วงในเผย ขบวนการนำเข้ารถหรูผิดกฎหมาย ทำกันเป็นเครือข่าย ตั้งแต่ บริษัทนำเข้า ยันไฟแนนซ์ และประกันภัย ใช้กลยุทธ์“ไฟแนนซ์เทอร์โบ”ที่รู้กันเฉพาะวงในดูดลูกค้า โดยมีเจ้าหน้าที่ มาเฟีย นักการเมือง ร่วมเอี่ยว ชี้รถใหม่ทั้งคันซุกตู้คอนเทนเนอร์ สำแดงเท็จเป็นตู้เปล่าขนผ่านท่าเรือ มีเจ้าถิ่นขาใหญ่ช่วยเคลียร์
การลักลอบนำเข้ารถหรูเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีกลายเป็นประเด็นร้อนที่มีหลายแก๊งหลายก๊วนและหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง และท้าทายอำนาจรัฐว่าจะสามารถจัดการกับขบวนการเหล่านี้ได้จริงหรือ? เพราะขบวนการทุจริตดังกล่าวมีความซับซ้อนแยบยลชนิดหลายคนอาจนึกไม่ถึง
ทั้งนี้หากจะไล่เรียงที่มาที่ไปในการลักลอบนำเข้ารถหรูอย่างเป็นขั้นเป็นตอนคงต้องตั้งต้นจาก “Grey Market” หรือผู้นำเข้ารถยนต์อิสระซึ่งไม่ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าของแบรนด์อย่างเป็นทางการ แต่สามารถหาช่องทางในการนำเข้ารถได้ ลูกค้าที่อยากได้ “รถหรูราคาถูก” จะสั่งออเดอร์รถที่ต้องการจาก Grey Market
สำหรับขบวนการของ Grey Market นั้นไม่ใช่มีพียงผู้นำเข้ารถหรูเท่านั้น แต่มักมีผู้มีบารมี ไม่ว่าจะเป็นมาเฟีย นักการเมือง หรือคนมีสี เข้ามาหนุนหลัง และใช้อิทธิพลผสมกับคอนเนกชันช่วยกรุยทางให้ผู้นำเข้าสามารถทำธุรกิจได้โดยสะดวก เพราะหากไม่มีเส้นสายหรือบารมีมากพอคงไม่สามารถทำธุรกิจที่ต้องอาศัยเส้นสนกลในเช่นนี้ได้ และมีไม่น้อยที่ผู้ทรงอิทธิพลเหล่านี้เป็นเจ้าของธุรกิจนำเข้ารถหรูเองอีกด้วย
แน่นอนว่าผู้ที่รับไม้ต่อจาก Grey Market ก็คือ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตนำเข้านั้น ก็คือกรมศุลกากร ซึ่งจากข้อมูลพบว่ารถหรูส่วนใหญ่ถูกนำเข้ามาทั้งคัน ไม่ได้นำเข้ามาเป็นชิ้นส่วนอย่างที่สำแดงต่อศุลกากร โดยวิธีการนำเข้านั้นมักลักลอบซุกซ่อนมาในตู้คอนเทนเนอร์ แต่สำแดงกับกรมศุลกากรว่าเป็นตู้เปล่า
ขณะเดียวกันก็ทำหนังสือแจ้งต่อกรมศุลกากรว่ามีการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์เพื่อเลี่ยงภาษี และเป็นหลักฐานในการขอจดทะเบียนรถจดประกอบต่อไป เนื่องจากการจะนำรถมาขอจดทะเบียน ต้องมีเอกสารอินวอยซ์ที่เสียภาษีศุลกากร แสดงชิ้นส่วนเครื่องยนต์และตัวถัง ถึงจะนำมาจดประกอบเป็นรถที่สมบูรณ์ได้
อีกทั้ง Grey Market ต้องดีลกับโรงงานประกอบรถที่ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิต เพื่อตกแต่งข้อมูลว่ามีการนำชิ้นส่วนรถมาประกอบเป็นรถทั้งคัน เพื่อให้สามารถจดทะเบียนเป็นรถจดประกอบที่ “กรมการขนส่งทางบก” ได้ จากนั้นก็จะนำเอกสารการจดทะเบียนดังกล่าวไปเสียภาษีสรรพสามิตเหมือนรถป้ายแดงทั่วไป ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะทำให้อัตราภาษีที่ต้องจ่ายนั้นอยู่ที่ประมาณ 30-50% ทั้งที่จริง ๆ แล้วการนำเข้ารถหรูทั้งคันจะเสียภาษีสูงถึง 328%
แหล่งข่าวบอกว่า ในความเป็นจริงทุกขั้นตอนมีช่องโหว่ให้เกิดการทุจริตเริ่มตั้งแต่การนำเข้ารถยนต์ใบอินวอยซ์มีโอกาสที่จะเป็นของปลอมที่บริษัทรถยนต์ตัวจริงไม่ได้เป็นผู้ออกให้ หรือแจ้งไม่ตรงความจริงก็ได้ เมื่อมาถึงเมืองไทยเป็นขั้นตอนของศุลกากรก็มีการปล่อยปละละเลยไม่ตรวจเช็กให้ละเอียดว่าถูกต้องหรือไม่อย่างไร ก่อนที่จะออกใบรับรองให้ไปรับสินค้าที่คลังสินค้า
ขณะที่คลังสินค้าก็อาจจะเป็นของบริษัท Grey Market ซึ่งเป็นพวกเดียวกัน ก็รู้อยู่แล้วว่า สินค้าหรือรถหรูที่นำเข้ามาเป็นรถยนต์ประเภทใด และไม่ตรงกับเอกสารรับรองที่กรมศุลกากรออกให้ว่ามีการชำระภาษีเรียบร้อยทั้งภาษีอากรขาเข้า ภาษีสรรพสามิต ภาษีท้องถิ่น และภาษีมูลค่าเพิ่ม
เมื่อไปรับสินค้าที่คลังสินค้าแล้ว ก็มีการออกหนังสือรับรองการนำเข้าหรือแบบ 32 เพื่อไปยื่นจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบก ซึ่งตรงนี้กรมขนส่งทางบกต้องตรวจสอบให้ถูกต้องก่อนให้ป้ายทะเบียนเพราะถ้าเอกสารไม่ตรงกับรถหรูดังกล่าวก็อาจจะเป็นช่องโหว่ให้มีการช่วยเหลือกันได้
ดังนั้นการทำธุรกิจของ Grey Market จึงต้องมีเรื่องของอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อเคลียร์ทุกช่องทางให้ได้รับความสะดวกที่สุด และลูกค้าที่ซื้อรถหรูจากกลุ่มนี้จึงได้รับความสะดวกตั้งแต่ขั้นตอนซื้อ การขอไฟแนนซ์ และการจดทะเบียนเพื่อให้ได้ป้ายทะเบียนออกมาวิ่งบนถนนได้อย่างรวดเร็ว
“ใครอยากได้รถหรูก็ติดต่อไปที่ Grey Market ซึ่งทำหน้าที่เป็นเอเยนต์ เลือกยี่ห้อ เลือกรุ่น เลือกสี ตกลงราคากัน แล้วก็จ่ายมัดจำ Grey Market ก็จะจัดการทุกอย่างแทนลูกค้า โดยเขาจะใช้ชื่อลูกค้าเป็นคนออกคำสั่งซื้อ ตลอดจนติดต่อกับด่านกรมศุลกากร สรรพสามิต และกรมขนส่งทางบก ดำเนินการทุกขั้นตอนจนออกทะเบียนรถได้เรียบร้อย โดยจะคิดค่าบริการแต่ละขั้นตอนจากลูกค้า รวมทั้งอาจมีการจัดหาไฟแนนซ์ให้ลูกค้าด้วย ส่วนนักการเมืองที่เข้ามาเกี่ยวข้องในขบวนการ Grey Market นั้นส่วนใหญ่จะเป็นนักการเมืองเจ้าของพื้นที่ที่มีการนำเข้ารถหรู โดยเฉพาะจุดที่มีท่าเรือ เช่น แหลมฉบัง คลองเตย ขบวนการใต้ดินมันมีหลายกลุ่ม หลายขบวนการ ก็จะมีกลุ่มมาเฟียพื้นที่ กลุ่มมาเฟียระดับประเทศ เข้าเขตนี้ต้องคนนี้ เข้าเขตนั้นต้องคนโน้น เข้าพื้นนี้เขตจังหวัดนี้ ใครดู การเมืองพรรคไหนดู พรรคไหนจับมือกับพรรคไหน ธุรกิจมูลค่ามหาศาลคนธรรมดาทำไม่ได้หรอก ไม่มีเงิน ต้องเป็นนักการเมือง คนมีสี ถึงจะทำได้” แหล่งข่าวระบุ
ทั้งนี้มีข้อมูลที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ ในกลุ่มของขบวนการ Grey Market จริง ๆ แล้วจะมีบริษัทไฟแนนซ์ และบริษัทประกันเข้ามามีส่วนร่วมในการนำเข้ารถหรูผิดกฎหมายด้วย โดยมีศัพท์ที่รับรู้กันในวงการว่า “ไฟแนนซ์เทอร์โบ” เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาสั่งซื้อในเครือข่ายของพวกตัวเอง
ไฟแนนซ์เทอร์โบ เป็นการปล่อยกู้ของบริษัทไฟแนนซ์หรือลีสซิ่ง ในกลุ่มของพวกเขาที่เป็นการปล่อยสินเชื่อแบบไม่ปกติ ปล่อยง่าย รวดเร็ว เงื่อนไขต่ำ แต่ให้วงเงินสูงซึ่งผู้ขายจะจัดให้พร้อมกับมีประกันภัยรถเรียบร้อย
“ไฟแนนซ์หรือลีสซิ่งกลุ่มนี้จะไม่มีแบงก์ใหญ่ ๆ หรือ บริษัทประกันใหญ่ ๆ เข้าไปถือหุ้น เค้าจะทำสัญญากันแบบนี้ เช่นซื้อรถหรูคันนี้ที่ราคา 20 ล้าน เขาจะดาวน์กันแค่ 2 ล้าน และทำสัญญาผ่อนที่ 48 เดือน จะเป็นเงินต้น+ดอกเบี้ย ประมาณ 8 ล้าน ส่วนอีก 10 ล้านบาทจะคิดเป็น “เทอร์โบ” พูดง่าย ๆ 10 ล้านบาทหลังนี้ไม่คิดดอกเบี้ย เป็นการให้เครดิตกันสุด ๆ เมื่อผ่อนหมดก็รับเล่มทะเบียนกันไป”
แหล่งข่าวบอกว่า เมื่อรถหรูมีราคาสูง บริษัทที่จะมาจัดไฟแนนซ์ให้ก็ต้องไม่ธรรมดา และเป็นที่รู้กันในวงการรถหรูว่า ไฟแนนซ์หรือลีสซิ่ง พวกนี้จะเป็นตัวกลางในการซื้อขายรถหรูด้วย ซึ่งหมายถึงว่าบางรายก็เป็น Grey Market ไปในตัว
“เรื่องนี้แบงก์ ไฟแนนซ์ หรือลีสซิ่งใหญ่ ๆ รู้กันดีว่ามีการปล่อยเทอร์โบ แต่ไม่มีบริษัทไหนลงมาเล่นสินเชื่อเทอร์โบ บางรายจะใช้วิธีตั้งบริษัทไฟแนนซ์โนเนมมาเป็นนอมินีแทน คือมันเป็นธุรกิจที่มูลค่ามหาศาล ปีหนึ่ง ๆ หลายหมื่นล้าน เพราะผลประโยชน์จากธุรกิจรถหรู และดอกเบี้ยไฟแนนซ์มันค่อนข้างสูงที่จะสามารถทำกำไรได้ง่ายๆ แถมสินเชื่อเทอร์โบเป็นกลยุทธ์ดูดคนรวย ที่ชอบรถหรู ตัดสินใจเปลี่ยนรถได้ง่าย เมื่อใช้ไปในระยะเวลาหนึ่งทำใ้ห้ธุรกิจรถหรูหมุนเวียนได้อย่างดี"
ดึงนั้นการปราบปรามขบวนการรถหรูหนีภาษี จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่าจะสามารถกวาดล้างได้จริงหรือ หรือเป็นเพียงไฟไหม้ฟางเท่านั้น!?