“บิ๊กอ๊อด” พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ชี้แจงว่านักกีฬาไทยสมควรได้รับเงินอัดฉีด 10 ล้านบาทในกรณีที่สามารถคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ได้ ขณะเดียวกันก็ได้เสนอให้ พ..ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตผู้นำประเทศไทยให้ความช่วยเหลือในด้านการหาสถานที่ฝึกซ้อมให้กับสมาคมกีฬาต่างๆ
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการประชุมสมัชชาใหญ่สามัญ ประจำปี 2550 ครั้งที่ 1/2551 ที่โรงแรมเรดิสัน เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา โดย บิ๊กอ๊อด แจ้งว่า คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ยังเห็นสมควรให้นักกีฬาไทย ได้รับเงินรางวัลจากการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญละ 10 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอให้คณะกรรมการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติพิจารณาต่อไป เพราะมองว่าการได้เหรียญทองในปักกิ่งเกมส์ 2008 นั้นมีความยากลำบากมาก
ด้าน พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ เลขาธิการและรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “โอลิมปิกของประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือประเทศลาว ซึ่งเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ด้วยการมอบอุปกรณ์กีฬาให้ ซึ่งทางประเทศลาวได้ขอให้ไทยช่วยดูแลนักกีฬาที่จะมาเก็บตัวฝึกซ้อมในประเทศไทยร่วมกับนักกีฬาไทยเพิ่ม ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการโอลิมปิก, การกีฬาแห่งประเทศไทยและสมาคมกีฬาต่างๆ ต้องช่วยเหลือและร่วมมือกัน โดยเรื่องงบประมาณทางไทยก็ต้องออกค่าใช้จ่ายให้นักกีฬาลาว ในส่วนของค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าอาหาร”
ในส่วนของความคืบหน้าเรื่องการแข่งขันเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ 1 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย พล.ต.จารึก ชี้แจงว่า ให้สมาคมกีฬาต่างๆ เตรียมนักกีฬาให้พร้อม ทั้ง 17 ชนิดกีฬาที่จัดแข่งขัน ถ้ากีฬาชนิดใดไม่มีสมาคมกีฬาดูแล จะไปสำรวจดูตามสถานที่ต่างๆ เช่น พัทยา ว่า มีนักกีฬาเล่นหรือไม่ และถ้ามีนักกีฬาก็จะดูว่ามีความหวังในการลุ้นเหรียญแค่ไหน จากนั้นคณะกรรมการโอลิมปิกจะพิจารณาส่งรายชื่อนักกีฬาต่อไป
นอกจากนั้น พล.ต.จารึก ยังได้กล่าวถึงการตั้งสำนักงานประสานงานสหพันธ์ซีเกมส์ในประเทศไทยว่า นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศ อนุมัติงบประมาณจากกกท.ให้ 5 ล้านบาท โดยที่ตั้งสำนักงานใช้พื้นที่ของสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ ที่สนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นสำนักงานตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยเรียบร้อยแล้ว
หลังการประชุม พล.อ.ยุทธศักดิ์ เผยว่าได้ต่อสายพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทางโทรศัพท์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และได้เสนอถึงวิสัยทัศน์และแนวทางในการพัฒนาวงการกีฬาของไทย ซึ่งตนจะเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรและส่งให้พ.ต.ท.ทักษิณในเร็วๆ นี้
โดยเรื่องที่เร่งด่วนคือ ความต้องการของสมาคมกีฬาต่างๆ ที่หลายสมาคมไม่มีสถานที่ฝึกซ้อมเป็นของตัวเอง และจะเสนอให้พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งมูลนิธิพัฒนากีฬาในประเทศไทย และดำรงตำแหน่งประธาน ซึ่งแม้อดีตนายกรัฐมนตรีจะไม่มีเวลาอยู่ในเมืองไทยมากนัก แต่ก็มีคณะทำงานที่คอยดูแลแทน
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการประชุมสมัชชาใหญ่สามัญ ประจำปี 2550 ครั้งที่ 1/2551 ที่โรงแรมเรดิสัน เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา โดย บิ๊กอ๊อด แจ้งว่า คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ยังเห็นสมควรให้นักกีฬาไทย ได้รับเงินรางวัลจากการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญละ 10 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอให้คณะกรรมการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติพิจารณาต่อไป เพราะมองว่าการได้เหรียญทองในปักกิ่งเกมส์ 2008 นั้นมีความยากลำบากมาก
ด้าน พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ เลขาธิการและรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “โอลิมปิกของประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือประเทศลาว ซึ่งเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ด้วยการมอบอุปกรณ์กีฬาให้ ซึ่งทางประเทศลาวได้ขอให้ไทยช่วยดูแลนักกีฬาที่จะมาเก็บตัวฝึกซ้อมในประเทศไทยร่วมกับนักกีฬาไทยเพิ่ม ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการโอลิมปิก, การกีฬาแห่งประเทศไทยและสมาคมกีฬาต่างๆ ต้องช่วยเหลือและร่วมมือกัน โดยเรื่องงบประมาณทางไทยก็ต้องออกค่าใช้จ่ายให้นักกีฬาลาว ในส่วนของค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าอาหาร”
ในส่วนของความคืบหน้าเรื่องการแข่งขันเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ 1 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย พล.ต.จารึก ชี้แจงว่า ให้สมาคมกีฬาต่างๆ เตรียมนักกีฬาให้พร้อม ทั้ง 17 ชนิดกีฬาที่จัดแข่งขัน ถ้ากีฬาชนิดใดไม่มีสมาคมกีฬาดูแล จะไปสำรวจดูตามสถานที่ต่างๆ เช่น พัทยา ว่า มีนักกีฬาเล่นหรือไม่ และถ้ามีนักกีฬาก็จะดูว่ามีความหวังในการลุ้นเหรียญแค่ไหน จากนั้นคณะกรรมการโอลิมปิกจะพิจารณาส่งรายชื่อนักกีฬาต่อไป
นอกจากนั้น พล.ต.จารึก ยังได้กล่าวถึงการตั้งสำนักงานประสานงานสหพันธ์ซีเกมส์ในประเทศไทยว่า นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศ อนุมัติงบประมาณจากกกท.ให้ 5 ล้านบาท โดยที่ตั้งสำนักงานใช้พื้นที่ของสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ ที่สนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นสำนักงานตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยเรียบร้อยแล้ว
หลังการประชุม พล.อ.ยุทธศักดิ์ เผยว่าได้ต่อสายพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทางโทรศัพท์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และได้เสนอถึงวิสัยทัศน์และแนวทางในการพัฒนาวงการกีฬาของไทย ซึ่งตนจะเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรและส่งให้พ.ต.ท.ทักษิณในเร็วๆ นี้
โดยเรื่องที่เร่งด่วนคือ ความต้องการของสมาคมกีฬาต่างๆ ที่หลายสมาคมไม่มีสถานที่ฝึกซ้อมเป็นของตัวเอง และจะเสนอให้พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งมูลนิธิพัฒนากีฬาในประเทศไทย และดำรงตำแหน่งประธาน ซึ่งแม้อดีตนายกรัฐมนตรีจะไม่มีเวลาอยู่ในเมืองไทยมากนัก แต่ก็มีคณะทำงานที่คอยดูแลแทน