อดีตแกนนำผู้ชุมนุมทางการเมือง ชี้โครงการสวดธัมมจักฯ ของวัดพระธรรมกายอาจเป็นเพียงกลลวงเบี่ยงเบนความสนใจให้ทุกฝ่ายมุ่งมาที่วัด เปิดทางธัมมชโยหนีสะดวก เชื่อลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยรู้ไม่ทันเกมของวัด เข้ามาด้วยศรัทธา แต่กลายเป็นโล่ชั้นดีที่สกัดไม่ให้ดีเอสไอบุก แปลกใจโฆษกวัดเคยยันธัมมชโยอยู่ในวัด แต่พูดอีกครั้งบอกไม่แน่ใจ หวั่นสับขาหลอก เตือนเจ้าหน้าที่รัฐต้องรอบคอบ ส่วนคนคุมเกมในวัดให้นึกถึงผู้บริสุทธิ์
นับตั้งแต่พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถูกทางการดำเนินคดีร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์และอดีตไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย สั่งจ่ายเช็คมาที่วัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย จนกระทั่งมีการออกหมายจับ และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ขอหมายค้นเพื่อเข้าไปดำเนินการจับกุมเมื่อ 16 มิถุนายน 2559 แต่ไม่สามารถเข้าไปพื้นที่ชั้นในของวัดพระธรรมกายได้ เนื่องจากมีการระดมลูกศิษย์มานั่งสวดมนต์ขวางทางไว้เป็นชั้นๆ และเกรงกันว่าอาจมีผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์ได้จึงต้องยุติการค้นหา
ล่วงเลยมาจนถึงความเห็นของอัยการที่เห็นควรสั่งฟ้องเมื่อ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีเส้นตายเข้ามอบตัวในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 และชัดเจนแล้วว่าพระธัมมชโยไม่ได้เข้ามอบมาตัว จากนี้ไปปฏิบัติการนำตัวพระธัมมชโยเข้ามาสู่กระบวนการพิจารณาคดีจะเริ่มต้นขึ้น
คาดกันว่าครั้งนี้ปฏิบัติการจับกุมตัวพระธัมมชโยน่าจะมีความเข้มข้นมากกว่าครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากอัยการมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องแล้ว แตกต่างจากครั้งก่อนที่อัยการยังไม่มีคำสั่งออกมา
เหมือนรูปแบบชุมนุมทางการเมือง
ทั้งนี้หลังจากที่มีความพยายามที่จะจับกุมตัวพระธัมมชโยมาแล้วครั้งหนึ่ง ทางวัดพระธรรมกายก็มีการป้องกันการเข้าจับกุมของกรมสอบสวนคดีพิเศษในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการใช้ลวดสนามวางบนกำแพงป้องกันการบุกเข้ามาจับกุม จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากและมีการเก็บไปในที่สุด
เช่นเดียวกับการนำเอารถปรับหน้าดินมาจอดขวางทางเข้าออก เมื่อมีภาพถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ ทางวัดก็นำรถออกไป และเปลี่ยนวิธีมาระดมลูกศิษย์เข้ามาที่วัดแทน ทั้งอ้างเรื่องการสวดมนต์ มาให้กำลังใจพระเดชพระคุณหลวงพ่อของพวกเขา และใช้อย่างได้ผลเมื่อวันที่ดีเอสไอนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามา แต่ไม่สามารถเข้าไปถึงตัวพระธัมมชโยได้
หนึ่งในแกนหลักของการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมากล่าวว่า วิธีการที่วัดพระธรรมกายใช้ในการป้องกันการจับกุมตัวพระธัมมชโยนั้น เป็นกระบวนการจำลองมาจากการชุมนุมทางการเมือง จะเรียกว่าคล้ายมากหรือแทบถอดแบบมาก็ว่าได้ มีการวางระบบไว้เป็นชั้นๆ เช่นเดียวกัน เพียงแต่อาจจะแตกต่างกันบ้างตามสถานะขององค์กร
อย่างการเรียกร้องทางการเมือง จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหาร อาจจะมุ่งไปที่เรียกร้องให้รัฐบาลลาออก หรือยุบสภา แต่อย่างวัดพระธรรมกายเป้าหลักคือไม่ให้มีการจับกุมตัวพระธัมมชโย ดังนั้นตัวกิจกรรมที่ออกแบบมาจะต้องใช้หลักทางศาสนามาเป็นตัวกำหนด
เมื่อโจทย์ของทางวัดคือการป้องกันการจับกุมตัวอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย การวางกำลังป้องกันการจับกุมก็ต้องเริ่มกันตั้งแต่ทุกเส้นทางที่จะเข้ามายังวัดพระธรรมกาย เส้นไหนปิดได้ก็ต้องปิด เช่น สะพานลอยที่เชื่อมเข้าวัด และยังมีเวรยามอยู่บนสะพานคอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวบนที่สูง หากมีเจ้าหน้าที่เข้ามาปฏิบัติการก็รายงานเข้าไปที่ศูนย์บัญชาการของวัดเพื่อเตรียมรับมือ
เช่นเดียวกับการติดตั้งลวดหนามรอบวัด หรือนำรถเกรดที่ใช้ในงานก่อสร้างเข้ามาปิดเส้นทางเข้า และมีเวรยามคอยตรวจตรา ก็เป็นอีกยุทธวิธีหนึ่งในการป้องกันพื้นที่ชั้นนอก หากมีการบุกเข้ามาของฝ่ายเจ้าหน้าที่ กว่าที่จะผ่านด่านเหล่านี้ไปได้ก็ทำให้ทุกอย่างช้าลง คนที่อยู่ภายในก็จะทราบและเตรียมรับมือได้ทัน
ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นแนวทางพื้นฐานที่ทุกการชุมนุมใช้กัน การใช้วัสดุหรือการวางเครื่องกีดขวางรวมทั้งเวรยามขึ้นกับสภาพของสถานที่และอุปกรณ์ที่จะหามาได้
วอนลูกศิษย์ตื่นรู้
สำหรับพื้นที่ชั้นในขึ้นกับการออกแบบว่าจะมีกี่ชั้น หากมีคนมากก็วางคนไว้เป็นเครื่องกีดขวางสกัดกั้นการเข้ามาจับกุมแกนนำ อย่างของวัดพระธรรมกาย เขาสร้างกิจกรรมขึ้นมาโดยอ้างเรื่องสวดมนต์จากเดิมที่สวดมนต์ทั่วไปมาเป็นโครงการสวดธัมมจักกัปปวัตนสูต จาก 1 ล้านจบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็น 11.11 ล้านจบ สวดทั้งวันทั้งคืนตลอด 24 ชั่วโมง
ในทางปฏิบัติแล้วไม่มีใครบอกตรงๆ ว่าวิธีการเหล่านี้คือการระดมคนเข้ามาป้องกันการจับกุมตัวพระธัมมชโย แต่คนที่ทำเรื่องการชุมนุมมาก่อนย่อมรู้ดีว่าเป้าหมายหลักคืออะไร เพราะการออกแบบจัดให้มีการสวดมนต์อย่างต่อเนื่องนั้น จะถูกใช้เป็นข้ออ้างต่อสาธารณชนภายนอกว่าเป็นการเข้ามาทำบุญปฏิบัติธรรม คนที่เข้าไปขัดขวางย่อมทำให้ภาพพจน์เสียหาย ถือว่าทางวัดได้สร้างกิจกรรมที่ชาญฉลาดและเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
“จะมีลูกศิษย์สักกี่คนที่เฉลียวใจว่าโครงการสวดมนต์ทั้งวันทั้งคืนและเพิ่มยอดของการสวดไปเรื่อยๆ นั้น เจตนาที่แท้จริงของทางวัดคืออะไร”
ในทางปฏิบัติแล้วบรรดาแกนนำมักจะอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง วางรูปแบบให้มีผู้ชุมนุมด้านหน้าหรือโดยรอบเพื่อป้องกันการเข้ามาบุกจับกุมตัว หรือถ้ามีพื้นที่เอื้ออำนวยมักจะมีช่องทางพิเศษไว้เพื่อการหลบหนีหากสถานการณ์บีบบังคับ
ดึงความสนใจมาที่วัด
เราเชื่อว่าแนวทางของวัดพระธรรมกายก็ไม่แตกต่างจากสิ่งที่เคยทำมาในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง ต้องวางทางหนีทีไล่ไว้ทั้งหมดก่อนที่จะคิดกิจกรรมออกมา และถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องมีช่องทางหลบหนีที่คิดว่าจะปลอดภัยที่สุดไว้เสมอ อย่างตอนนี้คนในวัดพระธรรมกายเองทั้งโฆษกวัดหรือทีมประชาสัมพันธ์ของวัดก็เริ่มออกมาพูดเป็นนัยว่าไม่ได้พบพระธัมมชโยมาหลายเดือน และไม่สามารถให้คำตอบว่าอยู่หรือไม่อยู่ภายในวัด
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้นายองอาจ ธรรมนิทา ออกมายืนยันเมื่อ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อของพวกเขายังอยู่ในวัด
คนที่ทำงานด้านนี้มาก่อนก็พอจะอ่านกันออกว่าแปลความหมายได้ว่าอย่างไร การยืนยันของทีมงานวัดพระธรรมกาย เป็นไปได้ทั้งการพูดจริงและการพูดบิดเบือน คือพระธัมมชโยอาจจะอยู่ในวัดหรือไม่อยู่ในวัดก็ได้ มีแต่ทีมงานที่ใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้
บางทีโครงการสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตร ที่เพิ่มเป้าหมายใหม่เรื่อยๆ นั้น อาจเป็นกลลวงที่ทางวัดออกแบบมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้ฝ่ายตรงข้ามตีความไปเองว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัด การสวดมนต์ตลอด 24 ชั่วโมงเป็นการสร้างเกราะกำบังให้กับพระธัมมชโย
การออกมายืนยันว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดนั้น เป้าหมายคือเพื่อต้องการตรึงให้ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่วัด ในกรณีนี้ตัวพระธัมมชโยอาจหลบหนีออกไปแล้ว แต่ยังคงให้ทีมงานเดินเรื่องการระดมคนเข้าวัดหรือให้ข่าวยืนยันว่ายังอยู่ในวัด ย่อมทำให้การหลบหนีสามารถทำได้สะดวกขึ้น
จี้คนวางเกมนึกถึงผู้บริสุทธิ์
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับทีมงานของวัดพระธรรมกายว่าต้องการให้เป็นแบบใด หากต้องการระดมคนให้มากกว่านี้ย่อมสามารถทำได้ไม่ยาก ด้วยเครือข่ายที่มีอยู่จะระดมพระมามากๆ ก็ทำได้ผ่านพระดังย่านอยุธยาที่เคยแสดงพลังมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภาพของพระสงฆ์มากันมากๆ ย่อมไม่ใช่เรื่องบวกสำหรับสังคมไทยที่นับถือพุทธศาสนาเป็นหลัก หรือหากต้องการฆราวาส สมาพันธ์ฯ ด้านพุทธศาสนา ที่เดินไปในแนวทางเดียวกับวัดพระธรรมกายก็สามารถระดมคนได้ เพราะมีเครือข่ายอยู่ทุกจังหวัด
อย่าลืมว่าวัดพระธรรมกายมีสื่อในมืออย่าง DMC TV ซึ่งเป็นทีวีดาวเทียม และมีสื่อหลักบางแห่งที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ และมีสื่อโซเชียลอีกทุกช่องทาง รวมถึงทีมงานตอบโต้สื่อในนามกองพลจักรพรรดิหัตถ์สวรรค์ มีทัพหน้าอย่างกองพันแก้วกายสิทธิ์ที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิงสูงอายุ
“คงต้องขึ้นกับคนที่มีอำนาจตัดสินใจในวัดพระธรรมกายว่าต้องการจะให้เหตุการณ์ออกมาแบบใด จะสู้แบบใดและจะให้จบลงแบบใด”
เราเชื่อว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมไม่ว่าจะเรียกร้องด้วยวัตถุประสงค์ใด ต่างไม่มีใครต้องการให้คนที่มาร่วมชุมนุมด้วยต้องบาดเจ็บล้มตาย และเราก็เชื่อว่าหากเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปจับกุมตัวพระธัมมชโย คนที่กุมสถานการณ์จะต้องมีวุฒิภาวะและต้องตัดสินใจให้ถูกต้องระหว่างเป้าหมายกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มาชุมนุม
เตรียมการให้ดีเรื่องละเอียดอ่อน
สำหรับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในการจะเข้าไปจับกุมตัวพระธัมมชโยนั้น จะใช้วิธีการเดียวกับการชุมนุมทางการเมืองไม่ได้ เพราะเรื่องศาสนาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน การชิงอธิบายหรือทำความเข้าใจกับมวลชนที่เชื่อมั่นในหลวงพ่อของพวกเขาเป็นสิ่งที่จะต้องทำให้ชัดเจน
อีกทั้งยังต้องหาทางรับมือกับการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างครั้งที่แล้วก็ชัดเจนว่ามีคนที่เคยร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงแฝงเข้าไปร่วมกับผู้ปฏิบัติธรรม แต่เรื่องถูกเปิดเผยออกมาเสียก่อน เพราะหากการเข้าไปจับกุมครั้งนี้เกิดการปะทะจนมีผู้บาดเจ็บนั้นย่อมไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล
นับตั้งแต่พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถูกทางการดำเนินคดีร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์และอดีตไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย สั่งจ่ายเช็คมาที่วัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย จนกระทั่งมีการออกหมายจับ และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ขอหมายค้นเพื่อเข้าไปดำเนินการจับกุมเมื่อ 16 มิถุนายน 2559 แต่ไม่สามารถเข้าไปพื้นที่ชั้นในของวัดพระธรรมกายได้ เนื่องจากมีการระดมลูกศิษย์มานั่งสวดมนต์ขวางทางไว้เป็นชั้นๆ และเกรงกันว่าอาจมีผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์ได้จึงต้องยุติการค้นหา
ล่วงเลยมาจนถึงความเห็นของอัยการที่เห็นควรสั่งฟ้องเมื่อ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีเส้นตายเข้ามอบตัวในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 และชัดเจนแล้วว่าพระธัมมชโยไม่ได้เข้ามอบมาตัว จากนี้ไปปฏิบัติการนำตัวพระธัมมชโยเข้ามาสู่กระบวนการพิจารณาคดีจะเริ่มต้นขึ้น
คาดกันว่าครั้งนี้ปฏิบัติการจับกุมตัวพระธัมมชโยน่าจะมีความเข้มข้นมากกว่าครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากอัยการมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องแล้ว แตกต่างจากครั้งก่อนที่อัยการยังไม่มีคำสั่งออกมา
เหมือนรูปแบบชุมนุมทางการเมือง
ทั้งนี้หลังจากที่มีความพยายามที่จะจับกุมตัวพระธัมมชโยมาแล้วครั้งหนึ่ง ทางวัดพระธรรมกายก็มีการป้องกันการเข้าจับกุมของกรมสอบสวนคดีพิเศษในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการใช้ลวดสนามวางบนกำแพงป้องกันการบุกเข้ามาจับกุม จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากและมีการเก็บไปในที่สุด
เช่นเดียวกับการนำเอารถปรับหน้าดินมาจอดขวางทางเข้าออก เมื่อมีภาพถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ ทางวัดก็นำรถออกไป และเปลี่ยนวิธีมาระดมลูกศิษย์เข้ามาที่วัดแทน ทั้งอ้างเรื่องการสวดมนต์ มาให้กำลังใจพระเดชพระคุณหลวงพ่อของพวกเขา และใช้อย่างได้ผลเมื่อวันที่ดีเอสไอนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามา แต่ไม่สามารถเข้าไปถึงตัวพระธัมมชโยได้
หนึ่งในแกนหลักของการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมากล่าวว่า วิธีการที่วัดพระธรรมกายใช้ในการป้องกันการจับกุมตัวพระธัมมชโยนั้น เป็นกระบวนการจำลองมาจากการชุมนุมทางการเมือง จะเรียกว่าคล้ายมากหรือแทบถอดแบบมาก็ว่าได้ มีการวางระบบไว้เป็นชั้นๆ เช่นเดียวกัน เพียงแต่อาจจะแตกต่างกันบ้างตามสถานะขององค์กร
อย่างการเรียกร้องทางการเมือง จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหาร อาจจะมุ่งไปที่เรียกร้องให้รัฐบาลลาออก หรือยุบสภา แต่อย่างวัดพระธรรมกายเป้าหลักคือไม่ให้มีการจับกุมตัวพระธัมมชโย ดังนั้นตัวกิจกรรมที่ออกแบบมาจะต้องใช้หลักทางศาสนามาเป็นตัวกำหนด
เมื่อโจทย์ของทางวัดคือการป้องกันการจับกุมตัวอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย การวางกำลังป้องกันการจับกุมก็ต้องเริ่มกันตั้งแต่ทุกเส้นทางที่จะเข้ามายังวัดพระธรรมกาย เส้นไหนปิดได้ก็ต้องปิด เช่น สะพานลอยที่เชื่อมเข้าวัด และยังมีเวรยามอยู่บนสะพานคอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวบนที่สูง หากมีเจ้าหน้าที่เข้ามาปฏิบัติการก็รายงานเข้าไปที่ศูนย์บัญชาการของวัดเพื่อเตรียมรับมือ
เช่นเดียวกับการติดตั้งลวดหนามรอบวัด หรือนำรถเกรดที่ใช้ในงานก่อสร้างเข้ามาปิดเส้นทางเข้า และมีเวรยามคอยตรวจตรา ก็เป็นอีกยุทธวิธีหนึ่งในการป้องกันพื้นที่ชั้นนอก หากมีการบุกเข้ามาของฝ่ายเจ้าหน้าที่ กว่าที่จะผ่านด่านเหล่านี้ไปได้ก็ทำให้ทุกอย่างช้าลง คนที่อยู่ภายในก็จะทราบและเตรียมรับมือได้ทัน
ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นแนวทางพื้นฐานที่ทุกการชุมนุมใช้กัน การใช้วัสดุหรือการวางเครื่องกีดขวางรวมทั้งเวรยามขึ้นกับสภาพของสถานที่และอุปกรณ์ที่จะหามาได้
วอนลูกศิษย์ตื่นรู้
สำหรับพื้นที่ชั้นในขึ้นกับการออกแบบว่าจะมีกี่ชั้น หากมีคนมากก็วางคนไว้เป็นเครื่องกีดขวางสกัดกั้นการเข้ามาจับกุมแกนนำ อย่างของวัดพระธรรมกาย เขาสร้างกิจกรรมขึ้นมาโดยอ้างเรื่องสวดมนต์จากเดิมที่สวดมนต์ทั่วไปมาเป็นโครงการสวดธัมมจักกัปปวัตนสูต จาก 1 ล้านจบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็น 11.11 ล้านจบ สวดทั้งวันทั้งคืนตลอด 24 ชั่วโมง
ในทางปฏิบัติแล้วไม่มีใครบอกตรงๆ ว่าวิธีการเหล่านี้คือการระดมคนเข้ามาป้องกันการจับกุมตัวพระธัมมชโย แต่คนที่ทำเรื่องการชุมนุมมาก่อนย่อมรู้ดีว่าเป้าหมายหลักคืออะไร เพราะการออกแบบจัดให้มีการสวดมนต์อย่างต่อเนื่องนั้น จะถูกใช้เป็นข้ออ้างต่อสาธารณชนภายนอกว่าเป็นการเข้ามาทำบุญปฏิบัติธรรม คนที่เข้าไปขัดขวางย่อมทำให้ภาพพจน์เสียหาย ถือว่าทางวัดได้สร้างกิจกรรมที่ชาญฉลาดและเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
“จะมีลูกศิษย์สักกี่คนที่เฉลียวใจว่าโครงการสวดมนต์ทั้งวันทั้งคืนและเพิ่มยอดของการสวดไปเรื่อยๆ นั้น เจตนาที่แท้จริงของทางวัดคืออะไร”
ในทางปฏิบัติแล้วบรรดาแกนนำมักจะอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง วางรูปแบบให้มีผู้ชุมนุมด้านหน้าหรือโดยรอบเพื่อป้องกันการเข้ามาบุกจับกุมตัว หรือถ้ามีพื้นที่เอื้ออำนวยมักจะมีช่องทางพิเศษไว้เพื่อการหลบหนีหากสถานการณ์บีบบังคับ
ดึงความสนใจมาที่วัด
เราเชื่อว่าแนวทางของวัดพระธรรมกายก็ไม่แตกต่างจากสิ่งที่เคยทำมาในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง ต้องวางทางหนีทีไล่ไว้ทั้งหมดก่อนที่จะคิดกิจกรรมออกมา และถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องมีช่องทางหลบหนีที่คิดว่าจะปลอดภัยที่สุดไว้เสมอ อย่างตอนนี้คนในวัดพระธรรมกายเองทั้งโฆษกวัดหรือทีมประชาสัมพันธ์ของวัดก็เริ่มออกมาพูดเป็นนัยว่าไม่ได้พบพระธัมมชโยมาหลายเดือน และไม่สามารถให้คำตอบว่าอยู่หรือไม่อยู่ภายในวัด
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้นายองอาจ ธรรมนิทา ออกมายืนยันเมื่อ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อของพวกเขายังอยู่ในวัด
คนที่ทำงานด้านนี้มาก่อนก็พอจะอ่านกันออกว่าแปลความหมายได้ว่าอย่างไร การยืนยันของทีมงานวัดพระธรรมกาย เป็นไปได้ทั้งการพูดจริงและการพูดบิดเบือน คือพระธัมมชโยอาจจะอยู่ในวัดหรือไม่อยู่ในวัดก็ได้ มีแต่ทีมงานที่ใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้
บางทีโครงการสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตร ที่เพิ่มเป้าหมายใหม่เรื่อยๆ นั้น อาจเป็นกลลวงที่ทางวัดออกแบบมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้ฝ่ายตรงข้ามตีความไปเองว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัด การสวดมนต์ตลอด 24 ชั่วโมงเป็นการสร้างเกราะกำบังให้กับพระธัมมชโย
การออกมายืนยันว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดนั้น เป้าหมายคือเพื่อต้องการตรึงให้ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่วัด ในกรณีนี้ตัวพระธัมมชโยอาจหลบหนีออกไปแล้ว แต่ยังคงให้ทีมงานเดินเรื่องการระดมคนเข้าวัดหรือให้ข่าวยืนยันว่ายังอยู่ในวัด ย่อมทำให้การหลบหนีสามารถทำได้สะดวกขึ้น
จี้คนวางเกมนึกถึงผู้บริสุทธิ์
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับทีมงานของวัดพระธรรมกายว่าต้องการให้เป็นแบบใด หากต้องการระดมคนให้มากกว่านี้ย่อมสามารถทำได้ไม่ยาก ด้วยเครือข่ายที่มีอยู่จะระดมพระมามากๆ ก็ทำได้ผ่านพระดังย่านอยุธยาที่เคยแสดงพลังมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภาพของพระสงฆ์มากันมากๆ ย่อมไม่ใช่เรื่องบวกสำหรับสังคมไทยที่นับถือพุทธศาสนาเป็นหลัก หรือหากต้องการฆราวาส สมาพันธ์ฯ ด้านพุทธศาสนา ที่เดินไปในแนวทางเดียวกับวัดพระธรรมกายก็สามารถระดมคนได้ เพราะมีเครือข่ายอยู่ทุกจังหวัด
อย่าลืมว่าวัดพระธรรมกายมีสื่อในมืออย่าง DMC TV ซึ่งเป็นทีวีดาวเทียม และมีสื่อหลักบางแห่งที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ และมีสื่อโซเชียลอีกทุกช่องทาง รวมถึงทีมงานตอบโต้สื่อในนามกองพลจักรพรรดิหัตถ์สวรรค์ มีทัพหน้าอย่างกองพันแก้วกายสิทธิ์ที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิงสูงอายุ
“คงต้องขึ้นกับคนที่มีอำนาจตัดสินใจในวัดพระธรรมกายว่าต้องการจะให้เหตุการณ์ออกมาแบบใด จะสู้แบบใดและจะให้จบลงแบบใด”
เราเชื่อว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมไม่ว่าจะเรียกร้องด้วยวัตถุประสงค์ใด ต่างไม่มีใครต้องการให้คนที่มาร่วมชุมนุมด้วยต้องบาดเจ็บล้มตาย และเราก็เชื่อว่าหากเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปจับกุมตัวพระธัมมชโย คนที่กุมสถานการณ์จะต้องมีวุฒิภาวะและต้องตัดสินใจให้ถูกต้องระหว่างเป้าหมายกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มาชุมนุม
เตรียมการให้ดีเรื่องละเอียดอ่อน
สำหรับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในการจะเข้าไปจับกุมตัวพระธัมมชโยนั้น จะใช้วิธีการเดียวกับการชุมนุมทางการเมืองไม่ได้ เพราะเรื่องศาสนาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน การชิงอธิบายหรือทำความเข้าใจกับมวลชนที่เชื่อมั่นในหลวงพ่อของพวกเขาเป็นสิ่งที่จะต้องทำให้ชัดเจน
อีกทั้งยังต้องหาทางรับมือกับการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างครั้งที่แล้วก็ชัดเจนว่ามีคนที่เคยร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงแฝงเข้าไปร่วมกับผู้ปฏิบัติธรรม แต่เรื่องถูกเปิดเผยออกมาเสียก่อน เพราะหากการเข้าไปจับกุมครั้งนี้เกิดการปะทะจนมีผู้บาดเจ็บนั้นย่อมไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล