ชอย โย-ซัม นักชกชาวเกาหลีใต้ แชมป์อินเทอร์คอนทิเนนทัล รุ่นฟลายเวท ของสถาบันดับเบิลยูบีโอ ต้องจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับหลังจากที่สมองตายและแพทย์ก็ถอดเครื่องช่วยหายใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา วงการมวยโลกต้องตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ ชอย โย-ซัม แชมป์อินเทอร์คอนทิเนนทัล รุ่นฟลายเวท ของสถาบันดับเบิลยูทีโอ ถูกหมัดของ เฮรี อาโมล ผู้ท้าชิงจากอินโดนีเซียอย่างจังเข้าเต็มคางถึงกับร่วงลงกับผืนผ้าใบก่อนหมดยกที่ 12 เพียงแค่ 5 วินาที
แม้จะสามารถป้องกันตำแหน่งเอาไว้ได้แต่นับตั้งแต่วินาทีนั้น ชอย โย-ซัม ไม่ได้สติกลับมาอีกเลยและก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอาซาน ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ทว่าอาการของนักชกพลังโสมอยู่ในขั้นโคม่า โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาแพทย์ออกมาแถลงรับว่าสมองของ ชอย ตายไปแล้ว
ซึ่งเมื่อช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาตามวัน-เวลาท้องถิ่นครอบครัวของ ชอย ตัดสินใจให้ทีมแพทย์ถอนเครื่องช่วยหายใจที่ยื้อชีวิตเขามากว่าสัปดาห์ ในที่สุด “ชอย โย-ซัม” ลูกชายคนที่ 5 จากทั้งหมด 6 คนของตระกูลก็เสียชีวิตลงอย่างน่าสลดด้วยวัย 33 ปี
โดย โอ ซุน-ฮี คุณแม่วัย 65 ปีออกมาเผยถึงลูกชายผู้จากไป “ โย-ซัม จะอยู่ในใจของฉัน เขาได้รับความทรมานแสนสาหัส แต่ตอนนี้เขาไปในที่ๆ ดีแล้ว ”
สำหรับ ชอย มีสถิติการชกทั้งหมด 37 ไฟต์ ชนะ 32 ครั้ง (เคโอ 19 ครั้ง) และแพ้ 5 ครั้ง เคยเป็นแชมป์โลกรุ่นไลท์ฟลายเวท ของสภามวยโลก (ดับเบิลยูบีซี) จากการชนะ สมาน ส.จาตุรงค์ นักชกชาวไทย เมื่อเดือนตุลาคม ปี 1999 แต่ป้องกันตำแหน่งได้ 3 ครั้งก็มาเสียท่าให้ ฮอร์เก อาร์เช ยอดมวยชาวเม็กซิกัน ในเดือนกรกฎาคม ปี 2002
อย่างไรก็ตาม ตลอดอาชีพการชกมวย ชอย สามารถเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งก่อนที่จะควักเงินดังกล่าวซื้ออพาทเมนท์ให้คุณแม่ได้อยู่ ทว่าไฟต์สุดท้ายในการลงสังเวียนผ้าใบ ชอย ได้เงินค่าตัวเพียงแค่ 3 พันเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1 แสนบาท) เป็นผลมาจากความนิยมที่ลดลงไปนั่นเอง
ก่อนหน้านี้วงการมวยเกาหลีเคยสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่มาแล้ว เมื่อ คิม ดุก-คู เสียชีวิตลงจากอาการสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักในการชกกับ เรย์ มันชินี แชมป์โลกรุ่นไลท์เวท ของสมาคมมวยโลก (ดับเบิลยูบีเอ) เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 1982 ทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันตระหนักถึงความปลอดภัยของนักมวยยิ่งขึ้นจึงได้ลดจำนวนยกจาก 15 มาเหลือเพียง 12 ยก
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา วงการมวยโลกต้องตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ ชอย โย-ซัม แชมป์อินเทอร์คอนทิเนนทัล รุ่นฟลายเวท ของสถาบันดับเบิลยูทีโอ ถูกหมัดของ เฮรี อาโมล ผู้ท้าชิงจากอินโดนีเซียอย่างจังเข้าเต็มคางถึงกับร่วงลงกับผืนผ้าใบก่อนหมดยกที่ 12 เพียงแค่ 5 วินาที
แม้จะสามารถป้องกันตำแหน่งเอาไว้ได้แต่นับตั้งแต่วินาทีนั้น ชอย โย-ซัม ไม่ได้สติกลับมาอีกเลยและก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอาซาน ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ทว่าอาการของนักชกพลังโสมอยู่ในขั้นโคม่า โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาแพทย์ออกมาแถลงรับว่าสมองของ ชอย ตายไปแล้ว
ซึ่งเมื่อช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาตามวัน-เวลาท้องถิ่นครอบครัวของ ชอย ตัดสินใจให้ทีมแพทย์ถอนเครื่องช่วยหายใจที่ยื้อชีวิตเขามากว่าสัปดาห์ ในที่สุด “ชอย โย-ซัม” ลูกชายคนที่ 5 จากทั้งหมด 6 คนของตระกูลก็เสียชีวิตลงอย่างน่าสลดด้วยวัย 33 ปี
โดย โอ ซุน-ฮี คุณแม่วัย 65 ปีออกมาเผยถึงลูกชายผู้จากไป “ โย-ซัม จะอยู่ในใจของฉัน เขาได้รับความทรมานแสนสาหัส แต่ตอนนี้เขาไปในที่ๆ ดีแล้ว ”
สำหรับ ชอย มีสถิติการชกทั้งหมด 37 ไฟต์ ชนะ 32 ครั้ง (เคโอ 19 ครั้ง) และแพ้ 5 ครั้ง เคยเป็นแชมป์โลกรุ่นไลท์ฟลายเวท ของสภามวยโลก (ดับเบิลยูบีซี) จากการชนะ สมาน ส.จาตุรงค์ นักชกชาวไทย เมื่อเดือนตุลาคม ปี 1999 แต่ป้องกันตำแหน่งได้ 3 ครั้งก็มาเสียท่าให้ ฮอร์เก อาร์เช ยอดมวยชาวเม็กซิกัน ในเดือนกรกฎาคม ปี 2002
อย่างไรก็ตาม ตลอดอาชีพการชกมวย ชอย สามารถเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งก่อนที่จะควักเงินดังกล่าวซื้ออพาทเมนท์ให้คุณแม่ได้อยู่ ทว่าไฟต์สุดท้ายในการลงสังเวียนผ้าใบ ชอย ได้เงินค่าตัวเพียงแค่ 3 พันเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1 แสนบาท) เป็นผลมาจากความนิยมที่ลดลงไปนั่นเอง
ก่อนหน้านี้วงการมวยเกาหลีเคยสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่มาแล้ว เมื่อ คิม ดุก-คู เสียชีวิตลงจากอาการสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักในการชกกับ เรย์ มันชินี แชมป์โลกรุ่นไลท์เวท ของสมาคมมวยโลก (ดับเบิลยูบีเอ) เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 1982 ทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันตระหนักถึงความปลอดภัยของนักมวยยิ่งขึ้นจึงได้ลดจำนวนยกจาก 15 มาเหลือเพียง 12 ยก