การพลาดแชมป์โลกในสนามสุดท้ายของฤดูกาล 2007 นับเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมิใช่น้อยสำหรับผู้ที่ทำคะแนนนำมาตั้งแต่ต้นฤดูกาลอย่าง ลูอิส แฮมิลตัน แต่การถูกเหยียดหยามของแฟนความเร็วที่ลามไปถึงสีผิวและเชื้อชาติ รวมไปถึงครอบครัวนับว่าเจ็บปวดกว่าการพลาดแชมป์โลกหลายเท่านักขับผิวสีแห่งทีมแม็คลาเรน
แม้เฟอร์นานโด อลอนโซ จะโบกมือลาแม็คลาเรนไปซบอก เรโนลต์ทีมเก่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ปัญหาความขัดแย้งของเขากับ ลูอิส แฮมิลตัน ดูท่าว่าจะไม่จบลงง่ายๆ มิหนำซ้ำยังอาจจะรุนแรงมากขึ้นด้วยซ้ำไป ในฐานะศัตรูเต็มรูปแบบ ล่าสุดเรื่องราวทำท่าจะบานปลายใหญ่โต เมื่อกองเชียร์ของนักขับสเปนกระทำในสิ่งที่ทุกคนยากจะยอมรับได้
เหตุการณ์ในวงการรถสูตรหนึ่งที่กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ก่อนเริ่มต้นจาก การทดสอบรถที่สนามบาเลนเซีย เมื่อลูอิสเปิดปากยอมรับเป็นครั้งแรกกับผู้สื่อข่าวว่า ตัวเขากับ อลอนโซ มีปัญหามาตั้งแต่ก่อนฤดูกาล 2007 จะเปิดฉากขึ้นเสียอีก โดยแฮมิลตันออกมาสับนักขับรุ่นพี่แบบไม่เลี้ยงว่า "สิ่งที่อลอนโซแสดงต่อผม มันเป็นพฤติกรรมที่แย่มากของนักขับเอฟวัน เขาคิดว่าเขาเหนือกว่าผม ซึ่งมันไม่ใช่"
ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมาแฟนความเร็วทางเรียบชาวสเปนต่างเป็นเดือนเป็นร้อนแทนขวัญใจของพวกเขา ที่ต้องตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของเด็กหนุ่ม ที่ขึ้นชั้นมาขับบนเวทีระดับโลกแค่เพียงปีแรก และกับการที่อลอนโซย้ายกลับไปอยู่เรโนลต์ ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นศัตรูกันอย่างชัดเจนมากขึ้น
สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อแฮมิลตันลงทดสอบรถที่สนามคาตาลุนญ่า ประเทศสเปน แล้วถูกกองเชียร์ชาวสเปนกลุ่มหนึ่ง ตะโกนใส่ด้วยข้อความที่รุนแรงว่า "fu..king black" และ "black sh..t" โดยบุคคลกลุ่มนี้ยังใส่เสื้อที่เขียนว่า "Hamilton's family"รวมถึงทาสีใบหน้าและผิวสีดำเป็นเชิงล้อเลียนแบบเสียดสี ขณะที่ด้านหลังเสื้อมีข้อความ ว่า "Alonso no.1"
ถือเป็นรอยด่างในวงการรถสูตรหนึ่งไม่แพ้คดีสปายเกตสุดอื้อฉาวเมื่อปีที่ผ่านมา แม้ตอนนี้จะยังไม่มีการประกาศลงโทษกับกองเชียร์สุดเถื่อนออกมา แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณให้ทุกฝ่ายมีการตื่นตัวในเรื่องนี้อย่างจริงจังเพราะเป็นครั้งแรกที่มีการเหยียดผิวกันในสังเวียนความเร็ว
แฮมิลตัน ผู้ตกเป็นเหยื่อในครั้งนี้ ถือเป็นนักขับผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ลงแข่งขันรถสูตรหนึ่งแบบเต็มตัว และยังสามารถคว้าแชมป์มาครองถึง 4 สนามภายในปีเดียว เจ้าตัวเผยความรู้สึกหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวว่า "มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมาก ผมรักประเทศนี้ โดยเฉพาะสนามคาตาลุนญ่า ถือเป็นหนึ่งในสนามโปรดไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้"
นอกจากนี้นักซิ่งจากเมืองผู้ดี ยังฝากไปยังกองเชียร์ชาวสเปนทั้งประเทศด้วยว่า "ผมอยากให้พวกเขาเข้าใจ มันเป็นวิถีทางของนักขับอาชีพ ที่ต้องทำคะแนนไปสู่แชมป์โลกให้ได้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผมต้องการจะอยู่เหนือเฟอร์นานโดเลย การต่อสู้ระหว่างเรากลายเป็นเรื่องยาวใหญ่โตสำหรับคนสเปนไปแล้ว"
แม้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ลูอิสถูกเหยียดสีผิวในสนามแข่ง แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกบนดินแดนกระทิงดุ เพราะก่อนหน้านี้ในศึกสแปนิช กรังด์ปรีซ์ คาร์ลอส กราเซีย เจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งสหพันธ์ยานยนต์สเปน เคยพูดถึงนักขับรายนี้ในทำนองเหยียดผิวมาแล้วว่า แฮมิลตันไม่คู่ควรเป็นนักขับอังกฤษเนื่องจากสีผิวของเขา
ปัญหาการเหยียดผิวในวงการกีฬาสเปนดูจะเป็นเรื่องชินชาไปเสียแล้ว หลังมีการพูดจากเหยียดหยามชนเผ่าของนักฟุตบอลผิวสีโดยกองเชียร์ตัวแสบทั้งในลีกและเกมระดับชาติ ริโอ เฟอร์ดินานด์,แอชลีย์ โคล และฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ 3 นักเตะทีมชาติอังกฤษ ต่างก็เคยโดนพฤติกรรมสุดป่าเถื่อนเช่นนี้เล่นงานมาแล้ว ในเกมกระชับมิตรกับทีมชาติสเปน ที่สนามเบอร์นาบิว เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
งานนี้สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ(เอฟไอเอ) ที่เป็นผู้ควบคุมการแข่งขันรถแข่งทั่วโลก ออกมาประกาศทันทีที่เกิดเรื่องกับแฮมิลตันว่า หากฝ่ายจัดการแข่งขันไม่สามารถควบคุมความพฤติกรรมกองเชียร์ในสนามได้ เอฟไอเอจะจัดการถอดศึกสแปนิช กรังด์ปรีซ์ และรายการยูโรเปี้ยน กรังปรีซ์ ที่สนามบาเลนเซีย ออกจากปฏิทินแข่งขันทันที
แต่หาก 2 สนามบนแดนกระทิงดุยังคงอยู่ในปฏิทินแข่งขันต่อไป ได้แต่หวังว่าการขับเคี่ยวกันบนแทร็คของ 2 นักขับคู่กรณีจะกลายเป็นไฮไลท์ประจำการแข่งขัน มากกว่าเรื่องไร้มนุษยธรรมจากกองเชียร์ชาวสเปน และหากพวกเหยียดสีผิวก่อเหตุขึ้นอีกครั้ง ก็น่าจะถึงเวลาแล้วที่บุคคลเหล่านั้นจะต้องเจอกับบทลงโทษขั้นเด็ดขาดเสียที