จับตากลยุทธ์ปั่นกระแสศรัทธา ‘ไอ้ไข่วัดเจดีย์’ ให้อยู่อีกยาว นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นและกรรมการวัดยืนยัน ไอ้ไข่วัดเจดีย์ มีรากเหง้า มีที่สถิตและมีวัดเจดีย์เป็นเจ้าภาพดูแล ส่วนจตุคามฯ ขาดเจ้าภาพจึงดับเร็ว ระบุแรงศรัทธา ‘ไอ้ไข่’ ทำให้ราคาที่ดินพุ่งจากไร่ละ 1-2 แสน เป็น 2 ล้านกว่า นักธุรกิจภูเก็ตสนใจมาลงทุนที่นี่ ส่วนเหรียญปี 46 สูงถึง 2.1 ล้านบาท เศรษฐกิจทั้งจังหวัดพุ่งปรี๊ด พร้อมทำลายเหรียญ ‘ไอ้ไข่’ ที่เป็นอัปมงคล ด้านผู้ปฏิบัติธรรมที่เกี่ยวข้องแนะผู้ที่ได้ประโยชน์ควร ‘เติมบุญ-เติมพลัง’ ส่งอานิสงส์ก่อนที่ไอ้ไข่จะสิ้นพลัง และผู้ศรัทธาจะไม่สามารถ ‘ขอได้’ อีกต่อไป!
ปรากฏการณ์ ‘ไอ้ไข่ฟีเวอร์’ ที่ผู้คนแห่ไปกราบไหว้ สักการะบนบานเพื่อขอโชคขอลาภ กระทั่งมีรูปปั้น ‘ไอ้ไข่’ เกิดขึ้นตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศและสร้างผลประโยชน์ให้แก่ผู้เกี่ยวข้องจนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์และมีคำถามตามมาว่า ‘ไอ้ไข่’ ศักดิ์สิทธิ์จริง หรือผู้คนกำลังงมงายกันแน่?
ขณะเดียวกัน ‘ไอ้ไข่’ ต้นกำเนิด หรือ ‘ไอ้ไข่’ ของแท้ที่ดังเป็นพลุแตก ต้องเป็นไอ้ไข่วัดเจดีย์ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ที่วันนี้กำลังมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย
ล่าสุด พระครูพุทธเจติยาภิมณฑ์ หรืออาจารย์แว่น เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ไอ้ไข่ จ.นครศรีธรรมราช ออกมาบอกให้สังคมได้รู้ว่า ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ ที่คนเมืองนครฯ เคารพศรัทธาบูชามากว่า 100 ปี อยู่ที่วัดเจดีย์ ไม่น่าจะอัญเชิญไปสถิตอยู่ที่ไหนได้ง่าย ดั่งที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเป็นการเกาะกระแส มีเรื่องของเงินทอง จึงไม่อยากให้ผู้คนทั่วไปต้องตกเป็นเหยื่อ พร้อมกับยืนยันว่าทางวัดได้มีการจดลิขสิทธิ์ทุกอย่างที่เกี่ยวกับไอ้ไข่ ทั้งหนังสือประวัติ รูปปั้น ความเป็นมาไว้แล้ว
หากจะพูดกันแบบภาษาบ้านๆ ก็คือ ‘ไอ้ไข่วัดเจดีย์’ เท่านั้นที่เป็นของแท้ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของไอ้ไข่สถิตอยู่ ‘ขอได้ไหว้รับ’ ส่วนไอ้ไข่ที่อื่นๆ จะมี ‘พลัง’ หรืออานุภาพที่จะทำให้ผู้ที่เข้าไปกราบไหว้ หรือบนบานสัมฤทธิผลได้จริงหรือไม่? ย่อมเป็นเรื่องของผู้ศรัทธาต้องเข้าใจกันเอง
อย่างไรก็ดี เรื่องราวของ ‘ไอ้ไข่’ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้มีผู้ปฏิบัติธรรมที่เกี่ยวข้องกับไอ้ไข่วัดเจดีย์ และสร้างจตุคามรามเทพ ที่นครศรีธรรมราช บอกว่ากำลังจะถึงจุดที่น่าห่วงและไม่ต้องการให้กระแสความศรัทธาที่มีต่อ ‘ไอ้ไข่’ เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว แต่แรงศรัทธาที่มีต่อ ‘ไอ้ไข่วัดเจดีย์’ จะยืนยาวได้เพียงใด อยู่ที่องค์ประกอบ 2 ส่วน คือ ความศักดิ์สิทธิ์ของไอ้ไข่ และผู้คนที่ศรัทธา
“ไอ้ไข่ คือเทวดา มีอิทธิฤทธิ์ มีฤทธิ์เดชที่จะให้หรือบันดาล แต่พลังก็มีจำกัด ที่ผ่านมามีแต่ให้ๆๆ จึงจำเป็นต้องมีการเติมพลัง หรือเติมบุญ ด้วยการแผ่ส่วนกุศลหรืออานิสงส์ผลบุญให้แก่ไอ้ไข่ได้แล้ว เรื่องของการจุดประทัดก็เป็นเพียงส่วนเดียว จะต้องมีเรื่องอื่นๆ ที่ผู้ได้ประโยชน์ไปแล้วก็ต้องทำบุญ อุทิศบุญให้ไอ้ไข่ด้วย”
โดยที่ผ่านมาไอ้ไข่ เป็นแต่เพียงผู้ให้ตลอด พลังก็จะอ่อนหรือจะหมดลงได้ เมื่อพลังหมดก็จะปรากฏชัดคือขออะไรไม่ได้ๆๆ ความศรัทธาก็จะลดลงไปเช่นกัน ส่วนคนที่พยายามแก้ด้วยการโปรโมต หรือปั่นกระแสก็จะทำได้ยากขึ้น
สาเหตุที่จะต้องเติมพลังให้แก่ไอ้ไข่ นั้นเป็นเพราะผู้ที่เกี่ยวข้องมีการถอดบทเรียนจากเรื่องของจตุคามรามเทพ ที่เวลานั้นมีแต่คนเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จนเกิดความโลภ และมีการทะเลาะแบะแว้งกันระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องที่เมืองนครฯ ก็เกิดจากเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น
“คนที่เข้ามาแสวงหาประโยชน์ จะอ้างเพื่อการกุศล สร้างสาธารณประโยชน์ แต่เอาเข้าจริง ความโลภทำให้คนพวกนี้ไม่ทำตามที่บอกไว้ คือไม่ให้ทาน ก็รู้กันอยู่ แต่ทำอะไรไม่ได้ มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในเครือข่ายกันเอง แรงศรัทธาต่อองค์จตุคามฯ จึงหายไปอย่างรวดเร็ว”
แต่กรณีของไอ้ไข่วัดเจดีย์ ทั้งเจ้าอาวาสและกรรมการวัดรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องจึงต้องหาวิธีสร้างศรัทธาและปกป้องไอ้ไข่วัดเจดีย์ให้อยู่ได้อีกยาวไกลเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมที่ชุมชนและจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับจากแรงศรัทธาทั่วสารทิศส่งผลให้เศรษฐกิจที่นครศรีธรรมราชเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
‘จำรัส เพชรทับ’ นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นและกรรมการวัดที่คนรู้จักเชื่อว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดและสามารถพูดแทนเจ้าอาวาสได้
แต่อาจารย์จำรัส ปฏิเสธว่าไม่สามารถพูดแทนเจ้าอาวาสได้ แต่อธิบายให้สังคมได้รับรู้ได้ ซึ่งจำรัส บอกว่า จะทำอย่างไรที่จะให้ ‘ไอ้ไข่วัดเจดีย์’ ได้รับแรงศรัทธาจากประชาชนหรืออยู่ในใจไปอีกยาวนานนั้น ก็ต้องเข้าใจก่อนว่า ไอ้ไข่ มีความต่างจากจตุคามรามเทพ
1.ไอ้ไข่วัดเจดีย์ มีรากเหง้า มีประวัติศาสตร์รองรับ คือเกิดที่วัดเจดีย์ บ้านโพธิ์เสด็จ เมืองอลองโบราณ ซึ่งเป็นเมืองตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ส่วนชุมชนวัดเจดีย์ เดิมเป็นวัดร้าง และเกิดนิมิตว่ามีเด็กเฝ้าวัดอยู่คนหนึ่ง ทำให้การบูชาไอ้ไข่ ผ่านมาเป็น 100 ปี จากความเชื่อ ความศรัทธา เป็นจิตวิญญาณที่เป็นหลักยึดมายาวนาน
ต่อมา มีการสร้างรูปเคารพ ผู้คนจึงมาบูชาไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ แต่จตุคามฯ เกิดมาพร้อมยุคโจรผู้ร้ายในเมืองนครศรีธรรมราชเท่านั้น
2.ไอ้ไข่วัดเจดีย์ มีศูนย์กลางที่สถิตอยู่ที่วัดเจดีย์ ชัดเจน ส่วนจตุคามฯ ไม่มีศูนย์กลางฯ บางคนว่าอยู่ที่พระบรมธาตุฯ บางคนว่าอยู่ที่ศาลหลักเมือง เพราะมีการสร้างจตุคามฯ เมื่อปี 2530 เพื่อหารายได้สร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช และมีการสร้างจตุคามฯ วัดต่างๆ ในนครศรีธรรมราชหลายแห่ง
“วัดเจดีย์ ก็คือเจ้าภาพดูแลไอ้ไข่มาตลอด แต่จตุคามฯ ไม่มีเจ้าภาพ ไม่มีที่สถิตชัดเจน เมื่อไอ้ไข่มีเจ้าภาพคือวัดเจดีย์จึงต้องเป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการในพื้นที่ให้ประโยชน์ตกแก่ชุมชนมากที่สุด
3.ไอ้ไข่วัดเจดีย์เป็นเทพสามัญ รากหญ้า ชาวบ้าน แม้จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร แต่ชุมชนฐานรากเดิมยังคงอยู่ ไอ้ไข่ จึงอยู่ในจิตใจของชาวบ้านพื้นถิ่น แต่จตุคามฯ เป็นเทพชั้นสูง เป็นบูรพกษัตริย์ แต่คนเมืองนครฯ ไม่เคยรับรู้เรื่องราว มารู้เมื่อปี 2529-2530 จึงขาดรากเหง้าของชุมชน
เมื่อเกิดแรงศรัทธาต่อไอ้ไข่ ผู้ที่จะได้ประโยชน์จึงเป็นคนในชุมชนและจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่าคนในชุมชนมีเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างไร และเศรษฐกิจในจังหวัดโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โรงแรม ร้านอาหาร บริการรถสาธารณะ การเพิ่มเที่ยวบินมายังเมืองนครฯ เป็นต้น
“ราคาที่ดินในบริเวณวัดพุ่งขึ้นสูงมาก เดิมวัดมีเนื้อที่แค่ 9 ไร่ ก็ได้มีการซื้อที่ดินขยายเพิ่มเป็น 200 ไร่ ราคาที่เคยอยู่ที่ไร่ละ 1-2 แสน ก็ขยับขึ้นเป็นไร่ละ 2 ล้านกว่าบาท เวลานี้นักธุรกิจภูเก็ตก็มาหาซื้อที่ดินเพื่อทำธุรกิจที่นี่”
ด้านวัตถุมงคล หรือเหรียญไอ้ไข่วัดเจดีย์รุ่นแรกๆ เป็นรุ่นหายากมีคนต้องการมากทำให้ราคาปรับสูงขึ้น
“เหรียญทองคำที่ออกมาในปี 2546 ถือเป็นรุ่นที่ 5 ของวัด แต่เป็นรุ่นที่ 1 ของเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ตอนนี้ราคาสูงถึง 2 ล้าน 1 แสนบาท ส่วนเหรียญปี 2562 ขึ้นเป็นหลักแสนบาทแล้ว”
นอกจากนี้ เจ้าอาวาสก็ยังเป็นนักคิด นักพัฒนา มีการจัดระเบียบอย่างดี มีกรรมการดูแลทั้งหมด 10 ชุด เช่น ชุดก่อสร้าง ชุดแสงสี ไฟ ชุดพ่อค้าแม่ค้า ชุดบริการต่างๆ ในวัด ชุดจัดเหมามหรสพ ชุดการเงินเป็นชุดที่ต้องละเอียดรอบคอบ ตรวจสอบได้ เพราะมีธนาคารเข้ามาดูแล เป็นต้น ซึ่งทุกชุดจะขึ้นตรงต่อเจ้าอาวาสโดยตรง เพื่อดูแลจัดการบริหารเพราะผู้คนทั่วสารทิศศรัทธาหลั่งไหลกันมามาก ร้านค้าทุกอย่างจะอยู่ด้านนอกวัด
ตลอดเส้นทางเข้าวัดจะมีร้านค้าเป็นร้อยๆ ร้านตั้งของขาย ซึ่งทุกร้านจะมีประทัดและชุดบูชาไอ้ไข่ มีทั้งชุดทหาร ชุดเด็กเล่น ไก่คู่ รถ ขนมเปี๊ยะ น้ำแดง เป็นต้น
“ลองคิดดูเศรษฐกิจจะสะพัดขนาดไหน ประทัดที่มีการขายกัน 10,000 นัด ราคา 800 บาท เดิมคนจะจุดประทัดแก้บนแค่ 1,000 นัด เดี๋ยวนี้ขั้นต่ำเขาจุดกันที่หมื่นนัดขึ้นไป พวกรายใหญ่ๆ ที่มาบนบาน เมื่อสมหวังก็จะมาแก้บน 8 ล้านนัดบ้าง 4 ล้านนัดบ้าง 3 ล้าน และ 2 ล้านนัดมีหมด”
อาจารย์จำรัส บอกอีกว่า การบริหารจัดการให้วัดเป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธา และมีกิจกรรมทางพุทธศาสนาที่ต่อเนื่อง ทุกชุมชนที่อยู่รอบวัดมีกิจกรรมที่สร้างรายได้ ส่งผลดีไปถึงคนเมืองนครฯ ทั้งหมด จึงต่างก็ต้องช่วยกันดูแลปกป้องไม่ให้คนเข้ามาหาประโยชน์โดยเฉพาะความพยายามสร้างเหรียญไอ้ไข่ออกจำหน่ายอย่างไม่เข้าใจและไม่สนใจจิตวิญญาณซึ่งเป็นแก่นแท้ของความศรัทธาที่มีต่อ ‘ไอ้ไข่วัดเจดีย์’ จึงทำให้เกิดวิกฤตศรัทธาต่อไอ้ไข่ได้เช่นกัน
“เวลานี้มีคนจากหลายแห่งนำวัตถุมงคลไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ ที่สร้างจากพื้นที่อื่นๆ จำนวนมาก มาขอให้ทางวัดเจดีย์ช่วยทำลายหรือฝังดินให้ เพราะจากการสอบถามจึงรู้ว่าตั้งแต่นำไปบูชาได้รับแต่สิ่งที่เป็นอัปมงคล”
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีการนำเรื่องวัตถุมงคลเหล่านี้ไปถามผู้มีความรู้ทางไสยเวทได้รับคำตอบว่าเมื่อไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ไม่สถิต เมื่อมีการถวายของกิน ของเล่น วิญญาณที่มารับจึงไม่ใช่ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ จึงมีอาการแปลกๆ เกิดขึ้น
ส่วนจะเป็นการอุปทานหรือไม่? จึงอยู่ที่ความเชื่อของแต่ละบุคคล! ขณะที่ทางวัดก็มีการทำลายวัตถุมงคลดังกล่าวไปแล้วเช่นกัน
อาจารย์จำรัส ยอมรับว่า เรื่องพลังของไอ้ไข่วัดเจดีย์อ่อนลงได้ แต่ไม่มีทางเป็นศูนย์แน่ ดังนั้น ในเรื่องของการเติมบุญเพื่อเติมพลังให้แก่ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์นั้นทางวัดก็ได้มีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลบุญกันอยู่แล้วโดยเฉพาะชุดไหว้ ชุดบนบาน ที่เป็นเสื้อผ้า ชุดทหารต่างๆ ก็มีการนำไปบริจาคให้เด็กๆ โดยเฉพาะเด็กชาวเขาตลอดมา และเมื่อเร็วๆ นี้วัดก็ยังมีการนำรายได้มอบให้แก่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช 10 ล้านบาท และยังมีการมอบให้สถานที่อื่นๆ อีกมากมาย
“17-19 ตุลาคม วัดเจดีย์จะมีงานทอดกฐินสามัคคี เชื่อว่าจะมีคนหลั่งไหลมาร่วมงานมากเพื่อมาไหว้ไอ้ไข่ และน่าจะได้ยอดกฐินเป็นหลักหลายร้อยล้าน ก็ต้องดูกันอีกที”
ดังนั้น ความร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนและคนเมืองนครฯ ที่จะช่วยกันปกป้อง ‘ไอ้ไข่’ รวมไปถึงการเติมบุญ เติมพลัง ให้แก่ไอ้ไข่วัดเจดีย์ จะทำให้ความศรัทธาที่มีต่อไอ้ไข่วัดเจดีย์ ยังคงมีไปอีกนาน โดยเฉพาะการเสี่ยงโชค เสี่ยงลาภ ที่ปรากฏจากตัวเลขของการจุดประทัด และทุกคนที่จุดก็จะนำเลขประทัดที่ได้ไปเสี่ยงโชค เสี่ยงลาภกันต่อไป
“คนจุดประทัดก็จะมีเลข เมื่อจุดกัน 100 คน ก็ย่อมมีคนถูกแน่นอน เพราะเลขที่ประทัดก็จะมีความหลากหลายไม่ซ้ำกัน ส่วนคนที่มาบนบานส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องขายที่ดิน ทำธุรกิจ ก็ย่อมมีทั้งสมหวังและผิดหวังกันบ้าง คนสมหวังก็จะมีการกระจายข่าวกันไป ถ้ายังคงเป็นแบบนี้ต่อไปความศรัทธาก็ยังมีต่อเนื่อง”
สำหรับการเติมบุญ หรือเติมพลัง ให้แก่ไอ้ไข่วัดเจดีย์นั้น ผู้ปฏิบัติธรรมที่เกี่ยวข้องกับไอ้ไข่วัดเจดีย์ และสร้างจตุคามรามเทพ ย้ำว่าถึงเวลาแล้วที่ผู้คนที่เกี่ยวข้องและได้ผลประโยชน์จาก ‘ไอ้ไข่’ ไปแล้วน่าจะทำบุญ จะด้วยวิธีไหนก็ได้ แต่ขอให้อุทิศบุญไปให้ ‘ไอ้ไข่วัดเจดีย์’ เท่านั้น
เพราะที่ผ่านมา คนเหล่านี้ก็ถือว่า ‘ขอแล้วได้’ เวลานี้จึงเข้าสู่ขั้นของ ‘ไหว้รับ’ นั่นก็คือการไหว้และการอุทิศเพื่อให้ ‘ไอ้ไข่วัดเจดีย์’ ได้รับอานิสงส์บุญต่อไป
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไม่ให้ ‘ไอ้ไข่วัดเจดีย์’ หมดบุญ หรือหมดพลัง...หรือสิ้นกระแสศรัทธาอย่างรวดเร็ว!