xs
xsm
sm
md
lg

‘หมอยง’ ยันเที่ยวได้ทั่วไทยไม่ต้องกลัว ‘โควิด’ ชี้ไม่ว่า ‘สายพันธุ์ไหน’ วงการแพทย์รับมือได้!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ มั่นใจว่าเชื้อโควิด-19 จะไม่ระบาดรอบ 2 แต่ถ้าเกิดระบาดจริงไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหนความรุนแรงไม่ได้ต่างจากกัน วงการแพทย์สามารถควบคุมได้ ทุกสถานพยาบาลทั่วประเทศพร้อม ส่วนวัคซีนคาดได้ใช้กลางปี 2564 แนะคนไทยเดินทางและท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจทั้งเชียงราย เชียงใหม่ จังหวัดชายแดน และทั่วประเทศ ขอเพียงปฏิบัติตามข้อแนะนำไม่เว้นแม้กระทั่งบนเครื่องบิน ห้ามเข้าห้องน้ำ ห้ามกินอาหาร ย้ำอย่าตื่นตระหนกกับสื่อสังคมมีข้อมูลจริงเพียง 20% ด้านประธานสภาอุตฯ มั่นใจรัฐบาลบิ๊กตู่เอาอยู่ และทุกโรงงานมีความพร้อมป้องกันตัวเอง ชี้ชัดระบาดรอบแรกไม่เคยเกิดขึ้นในโรงงาน!

ขบวนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดนภาคเหนือของประเทศไทย กำลังเป็นต้นเหตุสำคัญที่จะทำให้โควิด-19 มีความเสี่ยงเกิดการระบาดในประเทศไทยระลอก 2 หลังพบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากการแพร่ระบาดนอกประเทศ นำเข้ามาภายในประเทศ และจากการเดินทางของคนกลุ่มนี้ทำให้เชื้อโควิด-19 กระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ รวมถึง กทม.ซึ่งมีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิด-19 แล้วถึง 6 คน

ที่สำคัญมีการส่งต่อข้อความ และคลิปเสียงพูดชัดเจนว่าในพื้นที่จังหวัดเชียงรายนั้นมีรายงานจากวงการแพทย์คาดว่ามีผู้ติดเชื้อกว่า 600 คน ซึ่งจะค่อยๆ ปรากฏอาการ และคนกลุ่มนี้เดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ จึงทำให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงสูง และสาหัสมาก พร้อมงดร่วมกิจกรรมต่างๆ เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและแพร่ไปเกือบทั่วทุกภาค ซึ่งอาจทำให้บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อด้วย ส่งผลให้ไม่สามารถดูแลผู้ป่วยจากโควิด-19 ได้อย่างทั่วถึง


ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า จากบทเรียนในการระบาดของโควิด-19 ในรอบแรก จึงเชื่อว่าจะไม่ทำให้เกิดการระบาดในรอบที่ 2 เพราะหากเราย้อนไปดูจะพบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่กลางเดือนมกราคม 2563 ถึงปัจจุบันเป็นเวลาร่วม 1 ปีมาแล้ว ในการระบาดรอบแรก ที่สำคัญเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนมีนาคม เกิดจากการระบาดใหญ่หรือที่เรียกว่า Super Spread จากสถานบันเทิงและสนามมวย เราสามารถควบคุมโรคได้ภายในเวลา 2 เดือน และสามารถควบคุมโรคมาได้ตลอด ด้วยมาตรการที่มีการกักกันผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่มีการระบาดในประเทศไทยเป็นเวลามากกว่า 7 เดือน

จนกระทั่งทั่วโลกและประเทศเพื่อนบ้านมีการระบาดอย่างหนักและมีการลักลอบเข้าประเทศตามแนวชายแดน จึงทำให้พบผู้ป่วยภายในประเทศมากขึ้น

บทเรียนที่สำคัญสำหรับประเทศไทยในการระบาดระลอกแรก และจากประเทศต่างๆ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น การระบาด Super Spread มักจะเกิดขึ้นในสถานเริงรมย์ ผับ บาร์ สนามมวย กิจกรรมทางศาสนา สถานที่อยู่รวมกันของแรงงานต่างด้าว โรงงาน ทำให้เรามีการตื่นตัวในการป้องกันที่จะไม่ให้เกิดการระบาดอย่างรุนแรงในรอบ 2


ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนต้องมีส่วนร่วมในมาตรการต่างๆ ป้องกันการระบาดภายในประเทศ เช่น การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าก่อนออกนอกบ้าน ล้างมือทำความสะอาดอยู่เป็นนิจ หรือใช้ Alcohol Gel ไม่แตะต้องใบหน้า ขยี้ตา และจะทำต่อเมื่อมั่นใจในความสะอาดของมือ กำหนดระยะห่าง โดยเฉพาะเข้าไปในแหล่งชุมชนหรือคนหมู่มาก จะต้องฝากรอยเท้าว่ามาที่นี่ด้วยการสแกน ‘ไทยชนะ’

“เราสามารถเดินทาง ทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ อย่างเข้มแข็ง มีความซื่อสัตย์ บอกความจริงในการสอบสวนโรค ถ้าทุกคนช่วยกัน เรามีความมั่นใจว่าจะไม่ระบาดรอบ 2 หรือถ้าเกิดขึ้นก็อยู่ในสถานะที่ควบคุมได้”

อย่างไรก็ดี มีการปล่อยข่าวจากสื่อสังคมกันอย่างมากมาย ทำให้มีการตื่นตระหนกทั้งที่เป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอม ในบางครั้งในสื่อสังคมจะมีความจริงเพียง 20% และอีก 80% จะเป็นความเห็น ซึ่งการแสดงความเห็นทำให้เกิดการตื่นตระหนก มีผลกระทบทั้งทางด้านจิตใจ สังคมและเศรษฐกิจอย่างมาก

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ระบุว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทยเกิดขึ้นในรอบแรก เป็นสายพันธุ์ที่ได้จากประเทศจีน หรือที่เรียกว่าสายพันธุ์ S ซึ่งจุดเริ่มต้นของสายพันธุ์ในประเทศจีนมี 2 สายพันธ์ คือ สายพันธุ์ S และ L สายพันธุ์ L เมื่อระบาดนอกประเทศจีน จะแตกลูกหลานเป็น V และ G สายพันธุ์ G แพร่ลูกหลานได้เร็วกว่า

ปัจจุบัน สายพันธุ์ G แบ่งเป็น GR GH และ GV ขณะนี้สายพันธุ์ที่พบทั่วโลกเป็นสายพันธุ์ G ถึงร้อยละ 85 จึงไม่แปลกเลยที่การระบาดในรอบใหม่จะเป็นสายพันธุ์ G

ส่วนความรุนแรงของโรคในแต่ละสายพันธุ์ไม่แตกต่างกัน และสายพันธุ์ G ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมในระบบภูมิต้านทาน รวมถึงการพัฒนาวัคซีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็ยังสามารถป้องกันได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การระบาดของเชื้อโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์อะไรจึงไม่แตกต่างกัน


ขณะเดียวกัน บุคลากรทางการแพทย์มีความพร้อมที่จะรองรับการระบาดรอบ 2 ในประเทศไทย เพราะจากประสบการณ์การระบาดในรอบแรก ทำให้ทั้งบุคลากร สถานพยาบาล มีความรู้ ความชำนาญเพิ่มขึ้นในการที่จะดูแลผู้ป่วย และมีการเตรียมความพร้อมได้ดีขึ้น เห็นได้จากมาตรการในการตรวจวินิจฉัย เราสามารถทำได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพและมีความพร้อม สามารถทำได้ทุกจังหวัดในประเทศไทย และมีจำนวนเพียงพอ

“สถานพยาบาลทุกแห่งมีการจัดเตรียมสถานที่ในการรับผู้ป่วยในการควบคุมดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าจะมีการระบาดในประเทศไทยเป็นหลักสิบ หลักร้อยต้นๆ สถานพยาบาลทั่วประเทศก็พร้อมที่จะรองรับได้”

นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมการป้องกันด้วยวัคซีนและคาดว่าประเทศไทยจะมีวัคซีนในการป้องกันอย่างช้าในกลางปี 2564 ส่วนสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ในปัจจุบัน ยืนยันว่ากิจกรรมต่างๆ ยังคงดำเนินต่อไปได้ ไม่มีข้อห้าม โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวสามารถทำได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดใดในประเทศไทย แม้กระทั่งจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ หรือจังหวัดชายแดนที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เพียงแต่ทุกคน จะต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่าจะต้องปฏิบัติตัวในการป้องกันตัวเองและผู้อื่นอย่างเคร่งครัด

“การขึ้นเครื่องบินก็ไม่ได้มีข้อห้าม แต่ควรใส่หน้ากากอนามัย ใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ งดการสนทนา การรับประทานอาหาร การเข้าห้องน้ำ และเมื่อลงจากเครื่องบินก็ควรทำความสะอาดมือ เช่นเดียวกันกับการขึ้นรถสาธารณะ”

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ย้ำว่า ถ้าทุกคนช่วยกันทั้งภาครัฐ และประชาชน การระบาดในรอบ 2 ก็ไม่เกิดขึ้น หรือถ้าเกิดขึ้นก็จะอยู่ในสถานะที่สามารถควบคุมได้ สามารถดูแลและรักษาให้ทุกคนปลอดภัยหรือเกิดการสูญเสียน้อยที่สุด



นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ด้าน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่า แวดวงอุตสาหกรรมไม่ได้ตื่นตระหนกว่าจะเกิดโควิด-19 รอบ 2 เพราะมั่นใจว่ารัฐบาลและมาตรการด้านสาธารณสุขของไทยสามารถรับมือได้ ขณะเดียวกัน คนไทยส่วนใหญ่ก็มีการป้องกันตัวเองอย่างดี อีกทั้งบริษัทห้างร้านต่างๆ มีประสบการณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่แล้ว จึงไม่น่าห่วงอะไร แต่อาจส่งผลทางด้านจิตวิทยาบ้าง โดยเป็นการส่งผลในระยะสั้นๆ

“ส่วนการรับมือการแพร่ระบาดรอบ 2 ของโควิด-19 ของภาคอุตสาหกรรมนั้น แต่ละโรงงานก็มีมาตรการที่เข้มงวดอยู่แล้ว เพราะทุกโรงงานก็ไม่อยากให้กิจการของตัวเองต้องปิดตัวลง จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาไม่มีผู้ป่วยโควิด-19 คนไทยที่ติดเชื้อโควิด-19 จากสถานประกอบการที่ตัวเองทำงานเลย” ประธานสภาอุตสาหกรรม กล่าว








กำลังโหลดความคิดเห็น