คาร์ลอส เตเบซ กองหน้าเลือดฟ้าขาวทำประตูสำคัญให้กับทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนหมดเวลา 2 นาทีช่วยให้ทีมไล่ตามตีเสมอ “กุหลาบไฟ” แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 1-1 เก็บ 1 คะแนนอันล้ำค่าได้สำเร็จ ทำให้ตอนนี้ช่องว่างระหว่าง “ผีแดง” กับ “สิงห์บูลส์” เชลซี ห่างออกเป็น 3 คะแนนแล้ว ก่อนที่ทั้งสองทีมจะพบกันในสุดสัปดาห์หน้า
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ประจำวันเสาร์ที่ 19 เมษายน
แบล็คเบิร์น 1- 1 แมนฯ ยูไนเต็ด
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่สุดท้ายประจำคืนวันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2551 "กุหลาบไฟ"แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เปิดสนามอีวูด ปาร์ค รับการมาเยือนของทีม"ปิศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูง โดย มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือแบล็กเบิร์น ไม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บหรือติดโทษแบนของลูกทีม วางให้ โรเก ซานตาครูซ ยืนเป็นกองหน้าคู่กับ เจสัน โรเบิร์ต ส่วน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ “ปีศาจแดง” หมดสิทธิ์ใช้งาน เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารมือ 1 ต้องส่ง โทมัส คุซแชค ลงมาเฝ้าเสาแทน แต่ได้ เนมันยา วิดิช ปราการหลังตัวเก่งหายเจ็บกลับมาลงสนามอีกครั้ง ส่วนตำแหน่งอื่นๆไม่มีปัญหา โดยใช้ 3 ประสานในเกมรุกคือ คริสเตียโน โรนัลโด, เวย์น รูนีย์ และคาร์ลอส เตเบซ
เริ่มเกมมาแค่ 5 นาที กองเชียร์ “กุหลาบไฟ” ก็เกือบได้เฮ เมื่อ พอล สโคลส์ เคลียร์บอลหน้าประตูไม่ขาด บอลกระดอนหลุดไปถึง เจสัน โรเบิร์ต หลุดเข้าไปในเขตโทษปะทะกับ โทมัส คุซแชค แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้เป็นลูกจุดโทษ และจากจังหวะนั้น “ปีศาจแดง” ก็ทำเกมรุกโต้กลับมา ก่อนที่ คริสเตียโน โรนัลโด จะได้ซัดไกลจากนอกกรอบเขตโทษ บอลแฉลบกองหลังแบล๊คเบิร์นไปเข้าซองของ แบร็ด ฟรีเดล
นาทีที่ 10 แมนฯ ยูไนเต็ดได้โอกาสลุ้นประตูอีกครั้ง เมื่อ ไมเคิล คาร์ริค วางบอลยาวให้กับ เวย์น รูนี่ย์ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวกระชากหลุดไปสุดเส้นหลังก่อนตบเข้ากลางมาให้กับ คาร์ลอส เตเบซ เข้าชาร์จหน้าประตูแต่โดนบอลไม่เต็ม คริสโตเฟอร์ แซมบ้า มาช่วยสกัดเอาไว้ได้
แต่แล้วในอีก 10 นาทีให้หลัง กองเชียร์เจ้าถิ่นก็ได้เฮจริงๆเสียที จากจังหวะทุ่มไกลของ มอร์เท่น กัมส์ท พีเดอร์เซ่น บอลหลุดมาถึงหน้าประตู ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมันยา วิดิช สกัดกันไม่โดนบอล สุดท้ายบอลหลุดมาถึง โรเก้ ซานตา ครูซ ยิงเต็มๆ ด้วยขวาในกรอบเขตโทษบอลพุ่งผ่านมือ คุซแชค เสียบมุมเข้าไป “กุหลาบไฟ” ขึ้นนำ 1-0
เมื่อ “ปีศาจแดง” โดนทำประตูขึ้นนำไปก่อนก็พยายามจะตั้งเกมรุกเพื่อที่จะทำประตูคืน แต่ก็เกือบมาโดนประตูที่ 2 อีกด้วย จากจังหวะยิงไกลระยะ 25 หลาของ เดวิด เบนท์ลีย์ บอลพุ่งไซด์ก้อยแรงจน คุซแชค จนต้องปัดออกหลังไป
ก่อนหมดเวลา 3 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบที่จะได้ประตูตีเสมอ จากลูกเตะมุม ไรอัน กิกส์ เปิดเข้ามาให้กับ โรนัลโด ได้โขกเต็มๆ ตรงเส้นหกหลา แต่บอลไปตรงตัว ฟรีเดล ที่เซฟเอาไว้ได้ จบ 45 นาทีแรก แบล็กเบิร์น ยังนำอยู่ 1-0
เริ่มครึ่งหลังมา “ปีศาจแดง” พยายามทำเกมรุกเพื่อทวงประตูคืนแต่ยังไม่มีจังหวะเหน่งๆ จนถึงนาทีที่ 64 แมนฯยูไนเต็ด ก็น่าจะได้ตีเสมออย่างที่สุด เมื่อ สตีเวน รีด โหม่งสะกัดบอลไม่ขาดลูกมาเข้าทาง โรนัลโด จับบอลได้หน้ากรอบเขตโทษก่อนซัดด้วยซ้ายเต็มแรง บอลพุ่งผ่านมือ ฟรีเดล ไปแล้วแต่ไปชนเสากระดอนออกไปอย่างน่าเสียดาย
เกมหลังจากนั้นแมนฯยูไนเต็ดพยายามเปิดเกมรุกแหลก แต่ยังไม่สามารถทำประตูตีเสมอได้ และเกือบจะโดนประตูที่สองด้วย เมื่อ นานี่ ตัวสำรองจ่ายบอลไม่ดีโดน มอร์เท่น กัมส์ท พีเดอร์เซ่น ตัดไป ก่อนที่ดาวเตะนอร์เวย์จะลากเข้าไปในกรอบเขตโทษทางด้านซ้ายกึ่งยิงกึ่งผ่านแรงมาหน้าประตูแต่ไม่มีผู้เล่นของแบล็กเบิร์นเข้าชาร์จทัน
ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม “ปีศาจแดง” เกือบที่จะได้ประตูตีเสมออีกหลายครั้งติดต่อกัน ในจังหวะแรก เป็นลูกชุลมุนหน้าประตู โรนัลโด โดนเกี่ยวล้มลงในเขตโทษ บอลหลุดมาถึง คาร์ลอส เตเบซ ได้กลับตัวยิงเต็มๆ บอลแรงหลุดมือ ฟรีเดล จังหวะแรก แต่นายด่านกุหลาบยังตามมาตะครุบได้ก่อนที่บอลจะเลยเส้นประตูไป
จังหวะต่อมา คาร์ริค ได้โขกบอลเต็มๆ ในกรอบเขตโทษ ลูกทำท่าจะพุ่งเข้าประตูอยู่แล้ว แต่บอลไปติดแขน ไรอัน เนลเซน กระดอนออกไป อีกครั้ง นานี่ ไหลทะลุให้กับ รูนีย์ ได้หลุดเข้าไปซัดเต็มๆ แต่บอลยังไม่ผ่านมือ ฟรีเดล ที่ปัดป้องเอาไว้ได้ และอีกจังหวะ จอห์น โอเชีย ตัวสำรองได้ยิงจ่อๆหน้าประตูแต่บอลยังไม่ผ่านมือ ฟรีเดล ที่วันนี้เซฟลูกอันตรายไว้ได้หมด
แต่แล้วก่อนที่จะหมดเวลา 2 นาที แมนฯ ยูไนเต็ดที่เกือบจะได้ประตูตีเสมอหลายครั้งหลายหนก็มาทำประตูตีเสมอได้สำเร็จเสียที จากลูกเตะมุม นานี่ เปิดเข้ามาให้ สโคลส์ โหม่งเช็ดมาให้กับ เตเบซ โขกเต็มๆเข้าไป แมนฯยูไนเต็ดตามตีเสมอเป็น 1-1 หลังจากนั้นทีมเยือนพยายามที่จะควานหาประตูชัยให้ได้แต่ทำไม่สำเร็จจบ 90 นาที “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด เสมอกับ “กุหลาบไฟ” แบล็กเบิร์น ไป 1-1 เก็บ 1 คะแนนอันล้ำค่าได้สำเร็จ ทำให้ตอนนี้ช่องว่างระหว่าง “ผีแดง” กับ “สิงห์บูลส์” เชลซี ห่างออกเป็น 3 คะแนนแล้ว ก่อนที่ทั้งสองทีมจะพบกันในสุดสัปดาห์หน้า
รายชื่อ 11 คนแรกของทั้งสองทีม
แบล็คเบิร์น : แบรด ฟรีเดล, เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, คริสโตเฟอร์ แซมบา, ไรอัน เนลเซน, สตีเฟน วอร์น็อก, เดวิด เบนท์ลีย์, โยฮัน โฟเกิล, สตีเวน รีด, มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซน, โรเก ซานตาครูซ, เจสัน โรเบิร์ตส์
แมนฯ ยูไนเต็ด : โทมัส คุซแชค, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมันย่า วิดิช, ปาทริซ เอวรา, คริสเตียโน โรนัลโด, พอล สโคลส์, ไมเคิล คาร์ริค, ไรอัน กิ๊กส์, คาร์ลอส เตเวซ, เวย์น รูนีย์
สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 19 เมษายน
อาร์เซนอล ชนะ เรดดิ้ง 2-0 (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 1-0 นาที 30, จิลแบร์โต ซิลวา 2-0 นาที 38)
ฟูแลม แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 (เจอร์แมน แพนเนนท์ 0-1 นาที 17, ปีเตอร์ เคราช์ 0-2 นาที 70)
เวสต์แฮม ชนะ ดาร์บี้ 2-1 (บ็อบบี้ ซาโมร่า 1-0 นาที 20, ไทรอน เมียร์ส 1-1 นาที 65, คาร์ลตัน โคล 2-1 นาที 77)
วีแกน เสมอ สเปอร์ส 1-1 (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 0-1 นาที 6, เอมิล เฮสกี 1-1 นาที 12)
มิดเดิลสโบรช์ แพ้ โบลตัน 0-1 (กาวิน แม็คแคน 0-1 นาที 61)
แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส เสมอ แมนฯยูไนเต็ด 1-1 (โรเก ซานตาครูซ 1-0 นาที 20, คาร์ลอส เตเบซ 1-1 นาที 88)
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ประจำวันเสาร์ที่ 19 เมษายน
แบล็คเบิร์น 1- 1 แมนฯ ยูไนเต็ด
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่สุดท้ายประจำคืนวันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2551 "กุหลาบไฟ"แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เปิดสนามอีวูด ปาร์ค รับการมาเยือนของทีม"ปิศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูง โดย มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือแบล็กเบิร์น ไม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บหรือติดโทษแบนของลูกทีม วางให้ โรเก ซานตาครูซ ยืนเป็นกองหน้าคู่กับ เจสัน โรเบิร์ต ส่วน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ “ปีศาจแดง” หมดสิทธิ์ใช้งาน เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารมือ 1 ต้องส่ง โทมัส คุซแชค ลงมาเฝ้าเสาแทน แต่ได้ เนมันยา วิดิช ปราการหลังตัวเก่งหายเจ็บกลับมาลงสนามอีกครั้ง ส่วนตำแหน่งอื่นๆไม่มีปัญหา โดยใช้ 3 ประสานในเกมรุกคือ คริสเตียโน โรนัลโด, เวย์น รูนีย์ และคาร์ลอส เตเบซ
เริ่มเกมมาแค่ 5 นาที กองเชียร์ “กุหลาบไฟ” ก็เกือบได้เฮ เมื่อ พอล สโคลส์ เคลียร์บอลหน้าประตูไม่ขาด บอลกระดอนหลุดไปถึง เจสัน โรเบิร์ต หลุดเข้าไปในเขตโทษปะทะกับ โทมัส คุซแชค แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้เป็นลูกจุดโทษ และจากจังหวะนั้น “ปีศาจแดง” ก็ทำเกมรุกโต้กลับมา ก่อนที่ คริสเตียโน โรนัลโด จะได้ซัดไกลจากนอกกรอบเขตโทษ บอลแฉลบกองหลังแบล๊คเบิร์นไปเข้าซองของ แบร็ด ฟรีเดล
นาทีที่ 10 แมนฯ ยูไนเต็ดได้โอกาสลุ้นประตูอีกครั้ง เมื่อ ไมเคิล คาร์ริค วางบอลยาวให้กับ เวย์น รูนี่ย์ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวกระชากหลุดไปสุดเส้นหลังก่อนตบเข้ากลางมาให้กับ คาร์ลอส เตเบซ เข้าชาร์จหน้าประตูแต่โดนบอลไม่เต็ม คริสโตเฟอร์ แซมบ้า มาช่วยสกัดเอาไว้ได้
แต่แล้วในอีก 10 นาทีให้หลัง กองเชียร์เจ้าถิ่นก็ได้เฮจริงๆเสียที จากจังหวะทุ่มไกลของ มอร์เท่น กัมส์ท พีเดอร์เซ่น บอลหลุดมาถึงหน้าประตู ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมันยา วิดิช สกัดกันไม่โดนบอล สุดท้ายบอลหลุดมาถึง โรเก้ ซานตา ครูซ ยิงเต็มๆ ด้วยขวาในกรอบเขตโทษบอลพุ่งผ่านมือ คุซแชค เสียบมุมเข้าไป “กุหลาบไฟ” ขึ้นนำ 1-0
เมื่อ “ปีศาจแดง” โดนทำประตูขึ้นนำไปก่อนก็พยายามจะตั้งเกมรุกเพื่อที่จะทำประตูคืน แต่ก็เกือบมาโดนประตูที่ 2 อีกด้วย จากจังหวะยิงไกลระยะ 25 หลาของ เดวิด เบนท์ลีย์ บอลพุ่งไซด์ก้อยแรงจน คุซแชค จนต้องปัดออกหลังไป
ก่อนหมดเวลา 3 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบที่จะได้ประตูตีเสมอ จากลูกเตะมุม ไรอัน กิกส์ เปิดเข้ามาให้กับ โรนัลโด ได้โขกเต็มๆ ตรงเส้นหกหลา แต่บอลไปตรงตัว ฟรีเดล ที่เซฟเอาไว้ได้ จบ 45 นาทีแรก แบล็กเบิร์น ยังนำอยู่ 1-0
เริ่มครึ่งหลังมา “ปีศาจแดง” พยายามทำเกมรุกเพื่อทวงประตูคืนแต่ยังไม่มีจังหวะเหน่งๆ จนถึงนาทีที่ 64 แมนฯยูไนเต็ด ก็น่าจะได้ตีเสมออย่างที่สุด เมื่อ สตีเวน รีด โหม่งสะกัดบอลไม่ขาดลูกมาเข้าทาง โรนัลโด จับบอลได้หน้ากรอบเขตโทษก่อนซัดด้วยซ้ายเต็มแรง บอลพุ่งผ่านมือ ฟรีเดล ไปแล้วแต่ไปชนเสากระดอนออกไปอย่างน่าเสียดาย
เกมหลังจากนั้นแมนฯยูไนเต็ดพยายามเปิดเกมรุกแหลก แต่ยังไม่สามารถทำประตูตีเสมอได้ และเกือบจะโดนประตูที่สองด้วย เมื่อ นานี่ ตัวสำรองจ่ายบอลไม่ดีโดน มอร์เท่น กัมส์ท พีเดอร์เซ่น ตัดไป ก่อนที่ดาวเตะนอร์เวย์จะลากเข้าไปในกรอบเขตโทษทางด้านซ้ายกึ่งยิงกึ่งผ่านแรงมาหน้าประตูแต่ไม่มีผู้เล่นของแบล็กเบิร์นเข้าชาร์จทัน
ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม “ปีศาจแดง” เกือบที่จะได้ประตูตีเสมออีกหลายครั้งติดต่อกัน ในจังหวะแรก เป็นลูกชุลมุนหน้าประตู โรนัลโด โดนเกี่ยวล้มลงในเขตโทษ บอลหลุดมาถึง คาร์ลอส เตเบซ ได้กลับตัวยิงเต็มๆ บอลแรงหลุดมือ ฟรีเดล จังหวะแรก แต่นายด่านกุหลาบยังตามมาตะครุบได้ก่อนที่บอลจะเลยเส้นประตูไป
จังหวะต่อมา คาร์ริค ได้โขกบอลเต็มๆ ในกรอบเขตโทษ ลูกทำท่าจะพุ่งเข้าประตูอยู่แล้ว แต่บอลไปติดแขน ไรอัน เนลเซน กระดอนออกไป อีกครั้ง นานี่ ไหลทะลุให้กับ รูนีย์ ได้หลุดเข้าไปซัดเต็มๆ แต่บอลยังไม่ผ่านมือ ฟรีเดล ที่ปัดป้องเอาไว้ได้ และอีกจังหวะ จอห์น โอเชีย ตัวสำรองได้ยิงจ่อๆหน้าประตูแต่บอลยังไม่ผ่านมือ ฟรีเดล ที่วันนี้เซฟลูกอันตรายไว้ได้หมด
แต่แล้วก่อนที่จะหมดเวลา 2 นาที แมนฯ ยูไนเต็ดที่เกือบจะได้ประตูตีเสมอหลายครั้งหลายหนก็มาทำประตูตีเสมอได้สำเร็จเสียที จากลูกเตะมุม นานี่ เปิดเข้ามาให้ สโคลส์ โหม่งเช็ดมาให้กับ เตเบซ โขกเต็มๆเข้าไป แมนฯยูไนเต็ดตามตีเสมอเป็น 1-1 หลังจากนั้นทีมเยือนพยายามที่จะควานหาประตูชัยให้ได้แต่ทำไม่สำเร็จจบ 90 นาที “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด เสมอกับ “กุหลาบไฟ” แบล็กเบิร์น ไป 1-1 เก็บ 1 คะแนนอันล้ำค่าได้สำเร็จ ทำให้ตอนนี้ช่องว่างระหว่าง “ผีแดง” กับ “สิงห์บูลส์” เชลซี ห่างออกเป็น 3 คะแนนแล้ว ก่อนที่ทั้งสองทีมจะพบกันในสุดสัปดาห์หน้า
รายชื่อ 11 คนแรกของทั้งสองทีม
แบล็คเบิร์น : แบรด ฟรีเดล, เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, คริสโตเฟอร์ แซมบา, ไรอัน เนลเซน, สตีเฟน วอร์น็อก, เดวิด เบนท์ลีย์, โยฮัน โฟเกิล, สตีเวน รีด, มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซน, โรเก ซานตาครูซ, เจสัน โรเบิร์ตส์
แมนฯ ยูไนเต็ด : โทมัส คุซแชค, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมันย่า วิดิช, ปาทริซ เอวรา, คริสเตียโน โรนัลโด, พอล สโคลส์, ไมเคิล คาร์ริค, ไรอัน กิ๊กส์, คาร์ลอส เตเวซ, เวย์น รูนีย์
สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 19 เมษายน
อาร์เซนอล ชนะ เรดดิ้ง 2-0 (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 1-0 นาที 30, จิลแบร์โต ซิลวา 2-0 นาที 38)
ฟูแลม แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 (เจอร์แมน แพนเนนท์ 0-1 นาที 17, ปีเตอร์ เคราช์ 0-2 นาที 70)
เวสต์แฮม ชนะ ดาร์บี้ 2-1 (บ็อบบี้ ซาโมร่า 1-0 นาที 20, ไทรอน เมียร์ส 1-1 นาที 65, คาร์ลตัน โคล 2-1 นาที 77)
วีแกน เสมอ สเปอร์ส 1-1 (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 0-1 นาที 6, เอมิล เฮสกี 1-1 นาที 12)
มิดเดิลสโบรช์ แพ้ โบลตัน 0-1 (กาวิน แม็คแคน 0-1 นาที 61)
แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส เสมอ แมนฯยูไนเต็ด 1-1 (โรเก ซานตาครูซ 1-0 นาที 20, คาร์ลอส เตเบซ 1-1 นาที 88)
