xs
xsm
sm
md
lg

2 กูรูชี้ไทยเตรียมรับมือ ‘ฮุนเซน’ โจมตีทางทะเล หาก ‘อิ๊งค์’ รอด เหตุรู้จุดอ่อนเร่งชิงพื้นที่พลังงาน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาคที่2 เชื่อวันที่29 ส.ค.หากศาล รธน.วินิจฉัยนายกฯ อิ๊งค์ รอดได้ไปต่อ‘ฮุนเซน’ มุ่งโจมตีทางทะเลบริเวณหลักเขตที่ 72-73 เพราะรู้จุดอ่อน หวังบรรลุเป้าหมายยึดพื้นที่ทางทะเล
เกาะกูด ไม่สนใจเรื่องปราสาทต่าง ๆ ได้ไปก็ไม่คุ้มประโยชน์ติงรัฐบาลไม่เคยพูดเรื่องการจัดพื้นที่บริเวณด่านชายแดน มุ่งแต่จะขายสินค้าให้เขมรทั้งที่เขมรบอยคอตสินค้าไทย ด้าน
ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์
ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน เชื่อการโจมตีครั้งใหม่มุ่งหมายทางทะเล เพื่อเชื่อมโยงเกาะกูดและการตีความพื้นที่ทางทะเลให้ได้เพราะเป็นแหล่งเศรษฐกิจโกยเงินเข้ากระเป๋า ขณะที่ฮุนเซนถังแตกแจงต้องเปลี่ยนรัฐบาล ที่ไม่มีหนี้บุญคุณ จึงจะแก้ปัญหาชายแดนสำเร็จเผยมีนักการเมืองโกงขนเงินไปฝากไว้เยอะ จึงไม่กล้าโจมตีเหตุกลัวฮุนเซนยึดทรัพย์
!

การสร้างคอนเทนต์ของทหารและประชาชนกัมพูชามีมาอย่างต่อเนื่องสลับไปมาบริเวณชายแดนไทยและกัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ล่าสุดได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านหนองจานคือทางการกัมพูชาได้มีการสนับสนุนให้ประชาชนมาตั้งชุมชนรุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงตาม MOU 43 เป็นเหตุให้ประชาชนไทยได้รับความเดือดร้อน ซึ่งฝ่ายไทยก็ได้มีการประท้วงตามขั้นตอนมาอย่างต่อเนื่องแต่ทางการกัมพูชากลับเพิกเฉยแถมยังมีการก่อสร้างบ้านเรือนประชาชนและที่พักพิงของทหารเพิ่มขึ้นอีก

ที่น่าตลกเหตุการณ์บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ทางการกัมพูชายังสนับสนุนให้ชาวเขมร และมีทหารปะปนกันออกมาก่อกวน มีการอุ้มลูกออกมาตะโกนและถ่ายรูปแสดงอาการก้าวร้าว ยั่วยุ เพื่อหวังให้ทหารไทยอดกลั้นไม่อยู่ใช้ความรุนแรงออกไป คนเขมรเหล่านี้ก็จะบันทึกภาพเพื่อไปฟ้องชาวโลก

การกระทำของเขมรเช่นนี้ คนไทยเองก็รู้สึกรับไม่ได้กับพฤติกรรมเพราะพื้นที่นี้เป็นของไทย จะยอมให้คนเขมรมาบุกรุกแสดงกิริยาเฉกเช่นนี้ต่อไปได้อย่างไร ก็ต้องออกมาแสดงพลังให้คนเขมรได้เห็นเช่นกัน ปรากฏการณ์แบบนี้คือสิ่งที่ทางการไทยเป็นห่วงและไม่ต้องการให้เกิดการปะทะระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศ

ดังนั้นกองทัพไทย จึงมีหลักการที่ชัดเจน หากประท้วงแล้วทางการเขมรยังไม่ดำเนินการให้ยื่นคำขาดและมีระยะเวลาให้ดำเนินการ แต่ถ้ายังไม่ดำเนินการให้ใช้กฎการปะทะเพื่อผลักดันเขมรให้ออกไปจากพื้นที่อธิปไตยของไทย

อย่างไรก็ดีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการประชุมเพื่อหาทางออกตามกรอบการเจรจาทวิภาคีกันมาแล้วหลายครั้ง แต่กัมพูชา ก็ยังละเมิดข้อตกลงเดินหน้ายั่วยุ รุกล้ำ เสมือนต้องการจะปะทะกับไทยจริงหรือไม่? ทั้งที่รู้ว่าถ้าเทียบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ทางทหาร ‘บก-เรือ-อากาศ’ ในการทำศึกแล้วเขมรย่อมพ่ายแพ้ไทยแน่นอน

ล่าสุดพื้นที่บ้านหนองจานถึงขั้นใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์ก็ยังทำได้ และเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้อาจจะมีการใช้จรวดยิงเข้ามาฝั่งไทยเหมือนที่เคยทำหรือไม่?



25/08/68 สถานการณ์บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว  ทหารเขมรได้เกณฑ์ชาวบ้านออกมาประท้วงตะโกนด่าทอทหารไทย จากนั้นได้มีการระดมกำลังประชาชนชาวเขมรออกมาพังรั้วลวดหนามหีบเพลง โดยใช้ไม้เป็นอาวุธและเครื่องมือรื้อลวดหนาม
พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 และเป็นอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ระบุว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเชื่อว่ายังไม่จบง่าย ๆ เพราะยังไม่มีการตัดสินเรื่องดินแดน เขมรก็ไปฟ้องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือ ศาลโลก ในเรื่องข้อพิพาทพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย ทั้งที่มีการประชุมระดับทวิภาคีก็ยังไม่จบเพราะเขมรไม่ยึดตาม MOU 43-44 ที่ทำกันไว้และพยายามขีดเส้นรุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยไทย ซึ่งไทยก็มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นของฝั่งไทย

“พื้นที่พิพาทถ้ามีการตัดสินปั๊บ ดินแดนอยู่ตรงไหน เจ้าหน้าที่ที่ดินก็ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง ในเขตอำเภอก็รับของอำเภอ เขตจังหวัดก็รับของจังหวัด ประชาชนก็มาขอออกโฉนด หรือ สค.1 ได้ บางจุดมีเขตแดนว่าของไทย เขมรก็ยังรุกล้ำเข้ามาจนเป็นปัญหาพิพาทกัน”

โดยพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 หรือภาคที่ 2 ทหารเขมรก็ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด และอยากให้ประชาชนไทย จับตาดูในวันที่ 29 ส.ค.นี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยชี้ขาดกรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 10 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธารสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา160 (4) และ (5) หรือไม่

“คนที่เปิดเกมความขัดแย้งคู่แรกคือหลานอิ๊งค์ กับ อังเคิลฮุน เซน และฮุนเซนก็รู้อยู่ว่าหลานอิ๊งค์ เป็นอย่างไร ดังนั้นถ้าศาลตัดสินหลานอิ๊งค์รอด เป็นนายกฯ ต่อไปได้ ผมว่าฮุนเซน จะแหย่หนักกว่าเดิม ที่ฮุนเซนแหย่ทุกวันนี้ก็เพราะรัฐบาลไทยไม่เข้มแข็ง รัฐบาลกับทหารไปกันคนละทิศ ดูง่าย ๆ รัฐบาลไทยสั่งตัดไฟ ตัดเน็ต เขาตัดแค่ไหนแค่ปอยเปตที่เดียว ไม่ได้ตัดทั้งหมด ซึ่งระบบไฟฟ้ามันเชื่อมต่อกันได้ ตัดที่ 1 ก็แค่ไฟตก มันควรจะตัดหลายจุด เป็น 10 ๆ จุด ดูซิ เขมรจะอยู่ได้หรือไม่ แต่ทำไมรัฐบาลไทยไม่ทำล่ะ”

อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่าถ้านายกฯอิ๊งค์ รอด ฮุนเซนจะแหย่หนักกว่าเดิมก็เพราะว่าฮุนเซน รู้จุดอ่อนของนายกฯ อิ๊งค์ มีสถานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็จริงแต่เรื่องการตัดสินใจก็สู้ฮุนเซนไม่ได้ จึงเป็นจุดอ่อนที่ทำให้รัฐบาลไทยอ่อนแอ แถมเขายังรู้อีกว่าประกาศบอยคอตสินค้าไทยแล้ว แต่ก็ยังมีสินค้าไทยทะลักเข้าไปในกัมพูชาได้โดยอ้อมไปใช้เส้นทางประเทศลาว เพราะต้องพึ่งตลาดกัมพูชาเช่นกัน

“ปิดด่านก็ยังมีขบวนการนำสินค้าเข้าไปขายโดยลงทุนอ้อมผ่านลาว เข้ากัมพูชา ไม่เพียงแค่นั้น รัฐมนตรีพาณิชย์ ก็ยังออกมาพูดเพื่อหาทางจะส่งสินค้าอุปโภคบริโภคโดยเปลี่ยนเส้นทางขนส่งให้ไปเข้าลาวก่อนเข้าไปขายในเขมร ส่วนรองนายกฯ ภูมิธรรม ก็พูดแต่เรื่องค้าขาย เรื่องเศรษฐกิจ แต่ไม่เคยพูดถึงเรื่องการจัดระเบียบชายแดน”

ทั้งที่ความจริงรัฐบาลต้องรู้ว่าปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ทุกวันนี้อยู่ตรงไหน โดยเฉพาะปัญหาอยู่ที่ด่านที่เปิดค้าขาย และเข้าไปจัดระเบียบไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ด่านช่องอานม้า ช่องสะงำ ช่องสายตะกู ช่องจอม เพราะเขมรขนคนเข้ามาอยู่และพยายามที่จะรุกล้ำ ข้ามแดนมาเรื่อย สร้างบ้านสร้างเรือนขยายเข้ามา ไทยก็ประท้วง ด้วย MOU 43 แต่รัฐบาลเขมรก็ไม่หยุด รุกคืบมาตลอด

พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2
พล.ท.กนก อธิบายต่อว่า การรุกคืบและรุกล้ำของทางการเขมรก็เพราะเขาหาช่องทางที่จะเข้าสู่เป้าหมายที่ต้องการคือพื้นที่ทางทะเลที่เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติมากมาก เป็นแหล่งพลังงานที่จะทำให้เศรษฐกิจเขมรดีขึ้น ส่วนปราสาททั้งหลายที่เห็นอยู่นั้นไม่ใช่หมุดหมาย เพราะได้เขาพระวิหารไปแล้วก็ยังบูรณะไม่ได้ คนไม่มาเที่ยว ได้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์

“จุดที่เขาต้องการคือพื้นที่พิพาททางทะเล บริเวณเกาะกูด มันมีมูลค่ามหาศาล เมื่อความต้องการอยู่ตรงนั้น ก็ต้องมีการสู้รบกันแถวนั้น ครั้งที่แล้วเขมรก็ยิงมาแล้ว ครั้งต่อไปเป้าหมายคือลามไปในทะเล ที่กองทัพเรือดูแลอยู่”

เมื่อย้อนไปดูข้อมูลตามที่ พล.ท.กนก อธิบาย ก็คือในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม เขมรเริ่มโจมตีไทยในเขตบริเวณชายแดนจังหวัดตราดและมีการปะทะเกิดขึ้น ซึ่งนาวิกโยธินสังกัดกองทัพเรือ (ทร.) เข้าตอบโต้ ผลักดันและทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชาวางกำลังรุกล้ำเขตแดนไทย ถอยร่นกลับไป ซึ่งในเวลานั้นมีเสียงดังคล้ายปืนใหญ่และระเบิดหลายระลอกและมีแสงไฟสว่างวาบบริเวณเขาบรรทัด บ้านชำราก อ.เมืองตราด ส่งผลให้ผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้ลงนามประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ของจังหวัดตราด และจันทบุรี ในเวลาต่อมา

อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า จุดที่คาดว่าทางการเขมรจะมีการแหย่หนัก คาดว่าจะอยู่ที่บริเวณหลักเขตแดนที่ 72 ซึ่งหลักเขตที่ 72 มันหายไป แต่เส้นเขตแดนจะมี 73หลัก หลักเขตแดนที่ 1 ถูกจัดทำขึ้นที่ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ จะลากยาวไปตามแนวสันปันน้ำตามธรรมชาติไปจนถึงจังหวัดตราด ผ่านหลักเขตแดนที่ 69 จนถึงหลักเขตแดนที่ 72 และจากหลักเขตแดนที่ 72 เป็นเส้นตรงจนถึงหลักเขตแดนที่ 73 ลากยาวลงทะเล จังหวัดตราด

“เขมรมีการย้ายหลักเขต 72 และ 73 เพื่อเข้าไปในเขมร สองพ่อลูกไปเอียงเข้าข้างเขมร จึงวุ่นวายกลายเป็นพื้นที่ที่ยังตกลงกันไม่ได้ ถ้าใช้หลักสากล แบ่งเส้นทางทะเลทุกอย่างก็จบ เกาะกูดก็เป็นของไทยแน่นอน เขมรจะลุกมาเอาเกาะกูดเพราะมาลากเส้นใหม่จนเกิดการกระทบกระทั่ง และเขมรก็ไปดึงศาลโลกเข้ามา กลายเป็นเราเสียเปรียบเหมือนสมยอมเขมรไปแล้ว แถมอธิบดีสนธิสัญญายืนยันแผนที่ 1:200000 ไม่รู้คิดได้อย่างไร ทั้งที่แผนที่มันไม่ได้ทำตามสนธิสัญญา กรมแผนที่ทหารก็ชี้มาแล้ว ว่าแผนที่ 1:200000 เส้นเขตแดน ไม่ได้อยู่บนสันปันน้ำ และลักษณะภูมิประเทศ โดยเฉพาะภูเขา และลำน้ำ ไม่ตรงกับภูมิประเทศจริง มันเป็นแผนที่เก๊ ยังมากอดอยู่ได้ เป็นแผนที่ที่ทำให้ไทยเสียดินแดนตั้งเยอะแยะ 

ผมอยากถามว่านี่เป็นกระทรวงเขมรหรือเปล่า”




อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 บอกต่อว่า ถ้า29 ส.ค.นี้นายกฯ อิ๊งค์ รอด เชื่อว่าเขมรจะรุกหนักและรุกแรงแน่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายพลังงานที่อยู่ใต้ทะเล เพราะฮุนเซน ได้ส่งคนไปเจรจาฝรั่งเศสหรืออเมริกา เพื่อเข้ามาทำธุรกิจพลังงานที่บริเวณพื้นที่ตรงนี้แล้ว แต่ถ้านายกฯ อิ๊งค์ ไม่รอดและได้ นายชัยเกษม นิติสิริ มาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ฮุนเซนเขาก็ต้องดูว่า จะเล่นบทไหนดี เพราะนิสัยของฮุนเซน จะกดคนที่อ่อนแอกว่า

“ถ้าได้อาจารย์ชัยเกษม มาเป็นนายกฯ จะดูมีภาษีมากกว่าอุ๊งอิ๊งค์ เพราะเป็นคนมีความรู้ความสามารถและเป็นนักกฎหมายมาพิจารณากฎหมายทางทะเล ดูเรื่องMOU 43-44 น่าจะได้ดีกว่าแต่ก็ต้องดูองค์ประกอบของ ครม.ด้วยเช่นกัน ”

ด้าน ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งติดตามปัญหาพลังงานในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า ปัจจุบันแหล่งพลังงานในพื้นที่ทะเลรอบเกาะกูดก็ยังเป็นเป้าหมายของกัมพูชาอยู่ ไปดู MOU43 เน้นย้ำที่หลักเขต 73 อย่างเดียว เพราะหลักเขตนี้คือหลักเขตที่จะลากลงทะเล โดยหลักเขต 73 อยู่ตรงสุดเขตแดนไทยใน จ.ตราด ซึ่งแม้แต่ A43 ซึ่งเป็นเรื่องบนบกล้วน ๆ กัมพูชาก็ยังเป็นห่วงเป็นใยหลักเขต 73 โดยกัมพูชาระบุเกี่ยวกับหลักเขตนี้ไว้หลายรอบมาก เพราะไม่ว่าจะเลื่อนเส้นเขตแดนขึ้นเหนือหรือลงใต้ ไม่ว่า 500 เมตร หรือ 1 กิโลเมตร ย่อมมีผลต่อพื้นที่อ่าวไทยทั้งสิ้น ซึ่งพื้นที่ทะเลรอบเกาะกูดเป็นเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ทางรัฐบาลกัมพูชาต้องการเงินเข้ากระเป๋า ส่วนตัวปราสาทต่างๆ ที่กัมพูชาแอบอ้างสิทธินั้นเป็นเป้าหมายเชิงสัญลักษณ์และอัตลักษณ์เพื่อเรียกคะแนนนิยมจากประชาชนเท่านั้น

ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าการปะทะครั้งใหม่นั้นกัมพูชาจะบุกมาทางทะเลนั้น ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ มองว่า ก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากกัมพูชาต้องการให้เกิดการเชื่อมโยงกับพื้นที่เกาะกูด ต้องการให้เกิดการตีความพื้นที่ทางทะเลให้ได้ เพราะตอนนี้ฮุน เซน กำลังถังแตก เขาก็อยากได้เงิน แต่ที่ทหารกัมพูชาต้องไปโจมตีพื้นที่ในแถบอีสานใต้ของไทยซึ่งมีปราสาทต่างๆ ตั้งอยู่นั้นก็เพื่อเคลมว่าปราสาทหินต่างๆ เป็นของเขา พื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นของเขา สร้างเรื่องว่าไทยเป็นตัวร้าย เป็นต้นเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจกัมพูชาพัง ไม่ใช่เพราะสองพ่อลูกตระกูลฮุนที่ไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศ

ที่สำคัญถ้าเคลมพื้นที่บริเวณปราสาทได้ เส้นเขตแดนไทย-กัมพูชาก็จะขยับทั้งแนว ทั้งทางบกและทางทะเล

“ถ้าหลักเขตที่ 73 ขยับ เส้นเขตแดนในอ่าวไทยจะขยับตามไปด้วยทั้งหมด คือเส้นเขตแดนทางทะเลจะลากเป็นเส้นตรง ถ้าเลื่อนขึ้นหรือเลื่อนลง เส้นตรงมันขยับทั้งเส้น จะเสียหายเป็นพันตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว ซึ่งมูลค่าพลังงานรอบเกาะกูดอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านล้านบาท”


ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ วิเคราะห์ต่อว่า คำตัดสินของศาลฯ กรณีนายกฯอิ๊งค์ นั้นมีผลต่อท่าทีของกัมพูชา จะเห็นได้ว่าภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั้นกัมพูชาไม่มีความเกรงใจไทย เพราะเขามองว่ารัฐบาลไทยมีจุดอ่อน เขาก็ขู่จะแฉอย่างนั้นอย่างนี้ เวลากัมพูชาใช้โจมตีไทย รัฐบาลไทยไม่กล้าตอบโต้กลับ มีแต่กองทัพที่ตอบโต้ ขณะที่รัฐบาลอ่อนปวกเปียก กัมพูชาก็ขี่คอเลย แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นรัฐบาลที่กัมพูชาไม่มีหนี้บุญคุณด้วย ฮุน เซน จะไม่กล้าหือกับไทย

“ผมคิดว่าถ้าคุณอุ๊งอิ๊งค์หลุดจากตำแหน่งนายกฯ เปลี่ยนเป็นคุณชัยเกษม สถานการณ์ไทย-กัมพูชาก็ยังแย่เหมือนเดิมเพราะยังเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ยังไงก็ต้องโดนทักษิณสั่ง ทำอะไรไม่ได้”

สำหรับทางออกที่ดีที่สุดนั้น ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ ระบุถ้าจะแก้ปัญหาไทย-กัมพูชาก็ต้องเปลี่ยนให้พรรคอื่นขึ้นมาเป็นรัฐบาล การสั่งการต่างๆ ถึงจะเด็ดขาด เพราะไม่มีหนี้บุญคุณอะไรกัน ได้ข่าวว่านักการเมืองไทยเอาเงินไปแอบไว้ที่กัมพูชาเยอะ โกงแล้วก็เอาเงินไปฝากกันไว้ที่โน่นเพราะไปเปิดบัญชีที่โน่นไม่ต้องใส่ชื่อคนก็ได้ ไปทำธุรกิจอะไรกับเขาเยอะแยะ เลยไม่กล้าสั่งโจมตีกัมพูชาเพราะกลัวเขายึดทรัพย์นั่นเอง!

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


กำลังโหลดความคิดเห็น