ถ้าจะกล่าวว่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษเป็นที่รวมดาวดังจากลีกลูกหนังทั่วยุโรปก็คงไม่ผิดจากความเป็นจริงสักเท่าใดนัก แต่ในสนามที่มียอดฝีมืออุดมสมบูรณ์เช่นนี้ย่อมหมายถึงการวัดกำลังฝีเท้าว่าใครจะได้ยืน 11 ตัวจริงของทีม และด้วยเหตุนี้ทำให้เหล่าสตาร์ดังบางรายที่เคยเป็นหัวหอกสำคัญในลีกอื่นของยุโรปต้องกลายเป็นเพียงดาวอังแสงเมื่อมาค้าแข้งอยู่บนเกาะอังกฤษ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็น อังเดร เชฟเชนโก ที่ตลอดระยะเวลา 2 ปีในสีเสื้อ เชลซี เขากลายเป็นเพียงดาวยิงธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น
ก่อนหน้านี้หัวหอกวีรบุรุษของประเทศ ยูเครน ประสบความสำเร็จล้นเหลือกับ เอซี มิลาน กวาดมาแล้วทุกแชมป์ไม่ว่าจะเป็น สคูเด็ตโต, ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก และ ซูเปอร์ คัพ ส่วนตัวก็การันตีด้วยรางวัล บัลลงดอร์ ในปี 2004 ในสีเสื้อ "รอสโซเนรี" เขาซัดใน กัลโช เซเรีย อา ไปทั้งสิ้น 127 ประตูจาก 208 นัด คว้าดาวซัลโวมาได้ถึง 2 ครั้งตลอด 7 ฤดูกาลในถิ่น ซาน ซิโร เรียกได้ว่าหากจะให้สาธยายสรรพคุณอีกคงต้องใช้พื้นที่อีกหลายหน้า
แต่การย้ายมาอยู่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,100 ล้านบาท) เมื่อปี 2006 ต้องถือเป็นย่างก้าวที่พลาดมหันต์ ซึ่งตัวเขาเองคงจดจำไปจนวันตาย เพราะบารมีและชื่อเสียงที่สั่งสมมาต้องมลายหายไปในลีกเมืองผู้ดี จากสถิติลงเล่น 41 นัดในลีกยิงได้แค่ 8 ประตูเท่านั้น
คงไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้นสำหรับ เชฟเชนโก เพราะองค์ประกอบที่จะสนับสนุนให้ประสบความสำเร็จมีครบถ้วน ทั้งการได้อยู่กับทีมใหญ่อย่าง เชลซี ที่มีตัวคอยป้อนบอลดีกรีทีมชาติทั้ง แฟรงค์ แลมพาร์ด, มิชาเอล บัลลัค และ โจ โคล ที่พอจะอ้างได้หน่อยเห็นจะเป็นอายุอานามที่ปาเข้าไป 29 ย่าง 30 ปีแล้ว
เชฟเชนโก ที่มีอาการบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2008 ลงเล่นเป็นตัวสำรองไปแค่นัดเดียว เตรียมกลับไปอยู่กับ มิลาน อีกครั้งในช่วงซัมเมอร์นี้ อัฟราม แกรนท์ กุนซือชาวอิสราเอล ก็ยอมรับว่าหอกวัย 31 กะรัตหมดสภาพดาวยิงระดับโลกแล้ว "นักเตะที่เคยเป็นดาวเด่นเมื่อวานนี้ พอถึงวันนี้ก็อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว อังเดร เคยเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บ เป็นอาการบาดเจ็บที่เลวร้ายมาก และก็ไม่ง่ายที่จะกลับมาเล่นให้ดีเหมือนเดิมได้"
ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ประธานสโมสร มิลาน ก็ออกมาขานรับทันที "เป็นความฝันของผมที่อยากให้ อังเดร มาแขวนสตั๊ดที่ มิลาน ผมรักเขาเหมือนลูกชาย ถ้าเขาต้องการจะกลับมาและไม่มีผลกระทบกับ อเล็กซานเดร ปาโต ที่ทำให้เรามีผู้เล่นนอกอียูครบโควตาแล้ว มิลาน ก็พร้อมจะอ้าแขนต้อนรับเขากลับมาด้วยความยินดี"
เชฟเชนโก ไม่ใช่ศูนย์หน้ารายแรกที่ล้มเหลวใน พรีเมียร์ชิป ก่อนหน้านี้ในทีม เชลซี ก็มี เฮอร์นัน เครสโป ดีกรีทีมชาติอาร์เจนติน่า ย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัว 16.8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,176 ล้านบาท) เมื่อปี 2003 ก่อนปล่อยให้ เอซี มิลาน และ อินเตอร์ มิลาน ยืมใช้งาน อีกรายก็คือ เฟอร์นานโด มอริเอนเตส สร้างชื่อกับ รีล มาดริด รวมถึงเคยพา โมนาโก คว้ารองแชมป์ยุโรปในปี 2004 โดยตัวเขาเองยิงไป 9 ประตูซิวรองเท้าทองคำ แต่ก็มาดับกับ ลิเวอร์พูล 41 นัดในลีกผู้ดียิงได้ 8 ประตู
ส่วนพวกที่ยิงกระจายหูดับตับไหม้ ก่อนย้ายมา อังกฤษ ด้วยค่าตัวแพงระยับ แต่ล้มเหลวก็มี ฌิบริล ซิสเซ หอกทีมชาติฝรั่งเศส ยิง 70 ประตูจาก 128 นัดให้ โอแซร์ ย้ายมา ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 14 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1 พันล้านบาท) ในปี 2004 แต่โชคร้ายขาหักสองข้างก่อนซบซานกลับไปตายรังเมืองน้ำหอม
นอกจากนี้ยังมี ดิเอโก ฟอร์ลัน ยิง 36 ประตูจาก 77 นัดให้ อินดิเพนเดนเต ย้ายมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2002 ค่าตัว 7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 490 ล้านบาท) ยิงได้แค่ 10 ลูกจาก 63 นัด แต่พอย้ายไป บียาร์ริล ก็เกิดใหม่อีกครั้งคว้ารางวัลรองเท้าทองคำยุโรป ที่เหลือก็มี เซอร์เก เรบรอฟ หอกทีมชาติยูเครน ไปดับกับ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ (ประมาณ 770 ล้านบาท) ในปี 2002 และ ยอน ดาห์ล โทมัสสัน ดีกรีทีมชาติเดนมาร์ก ยิงได้แค่ 3 ประตูจาก 23 นัดกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
ดาวยิงต่างชาติที่แจ้งเกิดใน พรีเมียร์ชิป ก็ใช่ว่าจะไม่มี ดิดิเยร์ ดร็อกบา ของเชลซี และ อเย็กบินี ยาคูบู ของเอฟเวอร์ตัน คือแบบอย่างที่ดี ทั้งคู่มีสิ่งสำคัญที่สุดที่จะอยู่รอดในลีกนี้ก็คือความแข็งแกร่งที่จะต้องเข้าปะทะเบียดชิงจังหวะกับบรรดากองหลังทั้งบนพื้นดินและกลางอากาศ รวมถึงใช้ในการเก็บบอลและพักบอลได้อีกด้วย
แต่หากร่างกายไม่กำยำพอก็ควรที่จะทดแทนด้วยความเร็วในการพาบอลเพื่อสลัดหลุดกองหลัง ซึ่งยังสามารถเรียกฟาวล์ให้กับทีมได้อีกด้วย เฟอร์นานโด ตอร์เรส ที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เพียงปีแรกทำได้อย่างไร้ที่ติด เพราะเขาเป็นนักเตะที่ไปกับอลได้เร็วมาก กองหน้าอีกคนที่มีศักยภาพเช่นนี้ก็คือ เธียร์รี อองรี อดีตดาวเตะของ อาร์เซนอล
กรณีของ เชฟเชนโก ถือเป็นอุทาหรณ์อย่างดีว่า พรีเมียร์ชิป ลีกที่ได้รับการยกย่องว่าเล่นได้ตื่นตาตื่นใจที่สุดในโลก พร้อมกับมีเงินเป็นฟ่อนล่อตาล่อใจพ่อค้าแข้งต่างชาติให้ตบเท้าเข้ามาวาดลวดลาย แต่หารู้ไม่ว่าที่นี่ก็เป็นสุสานของบรรดาซูเปอร์สตาร์ที่เคยเอาชื่อมาทิ้งไว้แล้วมากมาย