ผลยุติการแข่งขันฟุตบอลในประเทศ ยึดคะแนนเดิมที่มี ทำ “อาร์มี่-ชัยนาท” ตกชั้น 2 สโมสร ท้วงสมาคมฯ ชี้แข่งต่อมีสิทธิ์รอด อ้างมีทีมเข้าข่ายร่วงถึง 7 ทีม แต่เข้าใจสถานการณ์ เสนอทางออกฤดูกาลหน้าเพิ่มเป็น 20 ทีมแก้ปัญหาได้ทุกฝ่าย วงในเผยอาร์มี่ออกหน้าไม่ได้ ส่วน อนุชา นาคาศัย สายตรงเนวิน ออกอาการน้อยใจที่เจอแบบนี้ หวังฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าใจ คาดฤดูกาลหน้ามี 20 ทีมเป็นไปได้สูง
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2559 สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ออกมาประกาศยุติการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก ที่เหลือโปรแกรมการแข่งขันอีก 3 นัด ในวันที่ 19 ตุลาคม 23 ตุลาคม และ 30 ตุลาคม รวมไปถึงนัดตกค้างอีก 2 นัดในวันที่ 26 ตุลาคม 2559
ส่วนฟุตบอลยามาฮ่าลีก ดิวิชั่น 1 เหลือการแข่งขัน 2 นัด วันที่ 22 ตุลาคม 2559 และวันที่ 29 ตุลาคม 2559 รวมไปถึงการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ลีกคัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 15 ตุลาคม และรายการช้าง เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน และรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2559
นอกจากนี้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้สั่งยุติการแข่งขันฟุตบอลทุกรายการที่ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลเป็นผู้ดูแลเช่นกัน
โดยสมาคมฯ ให้เหตุผลถึงการยุติการแข่งขัน เนื่องจากเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่ให้งดการจัดมหรสพ และงานรื่นเริงเป็นเวลา 30 วัน นับจากวันที่ 14 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป และการกีฬาแห่งประเทศไทยขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี
ทั้งนี้สภากรรมการเห็นว่าหากจะจัดการแข่งขัน หลังวันที่ 13 พฤศจิกายน 2559 จะกระทบต่อกำหนดการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ของทีมชาติไทย และการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ที่สมาคมฯ ต้องดำเนินการ และไม่สามารถดำเนินการได้
เนื่องจาก 15 พฤศจิกายน 2559 ทีมชาติไทย ต้องแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กับทีมชาติออสเตรเลีย คิวต่อไป 19 พฤศจิกายน ถึง 17 ธันวาคม 2559 เป็นช่วงเวลาที่มีการแข่งขันฟุตบอลรายการชิงแชมป์อาเซียน แน่นอนว่าจะกระทบต่อการแข่งขันฟุตบอลลีก เนื่องจากนักกีฬาทีมชาติไทยในสโมสรต่าง ๆ ต้องเข้าสู่โปรแกรมการเก็บตัวและฝึกซ้อมของทีมชาติไทย
นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอฟเอ คัพ และลีกคัพ อีก 2 รายการ ที่จะกระทบต่อการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีก หากจัดการแข่งขันฟุตบอลลีก หลังวันที่ 17 ธันวาคม 2559 ก็จะมีผลกระทบกับสโมสร ที่มีสัญญากับนักฟุตบอล สิ้นสุดก่อนวันที่ 17 ธันวาคม 2559 ก็จะไม่สามารถส่งนักกีฬาที่หมดสัญญาเข้าแข่งขันได้ เกิดความได้เปรียบ เสียเปรียบต่อกัน อีกทั้งยังจะมีผลให้สมาคมฯ ส่งชื่อทีมที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ซึ่ง สหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย กำหนดให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 ไม่ทัน
เมืองทองแชมป์- “อาร์มี่-ชัยนาทฯ” ตกชั้น
อย่างไรก็ตาม 15 ตุลาคม 2559 มีคำชี้แจงจากโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า การแข่งขันฟุตบอล สามารถดำเนินการได้ตามโปรแกรมที่กำหนดไว้เดิม สมาคมฯ ได้ทำหนังสือเชิญประชุมสภากรรมการ เพื่อพิจารณาตามที่มีข้อมูลใหม่ในวันที่ 17 ตุลาคม 2559
ผลที่ออกมาคือ มติของ 18 ทีมในโตโยต้า ไทยลีก 17 เสียง ยุติการแข่งขัน และอีก 1 เสียงให้ดำเนินการแข่งขันต่อ และ 9 ทีมให้คงจำนวนทีมไว้ 18 ทีมในปีหน้า มี 6 สโมสรให้เพิ่มเป็น 20 ทีม และอีก 3 สโมสรตามมติของสมาคม
เมื่อยึดจากอันดับตารางคะแนน ทำให้สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นแชมป์โตโยต้า ไทยลีก 2016 ทีมที่ตกชั้น 3 ทีมได้แก่ ชัยนาท ฮอร์นบิล อาร์มี่ ยูไนเต็ด และบีบีซียู ส่วนดิวิชั่น 1 ที่เลื่อนชั้น ได้แก่ ไทยฮอนด้า อุบล ยูเอ็มที และการท่าเรือ เอฟซี
รายการโตโยต้า ลีกคัพ ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ครองแชมป์ร่วมกัน แบ่งเงินรางวัลกันและให้ทั้งสองทีมไปตกลงแบ่งสิทธิ์ในรายการ โตโยต้า พรีเมียร์คัพ และแม่โขงคลับ แชมเปียนชิป
รายการช้าง เอฟเอ คัพ ให้ทั้ง 4 ทีม ได้แก่ ชลบุรี เอฟซี, ชัยนาท ฮอร์นบิล, สุโขทัย เอฟซี และราชบุรี มิตรผล เอฟซี ครองแชมป์ร่วมกัน และแบ่งเงินรางวัลกัน ส่วนสิทธิ์ที่จะได้ไปเล่นถ้วยเอเอฟซี แชมเปียนลีก จะมีการจับสลากหาสิทธิ์ ซึ่งทางชลบุรี เอฟซีขอสละสิทธิ์ ทำให้จะมีเพียงแค่ 3 ทีมเข้าร่วมจับสลากผลคือสุโขทัย เอฟซีได้สิทธิ์นี้ไป
ส่วนในฟุตบอลดิวิชั่น 2 ที่กำลังแข่งขันรอบรองชนะเลิศจะมีการจับสลากหาเพียง 3 ทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในดิวิชั่น 1 ปีหน้า
อยู่ในข่ายตกชั้น 7 ทีม
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากลำดับคะแนนของ 3 ทีมจากไทยลีกที่ถูกปรับตกชั้นคืออาร์มี่ ยูไนเต็ด อันดับ 16 และชัยนาท ฮอร์นบิล อันดับ 17 มี 30 คะแนน ส่วนบีบีซียู 13 คะแนน ขณะที่ทีมอันดับ 15 อย่างซุปเปอร์ พาวเวอร์ และอันดับ 14 ราชนาวี มีคะแนนเท่ากันคือ 31 คะแนน ห่างจากอาร์มี่และชัยนาทแค่ 1 คะแนน ดังนั้นการยกเลิกการแข่งขันที่เหลืออีก 3 นัดจึงทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับทีมอาร์มี่และชัยนาท จึงได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ขอให้สมาคมฯ ทบทวนเรื่องดังกล่าว
นายอนุรุทธิ์ นาคาศัย รองประธานสโมสร ชัยนาท ฮอร์นบิล ระบุว่า ทางสโมสรเห็นด้วยกับการยุติการแข่งขัน แต่ไม่เห็นด้วยกับการจัดอันดับผลการแข่งขันตามตารางการแข่งขัน ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2559 โดยถือเป็นที่สิ้นสุด สโมสรฯเห็นว่าเป็นการไม่ยุติธรรมกับทั้งสโมสรชัยนาท ฮอร์นบิล และสโมสรอาร์มี่ ยูไนเต็ด เพราะยังเหลือการแข่งขันอีกถึง 3 นัด มี 9 แต้มให้เก็บ โดยหากมีการแข่งขันต่อ สโมสรชัยนาท และอาร์มี่ฯ อาจไม่ใช่ทีมที่จะตกชั้นก็ได้ เพราะมีทีมที่อยู่ในข่ายตกชั้นถึง 7 ทีม ที่ห่างกันเพียง 1-5 คะแนน แต่ต้องตกชั้นเพียง 2 ทีม (ไม่นับสโมสรบีบีซียู ที่แต้มที่มีอยู่ไม่เพียงพอแม้ชนะอีก 3 นัดที่เหลือก็ตาม สโมสรบีบีซียูจึงตกชั้นแน่นอนแล้ว)
สโมสรฯ จึงเรียนขอเสนอทางเลือกที่น่าจะดีกับทุกสโมสรและสมาคมฯ โดยให้มีการเพิ่มทีมไทยลีกจาก 18 ทีม เป็น 20 ทีม เพื่อหาทางออกที่เป็นเชิงบวกกับทุกฝ่าย (win-win) และไม่กระทบต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน สโมสรฯ จึงเห็นว่าการให้ทีมตกชั้นเพียง 1 ทีม คงไว้ 17 ทีม ขึ้นจากดิวิชั่น 1 มา 3 ทีม จะทำให้ไทยลีกมี 20 ทีม ในปี 2560 (คล้ายที่เคยเกิดขึ้นในปี 2556) สมาคมแจ้งให้ทราบว่าทีมตกชั้นในปี 2560 มีจำนวน 5 ทีม เพื่อให้เหลือ 18 ทีม ในปี 2561 และควรเลื่อนการเปิดฤดูกาลให้เร็วขึ้นอีกครึ่งเดือนเพื่อรองรับจำนวนนัดเพิ่มขึ้น ถ้าทำได้ดังนี้ สโมสรฯ เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาให้ทุกฝ่ายยอมรับได้
ขอความเป็นธรรมทุกช่องทาง
แหล่งข่าวจากสโมสรที่อาจถูกปรับตกชั้นกล่าวว่า หากสมาคมฯ ยืนยันที่จะมีให้ทั้งอาร์มี่และทางชัยนาทตกชั้น พวกเราก็พร้อมลงไปเล่นในดิวิชั่น 1 แต่สมาคมฯ ก็ต้องมีเหตุผลที่ให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ แต่ตอนนี้หลังจากมีการยื่นอุทธรณ์เข้าไปยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ออกมาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
เราไม่ได้ดึงดันที่จะให้มีการแข่งขันต่อเพราะเข้าใจสถานการณ์ดี เพียงแต่เมื่อสมาคมฯ ตัดสินใจอย่างนี้ก็ควรให้ความเป็นธรรมกับทั้งอาร์มี่และชัยนาทด้วย เพราะโอกาสอีก 3 นัดที่เหลือทั้ง 2 ทีมมั่นใจว่าจะทำคะแนนขึ้นมาพ้นจากเกณฑ์ตกชั้นได้
ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายคือการเพิ่มทีมในฤดูกาลหน้าจาก 18 ทีมเป็น 20 ทีม โดยบีบีซียู มีคะแนนต่ำที่สุด ไม่มีโอกาสที่จะกลับลงไปอยู่ดิวิชั่น 1 และ 3 ทีมจากดิวิชั่น 1 ขึ้นมาตามปกติ ทางออกนี้จะไม่กระทบต่อลีกอื่น ๆ แม้ว่าโปรแกรมการแข่งขันจะเพิ่มขึ้นบ้าง การเปิดไทยลีกให้เร็วขึ้นก็เป็นอีกหนทางแก้ไข
ที่ผ่านมายุคของคุณวรวีร์ก็เคยมี 20 ทีมแต่ด้วยเหตุผลในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ส่วนความกังวลในเรื่องของผลกระทบต่อทีมชาติไทยนั้นอาจมีบ้าง การเปิดลีกให้เร็วขึ้นจะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องทีมชาติได้ทางหนึ่ง แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
การต้องลงไปเล่นในดิวิชั่น 1 มีผลกระทบต่อการบริหารจัดการทีมอยู่ไม่น้อย เพราะไทยลีกได้รับเงินสนับสนุนทีม 20 ล้านบาท ส่วนดิวิชั่น 1 ได้เพียงแค่ 3 ล้านบาท หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในฤดูกาล 2017 สมาคมฯ เคยประกาศว่าเงินสนับสนุนทีมไทยลีก 25 ล้านบาท ดิวิชั่น 1 เป็น 5 ล้านบาท แม้จะได้รับเงินเพิ่มขึ้นแต่ส่วนต่างก็ยังมากอยู่เช่นเดิม
ในการหารือเมื่อ 17 ตุลาคมนั้นมีการโหวตเรื่องจำนวนทีมให้คงไว้ 18 ทีม 9 เสียง เพิ่มเป็น 20 ทีม 6 เสียงและแล้วแต่สมาคมอีก 3 เสียง ดังนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางสมาคมฯ แต่หากทั้งอาร์มี่และชัยนาทต้องลงไปเล่นดิวิชั่น 1 ก็คงต้องพิจารณาเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็มีการดำเนินการยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานต้นสังกัดก่อนอย่างการกีฬาแห่งประเทศไทย และคงเป็นไปตามลำดับในชั้นที่สูงขึ้นไป
เป็นไปได้สูง 20 ทีม
แหล่งข่าวจากวงการฟุตบอลกล่าวว่า ทางออกที่ดีที่สุดของปัญหานี้คือ สมาคมฯ อาจต้องยอมเพิ่มทีมเป็น 20 ทีมในฤดูกาลหน้า เชื่อว่าปัญหาคงยุติลงได้และสโมสรอื่น ๆ คงไม่มีใครคัดค้านเนื่องจากเป็นเรื่องที่จำเป็น
อย่างมติที่ออกมาจริง ๆ แล้วทีมอาร์มี่ก็ไม่เห็นด้วย แต่ด้วยสถานะของทีมไม่สามารถออกหน้าได้มากนัก หรือทีมที่อยู่เหนือจากอาร์มี่และชัยนาทขึ้นไป ผลที่ออกมาเป็นแบบนี้ทำให้พวกเขาลอยตัวทันที ทั้ง ๆ ที่แต้มห่างกัน 1 แต้ม หากแข่งต่อทุกอย่างอาจพลิกผันได้ทั้งหมด แต่เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ 20 ทีมน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
เรื่องผลกระทบต่อทีมชาติ หากเปิดฤดูกาลเร็วขึ้นก็จะทำให้ทีมชาติมีเวลาเตรียมทีมมากขึ้น คนที่อยู่วงการฟุตบอลจะมองออกว่าการก้าวขึ้นไปสู่ระดับเอเชียนั้น ทีมชาติไทยทำได้มาถึงระดับหนึ่งก็จริง แต่ยังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งที่ต้องพัฒนาในทุกด้านเพื่อขึ้นมายืนในระดับเอเชีย ทุกชาติก็เป็นอย่างนี้เหมือนกันทั้งหมด กว่าญี่ปุ่นจะก้าวมาถึงระดับโลกได้ก็ต้องใช้เวลานาน เราเองเพิ่งเริ่มเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น
ดังนั้นการประคับประคองให้ลีกในประเทศเดินหน้าต่อไปได้ สร้างและพัฒนานักฟุตบอลต่อไปเพื่อให้มายืนในระดับเอเชียให้ได้ก่อนจึงเป็นเรื่องจำเป็น
เท่าที่ทราบตอนนี้อย่างทีมชัยนาทของอนุชา นาคาศัย ก็น้อยอกน้อยใจกับการตัดสินใจของสมาคมฯ เพราะทุ่มเททำทีมชัยนาทมาไม่แพ้ทีมใหญ่ ๆ และยังถือว่าเป็นสายเดียวกับของเนวิน ชิดชอบ แห่งบุรีรัมย์ฯ และนายกสมาคมฯ เองก็รู้จักกันดีกับสายนี้
แต่ถึงอย่างไรคงต้องรอการพิจารณาของทางสมาคมฯ อีกครั้งว่าจะมีมติออกมาอย่างไร เมื่อดูจากองค์ประกอบแวดล้อมแล้วยังไม่ได้หมายความว่าทั้งอาร์มี่และชัยนาทจะหมดหวังกับการได้อยู่ในไทยลีก เพราะโอกาสเพิ่มทีมเป็น 20 ทีมก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2559 สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ออกมาประกาศยุติการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก ที่เหลือโปรแกรมการแข่งขันอีก 3 นัด ในวันที่ 19 ตุลาคม 23 ตุลาคม และ 30 ตุลาคม รวมไปถึงนัดตกค้างอีก 2 นัดในวันที่ 26 ตุลาคม 2559
ส่วนฟุตบอลยามาฮ่าลีก ดิวิชั่น 1 เหลือการแข่งขัน 2 นัด วันที่ 22 ตุลาคม 2559 และวันที่ 29 ตุลาคม 2559 รวมไปถึงการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ลีกคัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 15 ตุลาคม และรายการช้าง เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน และรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2559
นอกจากนี้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้สั่งยุติการแข่งขันฟุตบอลทุกรายการที่ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลเป็นผู้ดูแลเช่นกัน
โดยสมาคมฯ ให้เหตุผลถึงการยุติการแข่งขัน เนื่องจากเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่ให้งดการจัดมหรสพ และงานรื่นเริงเป็นเวลา 30 วัน นับจากวันที่ 14 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป และการกีฬาแห่งประเทศไทยขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี
ทั้งนี้สภากรรมการเห็นว่าหากจะจัดการแข่งขัน หลังวันที่ 13 พฤศจิกายน 2559 จะกระทบต่อกำหนดการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ของทีมชาติไทย และการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ที่สมาคมฯ ต้องดำเนินการ และไม่สามารถดำเนินการได้
เนื่องจาก 15 พฤศจิกายน 2559 ทีมชาติไทย ต้องแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กับทีมชาติออสเตรเลีย คิวต่อไป 19 พฤศจิกายน ถึง 17 ธันวาคม 2559 เป็นช่วงเวลาที่มีการแข่งขันฟุตบอลรายการชิงแชมป์อาเซียน แน่นอนว่าจะกระทบต่อการแข่งขันฟุตบอลลีก เนื่องจากนักกีฬาทีมชาติไทยในสโมสรต่าง ๆ ต้องเข้าสู่โปรแกรมการเก็บตัวและฝึกซ้อมของทีมชาติไทย
นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอฟเอ คัพ และลีกคัพ อีก 2 รายการ ที่จะกระทบต่อการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีก หากจัดการแข่งขันฟุตบอลลีก หลังวันที่ 17 ธันวาคม 2559 ก็จะมีผลกระทบกับสโมสร ที่มีสัญญากับนักฟุตบอล สิ้นสุดก่อนวันที่ 17 ธันวาคม 2559 ก็จะไม่สามารถส่งนักกีฬาที่หมดสัญญาเข้าแข่งขันได้ เกิดความได้เปรียบ เสียเปรียบต่อกัน อีกทั้งยังจะมีผลให้สมาคมฯ ส่งชื่อทีมที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ซึ่ง สหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย กำหนดให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 ไม่ทัน
เมืองทองแชมป์- “อาร์มี่-ชัยนาทฯ” ตกชั้น
อย่างไรก็ตาม 15 ตุลาคม 2559 มีคำชี้แจงจากโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า การแข่งขันฟุตบอล สามารถดำเนินการได้ตามโปรแกรมที่กำหนดไว้เดิม สมาคมฯ ได้ทำหนังสือเชิญประชุมสภากรรมการ เพื่อพิจารณาตามที่มีข้อมูลใหม่ในวันที่ 17 ตุลาคม 2559
ผลที่ออกมาคือ มติของ 18 ทีมในโตโยต้า ไทยลีก 17 เสียง ยุติการแข่งขัน และอีก 1 เสียงให้ดำเนินการแข่งขันต่อ และ 9 ทีมให้คงจำนวนทีมไว้ 18 ทีมในปีหน้า มี 6 สโมสรให้เพิ่มเป็น 20 ทีม และอีก 3 สโมสรตามมติของสมาคม
เมื่อยึดจากอันดับตารางคะแนน ทำให้สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นแชมป์โตโยต้า ไทยลีก 2016 ทีมที่ตกชั้น 3 ทีมได้แก่ ชัยนาท ฮอร์นบิล อาร์มี่ ยูไนเต็ด และบีบีซียู ส่วนดิวิชั่น 1 ที่เลื่อนชั้น ได้แก่ ไทยฮอนด้า อุบล ยูเอ็มที และการท่าเรือ เอฟซี
รายการโตโยต้า ลีกคัพ ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ครองแชมป์ร่วมกัน แบ่งเงินรางวัลกันและให้ทั้งสองทีมไปตกลงแบ่งสิทธิ์ในรายการ โตโยต้า พรีเมียร์คัพ และแม่โขงคลับ แชมเปียนชิป
รายการช้าง เอฟเอ คัพ ให้ทั้ง 4 ทีม ได้แก่ ชลบุรี เอฟซี, ชัยนาท ฮอร์นบิล, สุโขทัย เอฟซี และราชบุรี มิตรผล เอฟซี ครองแชมป์ร่วมกัน และแบ่งเงินรางวัลกัน ส่วนสิทธิ์ที่จะได้ไปเล่นถ้วยเอเอฟซี แชมเปียนลีก จะมีการจับสลากหาสิทธิ์ ซึ่งทางชลบุรี เอฟซีขอสละสิทธิ์ ทำให้จะมีเพียงแค่ 3 ทีมเข้าร่วมจับสลากผลคือสุโขทัย เอฟซีได้สิทธิ์นี้ไป
ส่วนในฟุตบอลดิวิชั่น 2 ที่กำลังแข่งขันรอบรองชนะเลิศจะมีการจับสลากหาเพียง 3 ทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในดิวิชั่น 1 ปีหน้า
อยู่ในข่ายตกชั้น 7 ทีม
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากลำดับคะแนนของ 3 ทีมจากไทยลีกที่ถูกปรับตกชั้นคืออาร์มี่ ยูไนเต็ด อันดับ 16 และชัยนาท ฮอร์นบิล อันดับ 17 มี 30 คะแนน ส่วนบีบีซียู 13 คะแนน ขณะที่ทีมอันดับ 15 อย่างซุปเปอร์ พาวเวอร์ และอันดับ 14 ราชนาวี มีคะแนนเท่ากันคือ 31 คะแนน ห่างจากอาร์มี่และชัยนาทแค่ 1 คะแนน ดังนั้นการยกเลิกการแข่งขันที่เหลืออีก 3 นัดจึงทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับทีมอาร์มี่และชัยนาท จึงได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ขอให้สมาคมฯ ทบทวนเรื่องดังกล่าว
นายอนุรุทธิ์ นาคาศัย รองประธานสโมสร ชัยนาท ฮอร์นบิล ระบุว่า ทางสโมสรเห็นด้วยกับการยุติการแข่งขัน แต่ไม่เห็นด้วยกับการจัดอันดับผลการแข่งขันตามตารางการแข่งขัน ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2559 โดยถือเป็นที่สิ้นสุด สโมสรฯเห็นว่าเป็นการไม่ยุติธรรมกับทั้งสโมสรชัยนาท ฮอร์นบิล และสโมสรอาร์มี่ ยูไนเต็ด เพราะยังเหลือการแข่งขันอีกถึง 3 นัด มี 9 แต้มให้เก็บ โดยหากมีการแข่งขันต่อ สโมสรชัยนาท และอาร์มี่ฯ อาจไม่ใช่ทีมที่จะตกชั้นก็ได้ เพราะมีทีมที่อยู่ในข่ายตกชั้นถึง 7 ทีม ที่ห่างกันเพียง 1-5 คะแนน แต่ต้องตกชั้นเพียง 2 ทีม (ไม่นับสโมสรบีบีซียู ที่แต้มที่มีอยู่ไม่เพียงพอแม้ชนะอีก 3 นัดที่เหลือก็ตาม สโมสรบีบีซียูจึงตกชั้นแน่นอนแล้ว)
สโมสรฯ จึงเรียนขอเสนอทางเลือกที่น่าจะดีกับทุกสโมสรและสมาคมฯ โดยให้มีการเพิ่มทีมไทยลีกจาก 18 ทีม เป็น 20 ทีม เพื่อหาทางออกที่เป็นเชิงบวกกับทุกฝ่าย (win-win) และไม่กระทบต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน สโมสรฯ จึงเห็นว่าการให้ทีมตกชั้นเพียง 1 ทีม คงไว้ 17 ทีม ขึ้นจากดิวิชั่น 1 มา 3 ทีม จะทำให้ไทยลีกมี 20 ทีม ในปี 2560 (คล้ายที่เคยเกิดขึ้นในปี 2556) สมาคมแจ้งให้ทราบว่าทีมตกชั้นในปี 2560 มีจำนวน 5 ทีม เพื่อให้เหลือ 18 ทีม ในปี 2561 และควรเลื่อนการเปิดฤดูกาลให้เร็วขึ้นอีกครึ่งเดือนเพื่อรองรับจำนวนนัดเพิ่มขึ้น ถ้าทำได้ดังนี้ สโมสรฯ เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาให้ทุกฝ่ายยอมรับได้
ขอความเป็นธรรมทุกช่องทาง
แหล่งข่าวจากสโมสรที่อาจถูกปรับตกชั้นกล่าวว่า หากสมาคมฯ ยืนยันที่จะมีให้ทั้งอาร์มี่และทางชัยนาทตกชั้น พวกเราก็พร้อมลงไปเล่นในดิวิชั่น 1 แต่สมาคมฯ ก็ต้องมีเหตุผลที่ให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ แต่ตอนนี้หลังจากมีการยื่นอุทธรณ์เข้าไปยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ออกมาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
เราไม่ได้ดึงดันที่จะให้มีการแข่งขันต่อเพราะเข้าใจสถานการณ์ดี เพียงแต่เมื่อสมาคมฯ ตัดสินใจอย่างนี้ก็ควรให้ความเป็นธรรมกับทั้งอาร์มี่และชัยนาทด้วย เพราะโอกาสอีก 3 นัดที่เหลือทั้ง 2 ทีมมั่นใจว่าจะทำคะแนนขึ้นมาพ้นจากเกณฑ์ตกชั้นได้
ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายคือการเพิ่มทีมในฤดูกาลหน้าจาก 18 ทีมเป็น 20 ทีม โดยบีบีซียู มีคะแนนต่ำที่สุด ไม่มีโอกาสที่จะกลับลงไปอยู่ดิวิชั่น 1 และ 3 ทีมจากดิวิชั่น 1 ขึ้นมาตามปกติ ทางออกนี้จะไม่กระทบต่อลีกอื่น ๆ แม้ว่าโปรแกรมการแข่งขันจะเพิ่มขึ้นบ้าง การเปิดไทยลีกให้เร็วขึ้นก็เป็นอีกหนทางแก้ไข
ที่ผ่านมายุคของคุณวรวีร์ก็เคยมี 20 ทีมแต่ด้วยเหตุผลในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ส่วนความกังวลในเรื่องของผลกระทบต่อทีมชาติไทยนั้นอาจมีบ้าง การเปิดลีกให้เร็วขึ้นจะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องทีมชาติได้ทางหนึ่ง แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
การต้องลงไปเล่นในดิวิชั่น 1 มีผลกระทบต่อการบริหารจัดการทีมอยู่ไม่น้อย เพราะไทยลีกได้รับเงินสนับสนุนทีม 20 ล้านบาท ส่วนดิวิชั่น 1 ได้เพียงแค่ 3 ล้านบาท หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในฤดูกาล 2017 สมาคมฯ เคยประกาศว่าเงินสนับสนุนทีมไทยลีก 25 ล้านบาท ดิวิชั่น 1 เป็น 5 ล้านบาท แม้จะได้รับเงินเพิ่มขึ้นแต่ส่วนต่างก็ยังมากอยู่เช่นเดิม
ในการหารือเมื่อ 17 ตุลาคมนั้นมีการโหวตเรื่องจำนวนทีมให้คงไว้ 18 ทีม 9 เสียง เพิ่มเป็น 20 ทีม 6 เสียงและแล้วแต่สมาคมอีก 3 เสียง ดังนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางสมาคมฯ แต่หากทั้งอาร์มี่และชัยนาทต้องลงไปเล่นดิวิชั่น 1 ก็คงต้องพิจารณาเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็มีการดำเนินการยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานต้นสังกัดก่อนอย่างการกีฬาแห่งประเทศไทย และคงเป็นไปตามลำดับในชั้นที่สูงขึ้นไป
เป็นไปได้สูง 20 ทีม
แหล่งข่าวจากวงการฟุตบอลกล่าวว่า ทางออกที่ดีที่สุดของปัญหานี้คือ สมาคมฯ อาจต้องยอมเพิ่มทีมเป็น 20 ทีมในฤดูกาลหน้า เชื่อว่าปัญหาคงยุติลงได้และสโมสรอื่น ๆ คงไม่มีใครคัดค้านเนื่องจากเป็นเรื่องที่จำเป็น
อย่างมติที่ออกมาจริง ๆ แล้วทีมอาร์มี่ก็ไม่เห็นด้วย แต่ด้วยสถานะของทีมไม่สามารถออกหน้าได้มากนัก หรือทีมที่อยู่เหนือจากอาร์มี่และชัยนาทขึ้นไป ผลที่ออกมาเป็นแบบนี้ทำให้พวกเขาลอยตัวทันที ทั้ง ๆ ที่แต้มห่างกัน 1 แต้ม หากแข่งต่อทุกอย่างอาจพลิกผันได้ทั้งหมด แต่เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ 20 ทีมน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
เรื่องผลกระทบต่อทีมชาติ หากเปิดฤดูกาลเร็วขึ้นก็จะทำให้ทีมชาติมีเวลาเตรียมทีมมากขึ้น คนที่อยู่วงการฟุตบอลจะมองออกว่าการก้าวขึ้นไปสู่ระดับเอเชียนั้น ทีมชาติไทยทำได้มาถึงระดับหนึ่งก็จริง แต่ยังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งที่ต้องพัฒนาในทุกด้านเพื่อขึ้นมายืนในระดับเอเชีย ทุกชาติก็เป็นอย่างนี้เหมือนกันทั้งหมด กว่าญี่ปุ่นจะก้าวมาถึงระดับโลกได้ก็ต้องใช้เวลานาน เราเองเพิ่งเริ่มเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น
ดังนั้นการประคับประคองให้ลีกในประเทศเดินหน้าต่อไปได้ สร้างและพัฒนานักฟุตบอลต่อไปเพื่อให้มายืนในระดับเอเชียให้ได้ก่อนจึงเป็นเรื่องจำเป็น
เท่าที่ทราบตอนนี้อย่างทีมชัยนาทของอนุชา นาคาศัย ก็น้อยอกน้อยใจกับการตัดสินใจของสมาคมฯ เพราะทุ่มเททำทีมชัยนาทมาไม่แพ้ทีมใหญ่ ๆ และยังถือว่าเป็นสายเดียวกับของเนวิน ชิดชอบ แห่งบุรีรัมย์ฯ และนายกสมาคมฯ เองก็รู้จักกันดีกับสายนี้
แต่ถึงอย่างไรคงต้องรอการพิจารณาของทางสมาคมฯ อีกครั้งว่าจะมีมติออกมาอย่างไร เมื่อดูจากองค์ประกอบแวดล้อมแล้วยังไม่ได้หมายความว่าทั้งอาร์มี่และชัยนาทจะหมดหวังกับการได้อยู่ในไทยลีก เพราะโอกาสเพิ่มทีมเป็น 20 ทีมก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน