้าไปทำสอบฝีมือของ โบอาซ มายฟิลล์ แต่นายทวารฮัลล์ยังไม่พลาด จากนั้น “เดอะ ไทเกอร์ส” เริ่มที่จะตั้งลำได้เดินเกมบุกกดดันคืนไปบ้าง นาทีที่ 23 ซามูเอล ริกเกตต์ส เติมเกมรุกขึ้นมาเปิดให้ ริชาร์ด การ์เซีย โหม่งข้ามคานออกไป เกมกลับมาสูสีกันอีกครั้งแต่จังหวะสวนกลับส่ง ฮัลล์ ขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 38 เมื่อ เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ กองหน้าที่ไปยืมมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่ายให้ ดีน วินดาสส์ กองหน้าวัย 39 ปีกระทุ้งบอลผ่านมือ อาเดรียโน บาสโซ เข้าไปอย่างสุดสวยช่วยให้ทีมได้เปรียบเมื่อจบ 45 นาทีแรก
ลงมาลุยต่อในครึ่งหลัง “เดอะ โรบินส์” ไม่พูดพร่ำทำเพลงลงมาเดินเกมเต็มสูบ เดวิด โนเบิล ลองยิงไกลบอลไปโดนแขน ไบรอัน ฮิวจ์ส ในเขตโทษเล่นเอาแฟนๆ เฮจะเอาจุดโทษแต่ อลัน ไวลีย์ ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวให้ฟรีคิกแก่ บริสตอล ซิตี บริเวณเส้นโทษเท่านั้น จากนั้นนาทีที่ 56 ไมเคิล แม็คอินโด ได้ลองซัดฟรีคิกให้ทีมบ้างแต่ก็ยังไม่เป็นผล ผ่านหนึ่งชั่วโมงเกมยังไม่ดีขึ้น แกรี จอห์นสัน แก้เกมด้วยการส่ง อีวาน สปรูล ลงมาทำเกมทางกราบแทน โนเบิล นาทีที่ 73 บริสตอล ซิตี เกือบได้ประตูตีเสมอเมื่อ ลี ทรุนเดิล ได้ซัดในกรอบโทษแต่ มายฮิลล์ ยังเซฟไว้ได้อีก
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย จอห์นสัน ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายปล่อย ดาร์เรน บายฟิลด์ ลงมาเติมเกมรุกเต็มตัวและก็ถอดเอา นิค คาร์ล ในแผงมิดฟิลด์ออกมา และทรุนเดิล ก็มีโอกาสอีกครั้งคราวนี้หลุดไปดวลระยะ 8 หลากับ มายฮิลล์ แต่ก็ยังซัดบอลข้ามคานออกไป ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ บริสตอล ซิตี โหมครั้งสุดท้ายแต่ลูกโหม่งของ อเดโบลา ก็ยังโดน มายฮิลล์ ปัดพ้นคานไปอีก ครบ 90 นาที ฮัลล์ ซิตี ยันเอาไว้ได้รักษาสกอร์เบียดชนะไป 1-0 พร้อมกับได้สิทธิเลื่อนชั้นตาม เวสต์บรอมวิช อัลเบียน และสโตค ซิตี ไปเล่นในลีกสูงสุดของประเทศต่อไปในฤดูกาล 2008/09
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
บริสตอล ซิตี : อาเดรียโน บาสโซ , แบร็ดลีย์ ออร์ , หลุยส์ แครีย์ , เลียม ฟอนเทียน , เจมี แม็คอัลลิสเตอร์ , เดวิด โนเบิล , นิค คาร์ล , มาร์วิน เอลเลียตต์ , ไมเคิล แม็คอินโด , เดเล อเดโบลา , ลี ทรุนเดิล
ฮัลล์ ซิตี : โบอาซ มายฮิลล์ , ซามูเอล ริกเกตต์ส , ไมเคิล เทอร์เนอร์ , เวย์น บราวน์ , แอนดี ดอว์สัน , ริชาร์ด การ์เซีย , ไบรอัน ฮิวจ์ส , เอียน แอชบี , นิค บาร์มบี , ดีน วินดาสส์ , เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์