เดฟ โจนส์ ผู้จัดการทีมคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ภูมิใจกับผลงานชิ้นโบว์แดง หลังพาทีมบุกมาพิชิต มิดเดิลสโบรช์ ถึงถิ่น 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา กรุยทางเข้าสู่รอบตัดเชือก เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ ส่วน แกเร็ธ เซาธ์เกต ยอมรับว่าคู่แข่งสมควรได้รับชัยชนะแล้ว
ฟุตบอลถ้วยอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองผู้ดี ประจำฤดูกาล 2007/2008 เกิดการพลิกล็อกอย่างถล่มทลาย เมื่อ “บลูเบิร์ด” บุกมาปราบ “สิงห์แดง” หงายพังพาบถึงรัง ทำให้ในรอบรองชนะเลิศเหลือเพียง ปอร์ทสมัธ ทีมเดียวเท่านั้นที่มาจากพรีเมียร์ลีก นอกนั้นเป็นมาจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิป ทั้งหมด (คาร์ดิฟฟ์, บาร์นสลีย์ และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน)
หลังชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของ คาร์ดิฟฟ์ ซึ่งคว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1927 โจนส์ ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยความชื่นมื่นว่า “เราต้องการเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสโมสรขึ้นมา ซึ่งวันนี้ผู้เล่นทุกคนทำหน้าที่กันได้อย่างสุดยอดและสมควรได้รับชัยชนะแล้ว ช่วง 5 นาทีแรกอาจเป็นของ โบโร่ แต่พอเราได้ประตูทุกอย่างก็กลับมาอยู่ในกำมือของเรา”
ด้าน จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ อดีตหัวหอกมิดเดิลสโบรช์ ซึ่งค้าแข้งกับ คาร์ดิฟฟ์ ในเวลานี้กล่าวว่า “การที่ บาร์นสลีย์ เอาชนะ เชลซี ได้เมื่อวานทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และมีความเชื่อมั่นว่านี่เป็นปีของทีมจากเดอะ แชมเปี้ยนชิป ก่อนจะลงสนามโดยปราศจากความเกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งสุดท้ายเราก็คว้าชัยชนะได้สำเร็จ”
ขณะที่ เซาธ์เกต กุนซือโบโร่ยอมรับความปราชัยว่า “เกมวันนี้ คาร์ดิฟฟ์ ทำได้ดีกว่าเราตั้งแต่ต้นจนจบเกม พวกเขาสมควรได้รับชัยชนะแล้ว ผมผิดหวังมากที่เราไม่สามารถเล่นได้ตามที่เราต้องการ ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของผม เพราะผมเป็นผู้จัดการทีมอยู่ แน่นอนว่าแฟนบอลต้องไม่พอใจและโกรธเคืองกับผลงานในวันนี้”