xs
xsm
sm
md
lg

ชี้กองทัพต้องเร่งเด็ด ‘พญาผึ้ง’ เขมรในทุกพื้นที่ อย่าปล่อยให้ ‘2พ่อลูกตระกูลฮุน’ โงหัวขึ้นได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาคที่2 แจง จะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารได้
‘นายกฯอนุทิน’ อย่าปล่อยให้กองทัพรบฝ่ายเดียวต้องผนึกกำลัง โดยรัฐบาลต้อง‘ตัดไฟ-น้ำมัน-ท่อน้ำเลี้ยง’
เพื่อไม่ให้ใช้รถขนอาวุธ-กำลังพลได้อีก รวมทั้งต้องเด็ด‘พญาผึ้ง’ ให้ได้ทุกพื้นที่ หากยังใช้วิธีเดิม ๆ รบให้ตายก็ไม่จบ มีแต่ทำให้ 2พ่อลูกตระกูลฮุน เพิ่มความรุนแรงในอนาคต ชี้กองทัพต้องแถลงไขให้นายกฯ เข้าใจว่าจะทำให้กองทัพกัมพูชาสิ้นสภาพได้ต้องทำอย่างไร ทำอะไรบ้าง เชื่อกองทัพไทยมีแผนปฏิบัติอยู่แล้ว และมองทะลุใจ‘ฮุน เซน’ รู้ว่ารบนาน ๆ แพ้ไทยแน่จึงรอมหาอำนาจเข้าช่วย!


ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ปะทุจากแนวรบชายแดน เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน และครั้งนี้รัฐบาลและกองทัพได้แสดงให้ ‘ฮุน เซน’ และผู้นำทหารกัมพูชาได้รับรู้ถึงศักยภาพของประเทศไทย ที่พร้อมบดขยี้ผู้ที่เข้ามารุกรานได้เพียงใด ซึ่งเหตุปะทะรุนแรงก็ยังคงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาคือ ‘กัมพูชา’ เริ่มก่อน

ขณะเดียวกัน เสียงประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนเรียกร้องให้รัฐบาลและกองทัพ จัดการ ‘ฮุน เซน’ และกองทัพกัมพูชาให้เบ็ดเสร็จ อย่าให้มารุกรานได้อีก เพราะชาวบ้านบริเวณนั้นได้รับความเดือดร้อน ต้องอพยพเพื่อหนีภัยจากการโจมตีของกัมพูชา ไม่จบไม่เสร็จ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างสงบ ทำมาหากินก็ไม่ได้

เสียงวิงวอนครั้งนี้ได้รับการตอบสนองอย่างดี เมื่อรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ไฟเขียวให้กองทัพไทยปฏิบัติการเต็มสรรพกำลัง ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ตำรวจ ตชด.และหน่วยความมั่นคงต่างรุกคืบปฏิบัติการโจมตีและไม่ยอมอ่อนข้อหรือให้ชาติมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงตามเกมของ ‘ฮุน เซน’ จนกว่ากองทัพจะดำเนินการทางทหารได้ตามเป้าประสงค์จึงจะเข้าสู่โต๊ะเจรจา

ที่สำคัญข้อความที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.เป็นภาษาอังกฤษว่า.

“Thailand’s direction remains status quo. No ceasefire.”
(ทิศทางของประเทศไทยยังคงเดิม ไม่มีการหยุดยิง)


หรือคำพูดของ ‘แม่ทัพไก่’ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 บอก‘ไม่ต้องห่วงเพราะเราจะเอาแผ่นดินไทยคืนมาให้หมดแน่นอน’ ซึ่งปรากฏชัดเจนด้วยการจัดปืนใหญ่รถถัง ยิงทำลายบ่อนกาสิโน ที่กัมพูชาใช้เป็นสถานที่ตั้งยิงอาวุธโค้ง ป้อมปืนกลและสะสมอาวุธเพื่อใช้ในการโจมตีพลเรือนและทหารฝ่ายไทย ที่อยู่บริเวณตรงข้ามจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านตาพระยา จ.สระแก้ว

หรือกรณที่ พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก ประกาศไว้ ‘เป้าหมายคือ กองทัพบก จะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา’ โดยมีสิ่งที่ปรากฏเด่นชัดที่นำไปสู่การปฏิบัติทางทหาร เพื่อยับยั้ง และทำลายให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร ในระดับที่จำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ประกอบด้วย การยิงทำลายตึกร้างที่ทำการเครือข่ายสแกมเมอร์ พื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี , การยิงทำลายเสา Anti Drone พื้นที่พระวิหารและห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ , การกวาดล้างสวนมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งรุกล้ำเส้นปฏิบัติการ บริเวณช่องระยี ทางทิศตะวันออกช่องจอม, การเข้าควบคุมปราสาทคนา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์, การยิงทำลายกระเช้าลำเลียงเสบียงเนิน 350 ปราสาทตาควาย

การปฏิบัติการครั้งนี้ของรัฐบาล กองทัพไทย และกระทรวงการต่างประเทศต่างทำหน้าที่ได้แข็งกร้าวที่สุด เพราะไทยถูกรุนรานก่อน ย้ำจำเป็นต้องใช้กำลังทหารปกป้องอธิปไตย ให้ทั่วโลกได้รับรู้และเข้าใจว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องใช้แผนปฏิบัติการทางทหารให้จบตามเป้าหมายก่อน จึงจะเจรจาตามที่กัมพูชาหรือมหาอำนาจยื่นมือเข้ามาช่วยเจรจา

ดังนั้นในแต่ละวันที่กองทัพแสดงแสนยานุภาพจึงทำให้ประชาชนคนไทย ต่างมีความหวังและเฝ้าติดตามการปะทะครั้งนี้สามารถจบได้หรือไม่ หรือจบเช่นไร

F-16 ควงคู่ Gripen ถล่มกาสิโน-ฐานสแกมเมอร์ในโอร์เสม็ด ศูนย์ปล่อยโดรนพลีชีพ-ซุกซ่อนรถยิงจรวด BM-21

รถถัง ยิงทำลายบ่อนกาสิโน ที่กัมพูชาใช้เป็นสถานที่ตั้งยิงอาวุธโค้ง ป้อมปืนกลบริเวณตรงข้ามจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านตาพระยา จ.สระแก้ว


พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 และเป็นอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ระบุว่า การจะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารนั้น ข้อเท็จจริงจะหายไปได้อย่างไร ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ตราบใดที่รถถังขนจรวด ขนอาวุธยุทโธปกรณ์ รถขนกำลังพล ยังมีน้ำมันเติม วิ่งไปวิ่งมาในการรบได้ จึงเชื่อว่าศึกนี้อีกยาวนาน ยังไม่สามารถเผด็จศึกหรือสิ้นสภาพการเป็นภัยคุกคามเราได้ เพราะรัฐบาลปล่อยให้ทหารปฏิบัติการฝ่ายเดียว ทั้งที่ความจริงรัฐบาลสามารถทำได้เพราะด้วยอำนาจหน้าที่ นายกรัฐมนตรี ต้องใช้อำนาจหน้าที่กดดันเขมรในทุก ๆ วิถีทาง ไม่ใช่แค่สั่งให้ทหารรับผิดชอบด้วยการไปรบอย่างเดียว

“จริง ๆ รัฐบาลควรสั่งตัดไฟฟ้าที่ไปจากไทยทั้งหมด เขมรยิงเข้ามาเมื่อไหร่ ก็ตัดทันที ถ้าเขาหยุดยิงก็เปิดให้ใช้ ถึงแม้เขมรจะมีเครื่องปั่นไฟใช้เอง แต่ถ้าเราตัดไฟไม่ส่งให้ไฟฟ้าก็จะตกทันที โดยเราต้องตัดไฟทุกสาย ตัดเน็ต ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำอย่างจริงจัง”

ตรงนี้คือสิ่งที่รัฐบาลต้องเป็นฝ่ายดำเนินการ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพ หรือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือความเป็นหน่วยเดียวกันอย่างสมบูรณ์ แต่ส่งที่สั่งการหรือปฏิบัติยังไม่เป็นหนึ่งเดียว แม้นายกฯ จะบอกว่าสั่งให้ทหารทำได้อย่างเต็มที่

“สั่งให้ทหารทำได้อย่างเต็มที่ ฟังแล้วดูดีนะ แต่ว่ามันไม่เบ็ดเสร็จ ไม่จบ ไม่สิ้นสภาพ ผมว่า มี 2 ประเด็นหลักต้องกล้าจัดการ คือ ไฟฟ้า กับ น้ำมัน รัฐบาลต้องตรวจสอบ ต้องทำจริง ๆ จัง ๆ ต้องช่วยกัน เห็นรัฐบาลพูดมานานแล้ว แต่ไม่ทำ”

อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากปล่อยให้ทหารทำเพียงฝ่ายเดียว ไม่มีทางจบ เพราะฮุน เซน ยังลุกขึ้นมาได้ และหากปล่อยให้ทหารจัดการแบบนี้ฝ่ายเดียว อีกไม่นานเกินรอบรรดาชาติมหาอำนาจก็ยื่นมือมาเป็นกรรมการกลาง แล้วก็ให้หยุดยิงและก็เจรจากันวนไปวนมาแบบเดิม ๆ เช่นการปะทะที่ผ่านมาและก่อกำเนิด ‘ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์’ เพื่อกลับเข้าสู่วิธีทางการทูต แต่กัมพูชาจะหยุดยิงไม่นาน ก็จะเข้ายึดพื้นที่ของไทย เหตุการณ์แบบเดิม ๆ ก็จะกลับมาอีกและฝ่ายไทยก็ไม่สามารถเคลียร์พื้นที่เราได้หมด ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา กลับรุกคืบด้วยการเดินเข้ามายึดพื้นที่มากกว่าเดิม เช่นที่ช่องระยีพื้นที่ทางตะวันตกของช่องจอม และปราสาทคนา ล้วนเป็นพื้นที่ที่เขมรรุกล้ำดินแดนไทยเพิ่มขึ้น

“เวลาที่ฝ่ายไทยดำเนินการในพื้นที่ เราไม่ได้ไล่เขมรลงจากเขาหรือที่สูง แต่เราจะหยุดที่เส้นปฏิบัติการของเรา เขมรจึงค้างอยู่ และเขมรก็ใช้ยุทธวิธีเดิม ๆ เข้ามาวางทุ่นระเบิด ลาดตระเวนแบบเดิม ๆ ยึดดินแดนไทยไปเรื่อย ๆ ถึงบอกการปะทะครั้งนี้อย่างไรก็ไม่จบ และไม่มีทางทำให้กำลังทหารกัมพูชาสิ้นสภาพ”

พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 และเป็นอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี
ทั้งนี้สิ่งที่รัฐบาลและกองทัพต้องดำเนินการคือต้องทำให้ฮุน เซน-กองทัพเขมรสิ้นสภาพแบบโงหัวไม่ขึ้น คือต้องให้เป็นประเทศที่แพ้สงคราม เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในญี่ปุ่น เยอรมนี จากนั้นค่อยใช้วิธีการนำขึ้นสู่ที่ประชุม หรือโต๊ะเจรจา จะต้องทำให้เป็นแบบนั้น แต่ที่เรายังก้าวไม่ถึงจุดนั้นก็มีการเล่าลือกันว่า เป็นเพราะยังมีผู้ที่มีอำนาจมีส่วนในผลประโยชน์ในประเทศกัมพูชาอยู่ใช่หรือไม่

ในส่วนที่เสนาธิการทหารบก หรือแม่ทัพไก่ ออกมาประกาศนั้น ประชาชนก็ต้องติดตามดูผลงานว่าจะทำได้แค่ไหน อย่างไร แต่เป็นเรื่องยากที่จะทำให้เรียบร้อยได้หมดทุกพื้นที่ชายแดน เพราะการปะทะที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดแค่ 2-3 จุด แต่เกิดขึ้นหลายจุด หลายพื้นที่ และแต่ละพื้นที่ก็มีปัญหาเฉพาะแตกต่างกันไป

“ฮุน เซน อ่านรัฐบาลและกองทัพ เพราะต้องยอมรับว่าเขามีประสบการณ์ในการรบมากกว่าทางเรา และฮุนเซน ก็พยายามพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ ด้านการทหารตลอด และทุกครั้งที่เพลี่ยงพล้ำด้านใด เขาก็จะปรับปรุงแก้ไข อย่าลืมเรื่องของมหาอำนาจที่ช่วยเขาอยู่ด้วยนะ”

พล.ท.กนก ย้ำว่า ฮุน เซน เป็นคนทำงานเชิงรุก ขณะที่เราทำงานเชิงรับ และในด้านการทหารการทำงานเชิงรับยอมพ่ายแพ้ผู้ที่ทำงานเชิงรุกอยู่แล้ว หากจะถามว่าเราจะทำงานเชิงรุกได้อย่างไรนั้น อยู่ที่คนมีอำนาจ ต้องเป็นผู้ตัดสินใจ ทุกวันนี้เขมรเป็นฝ่ายยิงเราก่อน ฝ่ายไทยจึงยิงตอบโต้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะทหารไทยอยู่ในกรอบกฎกติกาสากล ไม่ละเมิดสั่งให้หยุดก็หยุด ซึ่งจะใช้กรอบนี้กับกัมพูชาไม่ได้

“ฝ่ายทหาร ต้องทำงานเชิงรุก เพื่อทำให้รวดเร็ว ก็จะได้จบ เพราะกองทัพมีแผนอยู่แล้ว ไม่ต้องปล่อยให้กัมพูชายิงมาก่อนหรอก เพราะเวลาเราเหลืออยู่ไม่เท่าไหร่ เพราะประเทศมหาอำนาจก็จะยื่นมือเข้ามาสั่งให้เราหยุดยิง”

สำหรับปฏิบัติการทางทหาร ที่สำคัญและรวดเร็วที่ต้องทำเวลานี้ คือขับไล่ให้ทหารเขมรที่อยู่บนที่สูง หรือบนเขา ให้ตกเขาไปก่อนเลย โดยที่เราต้องจัดการกับพญาผึ้งให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปจัดการบรรดาลูกผึ้ง

“จัดการพญาผึ้ง คือตัวที่ใหญ่ในทุก ๆ พื้นที่ ก็คือหัวหน้าที่สั่งบังคับใช้อาวุธ หรือบังคับใช้อากาศยานไร้คนขับ(โดรน) ติดอาวุธ หรือโดรนพลีชีพนั่นเอง สอยตรงนั้นเสร็จค่อยไปจัดการลูกผึ้ง ซึ่งเวลานี้เราลิดรอนได้บางส่วน แต่ยังไม่สามารถจัดการได้ เราทำลายกระเช้าขึ้น 350 ได้ มันคือแค่ลิดรอน แต่กำลังบนเขา ยังอยู่ได้ เราจึงต้องทำลายบนเขาให้ได้ด้วย”

สมเด็จฮุน เซน

 2 พ่อลูกตระกูลฮุน - สมเด็จฮุน เซน และสมเด็จฮุน มาเนต


อย่างไรก็ดี สิ่งที่รัฐบาลต้องตระหนัก ก็คือประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดน เขาได้รับความเดือดร้อนมาก ต้องอพยพ และทุกคนที่เดือดร้อนจึงอยากให้จบ จึงควรเลิกเป็นสุภาพบุรุษ เลิกวิธีประนีประนอมได้แล้ว โดยเฉพาะต้องรู้ว่าอะไรคือเส้นเลือดใหญ่ของฮุน เซน ทำลายได้ก็ต้องทำ เช่นกาสิโน เรารู้ว่าเป็นช่องทางทำมาหากิน เราก็ต้องกล้าประกาศไปเลย ถ้าฮุน เซน ทำให้เราเดือดร้อนก็จะยิงใส่กาสิโน

ตรงนี้คือยุทธวิธีการตอบโต้ แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน!

อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า ถ้าผู้นำรัฐบาล หรือ รัฐมนตรีกลาโหม มาจากสายพลเรือน ไม่มีความรู้เรื่องชายแดน เรื่องการสั่งการ กองทัพก็ต้องบอกความจริงให้เข้าใจและให้ผู้นำกล้าที่จะสั่งการไม่ผิดพลาด ซึ่งเรื่องนี้รัฐมนตรีกลาโหม และผู้นำเหล่าทัพ ควรอย่างยิ่งที่จะคุยกับนายกฯ อนุทิน ให้เข้าใจ ซึ่งจะทำให้นายกฯ สามารถตัดสินใจว่าการจะบรรลุภารกิจชายแดนไทย-กัมพูชาครั้งนี้ได้ จะทำให้กองทัพกัมพูชาสิ้นสภาพได้นั้น ต้องทำอย่างไร

“ต้องขยายความให้นายกฯ ฟังว่า ต้องให้สิ้นสภาพอย่างไร แบบไหน ต้องใช้วิธีอย่างไรในการทำบ้าง เพราะการกระทำแค่ลดขีดความสามารถการใช้อาวุธนั้นแบบนี้ยืนยันไม่จบแน่”

ทั้งนี้เพราะการจะลดขีดความสามารถได้นั้น เกี่ยวพันกับอำนาจ 2 ตัวคือ 1.อำนาจที่มีตัวตน ได้แก่อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหลาย 2. อำนาจทางจิตใจ หรือกำลังใจในตัวของผู้นำ ซึ่งเชื่อว่ากองทัพมีแผนอยู่แล้วว่าควรทำอย่างไร และเชื่อว่ากองทัพมองทะลุ ว่าฮุนเซน รู้ว่า รบไปนาน ๆ เขาแพ้ไทยแน่ แต่ที่ยังยื้ออยู่ เพราะกำลังรอให้ประเทศมหาอำนาจเข้ามาช่วย เพราะฮุนเซนจะได้ประโยชน์และได้รับการสนับสนุน

สิ่งสำคัญที่สุด รัฐบาลและกองทัพต้องเป็นเอกภาพ!

“ถ้ายังหาวิธีจบไม่ได้ บอกได้เลยถึงผมตายไป ก็ยังไม่จบ ผมเห็นและเข้าใจวิธีการของ 2 พ่อลูกตระกูลฮุน - สมเด็จฮุน เซน และสมเด็จฮุน มาเนต ถ้ามันไม่จบ ก็จะยิ่งเห็นความรุนแรงเพิ่มขึ้นในอนาคต” พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ ระบุ !

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j



กำลังโหลดความคิดเห็น