xs
xsm
sm
md
lg

“ 4 โหร” ฟันธงดวงเมืองไตรมาส 4 วิกฤต เลือดตกยางออก ธ.ค.นี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



4 โหรเตือนสติคนไทยระวัง 3 เดือนสุดท้ายปี 63 รุนแรงถึงขั้นนองเลือด “โหรฟองสนาน” ชี้ดวงการเมืองล็อกถล่ม เกิดปรากฏการณ์ “หนูท้าชนราชสีห์” ระวังแก๊ส-ควัน-ระเบิด-เลือด ด้าน “อ.ทศพล” เผย ดาวประจำเมืองโคจรเข้าเรือนวินาศ ส่วน “หมอภิญโญ” ระบุปีนี้เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนยุค ขณะที่ “อาจารย์โจ้” แจงเหตุ “ราหูค้นทรัพย์” ทำเศรษฐกิจตกต่อเนื่อง อีกปีกว่าจึงจะดี

จากสถานการณ์บ้านเมืองที่มีหลายปัจจัยรุมเร้า ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเมืองอันร้อนระอุ มีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และจะมีการชุมนุมใหญ่แบบปักหลักพักค้างในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ขณะที่เพียงเริ่มเข้าจับจองพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ก็มีการจับกุมแกนนำเสียแล้ว ทำให้หลายฝ่ายหวั่นวิตกว่าสถานการณ์บ้านเมืองนับจากนี้จะเดินหน้าไปอย่างไร ดวงบ้านดวงเมืองจะซ้ำรอย 14 ตุลาฯ 16 หรือไม่ ภาวะเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร และไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 พอจะมีอะไรที่เป็นความหวังให้ชื่นใจได้บ้างหรือเปล่า?

อาจารย์ทศพล วงศ์ทอง หมอดูด้านโหราศาสตร์ไทย และโหราศาสตร์พม่า
อาจารย์ทศพล วงศ์ทอง หมอดูด้านโหราศาสตร์ไทย และโหราศาสตร์พม่า ชี้ว่า ดวงดาวที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงนี้คือดาวพุธ (หมายถึงการสื่อสาร) โคจรผิดปกติ ทำให้ข่าวสารและการสื่อสารต่างๆ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่ความขัดแย้ง อีกทั้งในเดือน ต.ค.นี้ ดาวอังคารซึ่งเป็นดาวประจำเมือง โคจรถอยหลังเข้าเรือนวินาศของดวงเมือง (ลัคนาของดวงเมืองคือราศีเมษ) เล็งกับพระอาทิตย์ในราศีกันย์ ซึ่งเป็นอริของดวงเมือง ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ เกิดการปะทะ เลือดตกยางออก เกิดความยุ่งยากวุ่นวาย ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องระวังในการเข้าไปควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลให้เหตุการณ์บานปลายได้

ส่วนดวงเมืองที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนหลังของปีนี้ จะเป็นผลที่เกิดจากดาวพระอังคารเดินถอยหลังเล็งดาวพระอาทิตย์ของดวงเมือง ซึ่งจะส่งกระทบต่อเศรษฐกิจ ราหูเข้าเรือนการเงิน ที่เรียกว่า “ราหูค้นทรัพย์” ซึ่งเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว
ส่งผลกระทบต่อรายได้ของประชาชน ทำให้ขาดสภาพคล่อง ปัญหาหนี้สินโดยเฉพาะชนชั้นกลางและรากหญ้า ซึ่งปรากฏการณ์นี้จะส่งผลอีกยาวนาน

ขณะที่ดาวพฤหัสบดี (หมายถึงกฎหมาย และผู้หลักผู้ใหญ่) จะโคจรเข้าราศีมังกรในวันที่ 14 พ.ย. จากนั้นเดือน ธ.ค. ดาวพระเสาร์ (เป็นดาวของความขัดแย้งแตกหัก) จะเดินทางจากราศีธนูเข้าราศีมังกร ดาวพระเสาร์และดาวพฤหัสบดี จะไปกุมกันในราศีมังกร ภพกัมมะ ซึ่งเป็นเรือนชะตาที่ 10 ของดวงเมือง ในวันที่ 5 ธ.ค. จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับบริหารของประเทศ เป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อให้การเงินการคลังอยู่ได้ เปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัย เปลี่ยนแปลงแนวคิด และถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการปรับ ครม. การแก้ไขกฎหมาย การแก้รัฐธรรมนูญ

นางฟองสนาน จามรจันทร์ หมอดูการเมืองชื่อดัง
ขณะที่ นางฟองสนาน จามรจันทร์ หมอดูการเมืองชื่อดัง ได้ทำนายดวงเมืองนับจากนี้ว่า ผลของมฤตยูจรต่อการเมืองและนักการเมืองนั้น (มฤตยูจรทับพระอาทิตย์ 1 ดวงเดิมดาวการเมือง) จะเกิดเรื่องล็อกถล่มชวนตาค้างในทางการเมืองและคนการเมืองจะยังเกิดได้ทุกเมื่อไปจนถึงประมาณเดือน ก.ค.2565

สำหรับเมือง การเมือง บุคคลสำคัญในเมือง และจิตใจของคนในเมืองเหมือนถูกท้าทาย บีบแล้วคลาย คลายแล้วบีบเป็นระยะๆ
ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.เป็นต้นมา รอบนี้ต้องฝ่าฟันไปให้ถึงวันที่ 24 ก.พ.2564 เป็นอย่างน้อย สิ่งที่เราได้เห็นก่อนหน้านี้คือ การท้าทายสถาบันหลักของชาติ แบบหนูท้าชนราชสีห์ให้อึดอัด การชุมนุมของนิสิตนักศึกษา นักเรียน และประชาชน การพยายามกลับไปเป็น 2475 ในนาม 2563 ต่อไปนี้อาการบีบเมืองคาดว่าจะเริ่มแรงอีกช่วงประมาณวันที่ 7 พ.ย.2563 ที่เหมือนเมืองจะเข้าที่คับขันอะไรบางอย่าง คล้ายๆ รัฐบาลถูกข่มขู่ด้วยประเด็นทางเศรษฐกิจหรือค่าของเงิน ต่อด้วยประมาณวันที่ 27 ธ.ค.2563 ถึงวันที่ 24 ก.พ.2564 จะมีความพยายามให้ผู้มีอำนาจในเมืองเสียตะบะแบบหนูท้าราชสีห์อีกรอบ

ขณะที่ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.2563-9 พ.ย.2564 เกณฑ์การเลือกตั้งเปลี่ยนตัวบุคคลท้องถิ่นมาแรง ซึ่งแนวโน้มผลจะออกมาล็อกถล่มเกินคาดคิด ขณะเดียวกัน เกณฑ์เรื่องยำรัฐธรรมนูญโดดเด่น แต่ระหว่างนั้นยังมีเกณฑ์ยุบสภาด้วย

“สำหรับเกณฑ์อุบัติเหตุใหญ่-ฟืนไฟ-น้ำ-อากาศ-แก๊ส-ควัน-ระเบิด-เลือดในเมือง รอบนี้ระวังให้จงหนัก ระหว่างวันที่ 7 พ.ย.2563-27 ธ.ค.2563” นางฟองสนาน ระบุ

โหรฟองสนาน กล่าวต่อว่า จากนั้นตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.2563-1 มี.ค.2566 จะเริ่มปรากฏการณ์ที่ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล แม้จะมั่นคง แต่ต้องแบกภาระหนักทางเศรษฐกิจ และหนี้สินซึ่งเป็นปัญหาอุปสรรคของชาติ และบางจังหวะศัตรูใหญ่รบกัน ไทยหรือรัฐบาลพลอยฟ้าพลอยฝนโดนไปด้วย ขณะเดียวกัน เริ่มปรากฏการณ์ฝ่ายค้านเหมือนคนป่วย ทำอะไรก็ไม่ขึ้น เหมือนคนหมดแรง ต้องระวังจะเสียสมาชิกฝ่ายค้าน ตามตำราบอกว่าควรสวดมนต์ขอให้พระคุ้มครอง

กล่าวโดยสรุป รอบนี้ขอให้คนไทยช่วยกันจับมือพาเมืองผ่านช่วงร้ายมากกว่าดี ไปให้ถึงประมาณวันที่ 24 ก.พ.2564 เป็นอย่างต่ำ หลังจากนั้นไม่ว่าการเมืองจะวุ่นวาย ล็อกถล่มหรือเปลี่ยนแปลงขนาดไหน แต่ด้านเศรษฐกิจจะเริ่มเห็นแววดีตั้งแต่วันเกิดเมือง คือ วันที่ 21 เม.ย.2564 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 21 เม.ย.2565 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มและเป็นปีที่ดีทางเศรษฐกิจมากกว่าร้าย ตลาดหุ้นมีโอกาสทำสถิติใหม่ด้านใดด้านหนึ่ง อีกทั้งเป็นปีที่ดีของการสมานฉันท์ในชาติ

นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ
ขณะที่ นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ระบุว่า ดวงเมืองรัตนโกสินทร์ ดวงกำเนิดขณะนี้มีดาวจรที่น่าพิจารณา คือดาวมฤตยูซึ่งกำลังโคจรตรงราศีเมษ เป็นดาวที่ให้พลังเรื่องการเปลี่ยนแปลง นำมาซึ่งภัยอาเพศ ซึ่งสิ่งที่ไม่เคยเกิดก็จะเกิด โดยดาวมฤตยูย้ายเข้าราศีเมษตั้งแต่ปี 2557 และจะอยู่ไปถึง ก.ค.2565

สำหรับปี 2563 นั้นดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ซึ่งป็นดาวคู่แห่งการเปลี่ยนแปลง ไล่มาทันกัน หรือเรียกว่า “กุมกัน” ครั้งใหญ่ จึงหมายถึง “การเปลี่ยนยุค” ซึ่งการเปลี่ยนยุคจะเกิดขึ้นทุก 20 ปี แล้วแต่ว่าดาวพฤหัสจะไล่มาทันดาวเสาร์ในราศีใด โดยในปี 2563 ดาวพฤหัสไล่มาทันดาวเสาร์ถึง 4 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 เกิดขึ้นไปแล้วเมื่อเดือน เม.ย. และ ก.ค.ที่ผ่านมา

ส่วนครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นในเดือน ต.ค. เนื่องจากดาวพฤหัสกับดาวเสาร์เดินหน้ามาทันกัน ตรงราศีธนู ที่ 26 องศา 31 ลิปดา ในวันที่ 20 ต.ค.2563 ประกอบกับช่วงดังกล่าวดาวอังคารโคจรเดินหน้า-ถอยหลัง ตรงราศีเมษกับราศีมีน ซึ่งดาวอังคารเป็นเทพแห่งสงคราม ความขัดแย้ง ดังนั้น ช่วงดังกล่าวจึงต้องระวังเรื่องความรุนแรง ขณะเดียวกัน ก็ชี้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และครั้งที่ 4 จะเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค. โดยดาวพฤหัสทับซ้อนกับดาวเสาร์พอดี หรือที่เรียกว่า กุมกันสนิท ตรงราศีมังกร ที่ 6 องศา 21 ลิปดา ในวันที่ 21 ธ.ค.2563 ซึ่งชี้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

“ปีนี้ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวอังคาร เกิดโคจรวิปริตพร้อมๆ กัน นอกจากนั้น ดาวมฤตยู ดาวศุกร์ ดาวพุธ ก็โคจรวิปริตด้วย เมื่อคู่แห่งการเปลี่ยนแปลงคือดาวพฤหัสซึ่งเป็นดาวของผู้ใหญ่ ผู้ที่มีฐานะดี และดาวเสาร์ซึ่งเป็นดาวของมหาชน คนส่วนใหญ่ของประเทศ ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ มากุมกัน จึงแสดงถึงการเปรียบเทียบ ความเหลื่อมล้ำ ข้อเรียกร้องเรื่องความยุติธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม มีบางช่วงที่ดาวพฤหัสและดาวเสาร์เล็งกับราหูที่มุมฉาก ทุกฝ่ายจึงต้องระมัดระวังเรื่องความแตกแยก ความรุนแรง และการนองเลือด” โหรภิญโญ ระบุ

อาจารย์โจ้” อาณณัฐ สรรคชา อาจารย์โหราศาสตร์ไทย
สอดคล้องกับ “อาจารย์โจ้” อาณณัฐ สรรคชา อาจารย์โหราศาสตร์ไทย ซึ่งระบุว่า ตอนนี้ดวงเมืองอ่อน เนื่องจากดวงเมือง (กรุงรัตนโกสินทร์) ครบ 238 ปี 5 เดือน เป็นช่วงที่ดาวมฤตยูเดินถอยหลังทับราศีเมษซึ่งเป็นดวงเมือง ขณะที่ดาวพระอังคาร (หมายถึง เจ้าหน้าที่) เดินถอยหลัง เป็นกาลกิณีจร ส่งผลให้เกิดความขัดแย้ง กระทบกระทั่ง เกิดความรุนแรง หรือเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ศึกสงคราม จากนั้นในเดือน พ.ย.ดาวพฤหัสจะย้ายเข้าราศีมังกร ประมาณวันที่ 20 พ.ย. ดาวพระเสาร์เล็งพระจันทร์ (หมายถึงประชาชน มวลชน) ในดวงกำเนิด พระจันทร์เป็นพินทุ แปลว่ามืดบอด ตามตำราว่าจะเสียมากกว่าได้ หมายถึงความพลัดพราก จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

สำหรับด้านเศรษฐกิจนั้น ราหูย้ายเข้าเรือนการเงินในราศีพฤษก ตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เป็นราหูค้นทรัพย์ในดวงเมือง เป็นพินทุบาทว์ หรือจุดเสื่อม จะเกิดความแปรปรวน พลิกผัน คาดการณ์ไม่ได้ การลงทุนจะมีปัญหา ซึ่งความผันผวนทางเศรษฐกิจจะใช้เวลาถึงปีกว่า ราหูไปอยู่ตรงไหนก็จะเกิดความมืดบอด และอีกปีกว่าๆ ราหูจึงจะเคลื่อนไปทับลัคและทับพระอาทิตย์ในดวงเมือง ซึ่งก็ถือว่ายังไม่ดี ดังนั้น ช่วงนี้ทุกฝ่ายต้องมีสติ

นอกจากนั้น สิ่งที่มีอิทธิพลต่อดวงเมืองคือดวงของผู้นำประเทศ ซึ่งตอนนี้พระอาทิตย์ (หมายถึงผู้นำ) ถอยหน้า พระอังคารถอยหลัง พระอาทิตย์สถิตอยู่ในราศีเมษคู่กับลัคนา พระอาทิตย์ได้ตำแหน่งมหาอุต ดาวมฤตยูเข้ามาเป็นอาเพศ จะสร้างปัญหาให้เกิดขึ้น โดยมฤตยูเข้ามาได้ 4 ปีแล้ว และจะยังคงอยู่อีก 2 ปี การที่ดาวมฤตยูเดินถอยหลังจึงเกิดวิปริต ราศีเมษซึ่งเป็นดวงเมืองจะร้อนรน อยู่ไม่เป็นสุข ซึ่งดาวมฤตยูเป็นดาวแห่งการเปลี่ยนแปลง ทำลายล้าง ก่อนจะก่อเกิดขึ้นมาใหม่




กำลังโหลดความคิดเห็น