xs
xsm
sm
md
lg

‘ไกเซอร์ฟร้านซ์’ อิจฉาพรีเมียร์ ลีก / จำลอง ฝั่งชลจิตร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ "หัวใจในกีฬา" โดย จำลอง ฝั่งชลจิตร

ฟร้านซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ ประธานสโมสรบาเยิร์น มิวนิค ผู้ยิ่งใหญ่ในโลกฟุตบอลตัวจริง ทนอยู่ไม่ไหวอีกต่อไป หลังเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศเลกแรกลิเวอร์พูลเสมอเชลซี 1-1 และบาร์เซโลน่าเสมอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-0

‘ไกเซอร์ฟร้านซ์’ ชี้ว่าขณะนี้เชลซีกับแมนฯ ยูฯ กุมความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง เพราะเลกต่อไปเชลซีกับแมนฯ ยูฯ จะเป็นเจ้าบ้าน ผู้ยิ่งใหญ่ทำให้เราตระหนักว่าเกมในบ้านมีความสำคัญเพียงไร ขณะเดียวกันเขายังแสดงความคิดเห็นว่าหากทีมจากเข้าชิงกันเอง สำหรับเขานับเป็นฝันร้ายที่สุด พูดกันตรง ๆ ก็คือ เขาไม่ปรารถนาจะได้เห็สโมสรอังกฤษชิงชนะเลิศกันเอง

ถ้อยคำของตำนานลูกหนังโลก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแมนฯ ยู เพราะถ้าแมนฯ ยู เข้าชิงนั่นคือฝันร้ายของเขา พูดอย่างนี้ขาใหญ่ของบุนเดสลิกา,ลา ลีกา,ลีก เอิง และกัลโช่ ฯ น่าจะสนองรับ อยู่ลึก ๆ ปัญหาก็คือ มิเชล พลาตินี่ ประธานฯ ยูฟ่า มีท่าที่เช่นไรต่อคำพูดของผู้ยิ่งใหญ่ มันอาจมีผลต่อกรรมการผู้ตัดสินกับหรือไลน์แมนข้างสนามก็ได้

ผมเขียนต้นฉบับคืนวันศุกร์ จึงยังไม่ได้ยินฝ่าย ‘ปิศาจแดง’ ตอบโต้ฟรานซ์ที่ เปิดปากป่วนช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ใครสักคนอาจสวนกลับไปว่า ท่านประธานยังรู้สึกฝังใจกับนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 1999 ที่แมนฯ ยู ใช้เวลาสามนาทีสุดท้ายเฉือดชนะบาเยิร์นฯ แย่งถ้วยไปจากมืออย่างสุดแสนเจ็บปวอดอยู่หรือเปล่า

ใครอีกคนเตือนสติต่อไปว่า มันผิดหรือ.. เชลซี,ลิเวอร์พูล,แมนฯ ยู ต่างต่อสู้อย่างเหน็ดเหนื่อยกว่าเอาชนะคู่แข่งมาถึงรอบนี้ และทุกอย่างล้วนชอบธรรม สมมติว่าทีมจากบุนเดสลิกาเข้าชิงกันเอง ฟร้านซ์คงไม่รู้สึกเป็นฝันร้าย ทว่าเขาจะโอ้อวดว่านี่คือพัฒนาการของบุนเดสลิกา

ด้วยความเคารพต่อตำนานลูกหนังผู้ยิ่งใหญ่ ผมรู้สึกว่างานนี้หัวใจของฟร้านซ์ไม่ใสพอ ในฐานะประธานสโมสรฟุตบอลที่มีบทบาทในเยอรมัน เขาอิจฉาความสำเร็จของพรีเมียร์ลีก ภายหลังแมตช์ชิงชนะเลิศที่ลุซนิกี้ สเตเดี้ยม ที่กรุงมอสโกปลายเดือนพฤษภาคม ส่วนแบ่งรายได้จากเจ้าภาพยูฟ่า จะหลังไหลเป็นสายธารไปสู่พรีเมียร์ ลีก ไปสู่กองคลังของแมนฯ ยู,เชลซี,ลิเวอร์พูล และอาร์เซนอล ส่วนแบ่งที่ชาลเก้ 04 ตัวแทนของบุนเดสลิกาที่มาไกลที่สุดก็อาจไม่เท่าอาร์เซนอลด้วยซ้ำไป

ฟร้านซ์บอกว่าเชลซีกับแมนฯ ยู มีโอกาสเหนือคู่แข่ง แต่แฟนลิเวอร์พูลกับบาร์เซโลน่าไม่คิดเช่นนั้นแน่นอน ยังมีเวลาอีก 90 นาที อะไรก็เกิดขึ้นได้ แมนฯ ยู บุกเสมอ ทั้งๆ ที่มีโอกาสได้ประตูทีมเยือนจากจุดโทษ ถ้าแมนฯ ยู ยังเล่นเหมือนเกมแรก อย่าหวังว่าจะได้ชัยชนะ โจน ลาปอร์ต้า ประธานบาร์ซ่า กับซามูแอล เอโต้ พร้อมใจกันขู่ว่าพวกเขาจะบุกมายิงประตูแมนฯ ยู ถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด และถ้าได้สักประตู แมนฯ ยูต้องไล่ยิงถึง 2 ถึงจะเข้ารอบ ดูเหมือนผู้จัดการทีมและนักเตะแมนฯ ยู ช่างมั่นใจเหลือเกินว่าสถิติเล่นในบ้านยอดเยี่ยม ซึ่งปีนี้ยังไม่เคยแพ้ใคร ผมละหวั่นใจแทนจริง ๆ

เชลซีมีโชคที่ยอห์น อาเน่ ริเซ่ กองหลังลิเวอร์พูลโหม่งบอลประตูตัวเองช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ได้ผลเสมอ 1-1 กลับบ้าน คืนวันพุธแค่เปิดบ้านยันเสมอ 0-0 ก็ผ่านไปชิงชนะเลิศ เชลซีไม่เคยแพ้ในบ้านมากว่า 80 เกม ไม่แพ้ในทุกรายการ นับเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมเอามาก ๆ ลิเวอร์พูลต้องการทำลายสถิติอันแข็งแกร่งของเชลซี ถึงจะไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ผลเสมอ 1-1 ก็สวยงาม หลังจากนั้นจะเป็นช่วงต่อเวลา หากทำอะไรกันไม่ได้ก็ยิงจุดโทษ ซึ่งผมไม่เชื่อ

เกมนี้ เชลซีมี แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่เพิ่งเสียมารดาไปใหม่ ๆ ลงสนามหรือไม่ ถ้าไม่มีเกมรุกอาจจะอ่อนไป ถึงลงสนามได้ แต่สภาพจิตใจเต็มร้อยหรือไม่ นี่คือปัญหาของเชลซี ส่วนลิเวอร์พูลนักเตะสมบูรณ์ครบและพร้อมสำหรับเกมนี้อย่างมาก ผลออกได้ทั้งสองหน้า

กลางดึกคืนวันอังคารเราจะทราบพร้อม ๆ กันว่า ฟร้านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ จะตกอยู่ในฝันร้ายหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น