xs
xsm
sm
md
lg

หงส์รัวงู 10 ตัวท้ายเกม 2-0 สิงห์บลูส์เจ๊าแชมเปี้ยนส์ลีก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดรังจิกเอาชนะ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ที่เหลือผู้เล่นแค่ 10 ตัว 2-0 จากประตูท้ายเกมของ เดิร์ก เคาท์ และ สตีเวน เจอร์ราร์ด ขณะที่ “สิงห์บลูส์” เชลซี บุกยัน โอลิมเปียกอส 0-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก

ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก
ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 2-0 อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี)

ราฟาเอล เบนิเตซ อยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนัก แต่กุนซือชาวสเปน หวังว่า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะเจอจุดเปลี่ยนในศึกฟุตบอลยุโรปถ้วยใบใหญ่ โดยเกมที่แอนฟิลด์เจ้าถิ่นได้ เฟอร์นานโด ตอร์เรส กลับมาเป็นความหวังในแดนหน้า ขณะที่ สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมคืนทัพคุมแดนกลาง ด้าน โรแบร์โต มันชินี นำพลพรรค “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน บุกเกาะอังกฤษ โดยมีคู่หน้า ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช และ ฮูลิโอ ครูซ หวังยิงประตูทีมเยือนถือความได้เปรียบกลับอิตาลี

เริ่มเกมการแข่งขัน ลิเวอร์พูล ในฐานะเจ้าบ้านพยายามเดินเกมบุกกดดัน อินเตอร์ มิลาน ทันทีและก็ทำเอาแผงหลังทีมเยือนเสียสมาธิ คริสเตียน คิวู สังเวยใบเหลืองตั้งแต่นาทีที่ 4 เมื่อเสียบ สตีเวน เจอร์ราร์ด ในจังหวะทะลุขึ้นไป แต่ ฟาบิโอ ออเรลิโอ อาสาปั่นฟรีคิกด้วยเท้าซ้ายข้างถนัดส่งบอลเหินข้ามคานออกไปไม่ห่าง เกมในช่วง 10 นาทีแรกตกเป็นของ “หงส์แดง” อย่างสิ้นเชิง “สตีวี่ จี” เปิดลูกเตะมุมให้ ซามี ฮูเปีย โหนขึ้นโหม่งแต่ ฮูลิโอ เซซาร์ ยังปัดพ้นคานไปได้

ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ดันเกมขึ้นไปข้างหน้ายากขึ้นเนื่องจากขุนพล “งูใหญ่” ลงไปปักหลักในแดนตัวเองได้อย่างเหนียวแน่น แต่จังหวะสวนกลับของผู้มาเยือนยังมีให้เห็นไม่มากเท่าที่ควร ถึงครึ่งชั่วโมง อินเตอร์ มิลาน เหลือผู้เล่นแค่ 10 คนเมื่อ มาร์โก มาเตรัซซี ไปเหนี่ยวไหล่ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ล้มลงจนโดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนาม พอได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่น “หงส์แดง” เร่งเครื่องมากขึ้น ไรอัน บาเบล มีโอกาสสับไกแต่ก็หลุดกรอบทำให้จบ 45 นาทีแรก สกอร์ยังตรึงอยู่ที่ 0-0

ลงมาลุยกันต่อในครึ่งเวลาหลัง ลิเวอร์พูล ลงมาขึงเกมรุก แต่ อินเตอร์ มิลาน ก็กางแผนตั้งเกมรับกันเต็มที่ เมื่อสถานการณ์โดนกดดันอย่างหนัก โรแบร์โต มันชินี ต้องขยับปรับแทกติกด้วยการส่ง ปาทริค วิเอรา อดีตมิดฟิลด์ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ลงมาเล่นแทน ฮูลิโอ ครูซ กองหน้าตัวเก๋าชาวอาร์เจนไตน์ แต่ “ปั๊ต” เกือบทำให้ทีมเยือนน้ำตาตก เมื่อส่งพลาด ตอร์เรส หลุดขึ้นไปยิงด้วยขวาบริเวณกรอบโทษ เซซาร์ ต้องปัดปลายนิ้วหลุดเสาออกไปอย่างหวุดหวิด

หนึ่งชั่วโมงพอดีเหล่า “เดอะค็อป” และผู้เล่นเจ้าบ้านพยายามร้องหาจุดโทษ จาก แฟรงค์ เดอ บรีเคีย เมื่อจังหวะกระดกบอลเข้าเขตโทษของ เจอร์ราร์ด ไปโดนแขน วิเอรา แต่เชิ้ตดำจากเบลเยียมกลับเป่าให้ ลิเวอร์พูล ได้เพียงลูกเตะมุม และก็ทำอะไรจากจังหวะดังกล่าวไม่ได้ อีกสี่นาทีถัดมา ราฟาเอล เบนิเตซ แก้เกมบ้างส่ง ปีเตอร์ เคราช์ มาเติมเกมรุกพร้อมถอด ลูคัส เลวา กองกลางดาวรุ่งออกมา เมื่อยังไม่สัมฤทธิ์ผล “หงส์แดง” ปล่อย เจอร์เมน เพนแนนท์ มาเติมเกมทางด้านกราบแทน บาเบล ที่บทบาทดูน้อยลงไปจากครึ่งแรก

เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้ายทีมเยือนต้องเปลี่ยน อีบัน คอร์โดบา ที่มีปัญหาบาดเจ็บออกพร้อมกับส่ง นิโคลัส บูร์ดิซโซ ไปค้ำหลังแทน นาทีที่ 78 เจ้าถิ่นพลาดโอกาสขึ้นนำเมื่อ เคราช์ ได้โอกาสซัดจ่อในกรอบโทษแต่โดน แม็กซ์เวลล์ ตามมาบล็อกได้ทัน หลังจากบี้อยู่นานก่อนหมดเวลา 5 นาทีสุดท้าย “หงส์แดง” มาได้ประตูนำ 1-0 เริ่มจากจังหวะที่ เพนแนนท์ เปิดจากกราบขวาไปเสาสองหลุดไปให้ เดิร์ก เคาท์ วอลเลย์กระแทกพื้นส่งลูกหนังแสกหน้า เซซาร์ เข้าไป

ถึงนาทีสุดท้ายแฟนๆ ลิเวอร์พูล ได้เฮเป็นคำรบที่สองเมื่อ เพนแนนท์ ไหลบอลคืนให้ เจอร์ราร์ด ซัดบอลด้วยขวาแหวกสามกองหลัง อินเตอร์ มิลาน ผ่านมือ เซซาร์ กระแทกเสาเข้าประตูอย่างสวยงามช่วยให้ทีมคว้าชัย 2-0 มีโอกาสผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย อย่างไรก็ตาม “งูใหญ่” ยังมีโอกาสแก้ตัวในถิ่นซาน ซิโร ในอีกสามสัปดาห์ข้างหน้า

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฮเซ เรนา, สตีฟ ฟินแนน, เจมี คาร์ราเกอร์, ซามี ฮูเปีย, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, สตีเวน เจอร์ราร์ด, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, ลูคัส เลวา, ไรอัน บาเบล, เดิร์ก เคาท์, เฟอร์นานโด ตอร์เรส

อินเตอร์ : ฮูลิโอ เซซาร์, ดักลาส ไมคอน, อีบัน คอร์โดบา, มาร์โก มาเตรัซซี, คริสเตียน คิวู, ฮาเวียร์ ซาเนตติ, เดยัน สแตนโควิช, เอสเตบาน คัมบิอาสโซ, แมกซ์เวลล์, ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช, ฮูลิโอ ครูซ

ผลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ประจำคืนวันอังคาร

ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 2-0 อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี)
[1-0 : เดิร์ก เคาท์ (น.85) , 2-0 : สตีเวน เจอร์ราร์ด (น.90)]

โอลิมเปียกอส (กรีซ) 0-0 เชลซี (อังกฤษ)

โรมา (อิตาลี) 2-1 รีล มาดริด (สเปน)
[0-1 : ราอูล กอนซาเลซ (น.8), 1-1 : ดาวิด ปิซาร์โร (น.24), อมานติโน มันซินี (น.58)]

ชาลเก 04 (เยอรมนี) 1-0 เอฟซี ปอร์โต (โปรตุเกส)
[1-0 : เควิน คูรานยี (น.4)]
กำลังโหลดความคิดเห็น