xs
xsm
sm
md
lg

เสื้อแดงปรับแนวรบสู้บนโลกไซเบอร์ เปิดสอนเทคนิคพรางตัวถล่ม ‘บิ๊กตู่’ อุ้ม ‘ยิ่งลักษณ์’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เสื้อแดง” เปลี่ยนยุทธวิธีการต่อสู้ จากการเรียกร้องด้วยการจัดม็อบชุมนุมในสถานที่ต่างๆ มาเป็นการถล่มด้วยโลกไซเบอร์ อาศัยจังหวะคนต้านโครงการซิงเกิลเกตเวย์ “ผสมโรงร่วมถล่ม F5” ใส่เว็บไซด์รัฐบาล อีกทั้งขยายแนวคิดหาแนวร่วมคนเก่งรุ่นใหม่ ฝึกไอทีสอนวิธีพรางตัวบนโลกไซเบอร์ไม่ให้โดนตาม และตอบโต้รัฐบาลบิ๊กตู่ จากนั้นต่อยอดนำมาสู่การนัดหมายครั้งสำคัญ ในปฏิบัติการรวมพลังให้กำลังใจ “ปู ยิ่งลักษณ์” ในการพิจารณาคดีรับจำนำข้าววันที่ 1 พฤศจิกายน

ปัญหาการต่อต้าน “ซิงเกิลเกตเวย์” ที่เพิ่งผ่านมา ไม่ได้เป็นปัญหาในมิติไซเบอร์เพียงอย่างเดียว นอกจากจะมีการประท้วงจากกลุ่มคนในโลกไอทีที่ออกมาแสดงความไม่พอใจกับนโยบายนี้แล้ว ซิงเกิลเกตเวย์ยังกลายเป็นปัญหาที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดงหยิบยกขึ้นมาดิสเครดิตรัฐบาล และยังต่อยอดไปสู่การรวมพลของกลุ่มบุคคลที่เป็นสีเดียวกัน

เห็นได้จากการใช้วาระที่คนเห็นต่างออกมาแสดงความคิดต่อต้านนโยบายซิงเกิลเกตเวย์นั้น เพจที่มีแนวคิดสนับสนุนคนเสื้อแดง มีการให้ข้อมูลข่าวสารแสดงความเห็นด้วยและสนับสนุนกับแนวทางของเพจ “พลเมืองต่อต้านซิงเกิลเกตเวย์” เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน

รวมทั้งเพจเสื้อแดงยังได้ออกมาแสดงท่าทีแสดงความพอใจและเห็นด้วย ที่เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมาเป็นชัยชนะ เพราะกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดังระดับโลก สามารถถล่มเจาะเว็บไซต์รัฐบาลไทย เช่น เจาะฐานข้อมูลบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (CAT Telecom Public Company Limited) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในรูปแบบบริษัทมหาชน สังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ อีกหลายเว็บที่ล่มใช้งานไม่ได้ไปตามกัน เช่น  เว็บไซต์กระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ดังกล่าว ภาครัฐได้ออกมาแสดงจุดยืนและความชัดเจนของโครงการ Single Gateway โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนโยบายซิงเกิลเกตเวย์เป็นเพียงแนวทางที่อยู่ในขั้นตอนศึกษาถึงวิธีการที่เหมาะสม เพื่อป้องกันให้ระบบอินเทอร์เน็ตของประเทศปลอดภัยจากการถูกเจาะข้อมูลเท่านั้น ซึ่งจะดำเนินการอย่างไรนั้น ต้องมีการประชุม ครม.และฟังความคิดเห็นจากประชาชนก่อนถึงจะดำเนินการได้

เปิดหลักสูตรสร้างนักรบใหม่

แผนการเปิดศึกไซเบอร์จากนี้ไป ยังมีการนัดหมายคนให้เข้าร่วมถล่มเว็บรัฐบาลคสช.ในโลกไซเบอร์ทุกสัปดาห์ นับว่าแนวรบในการชุมนุมแสดงพลังบนท้องถนน การสร้างวาทกรรมปราศรัย ปลุกระดม ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นการรบบนโลกไซเบอร์ที่ใครๆ ก็มีความพร้อม สามารถทำได้ และยากในการจับตัว เพราะมีการพัฒนาเปิดหลักสูตรพรางตัว ให้มีการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ

ซึ่งวิธีการต่อสู้ในโลกไซเบอร์ของกลุ่มเสื้อแดง มีการเปิดหลักสูตรนักรบไซเบอร์เข้าเป็นสมาชิก Thailand F5 Cyber Army มีสูตรการแฮ็กระดับพื้นฐาน ระดับกลางไปจนถึงระดับสูง นอกจากนั้นยังมีการสอนสาวกให้ใช้คอมพิวเตอร์และมือถือในการพรางตัว สอนขั้นตอนอย่างละเอียดในการโหลดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือโมบายแอปพลิเคชัน ที่มีคุณสมบัติในการพรางตัวไม่ให้เห็น IP address ตลอดจนสอนการโพสต์ไม่ให้โดนตาม แนะนำคนที่จะเข้าร่วมขบวนการให้เปิดอีเมล เฟซบุ๊ก และโซเชียลมีเดียอื่นๆ ในยูสเซอร์ใหม่ โดยไม่ระบุตัวตนที่จะเชื่อมโยงไปถึงเครื่องโทรศัพท์, หมายเลขโทรศัพท์จริง และบัตรประชาชน รวมถึงไม่ใช้เฟซบุ๊กเปิดหน้าพูดคุย เพื่อหลบหลีกไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐติดตามเอาผิดได้

“เพจคนเสื้อแดงจะเป็นสื่อกลางเพื่อบอกวิธีการให้สมาชิกทราบทุกขั้นทุกตอน เพื่อร่วมต่อสู้ไปพร้อมๆ กันโดยที่รัฐไม่สามารถเอาผิดเราได้”

ล่าสุด ยังขยายแนวรุกมาสู่การปลุกระดมให้คนเสื้อแดงออกมาแสดงพลัง เพื่อให้กำลังใจอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เริ่มต้นด้วยการนัดหมายกิจกรรมสำคัญ ในวันที่ 29 ตุลาคม ที่ศาลฏีกา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เวลา 09.00น. และต่อเนื่องด้วยอีกนัดที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การปลุกระดมแฟนพันธุ์แท้ให้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2558

อย่างไรก็ตามแม้ว่าแคมเปญใส่เสื้อแดงเริ่มนำร่องจากโซเชียลมีเดีย ได้รับการหนุนจากนายแพทย์เหวง โตจิราการ และนายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ปิดกั้นสมาชิกสวมเสื้อแดง ขณะเดียวกันยังได้พลังจากกลุ่ม นปช.17 จังหวัดภาคเหนือ ที่เรียกคนเสื้อแดงให้ออกมาแสดงพลังก็ตาม
 นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายขวัญชัย ไพรพนา
แต่ในระดับแกนนำอย่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ และกล่าวว่า ใครที่ใส่เสื้อแดงในนัดหมายเป็นแดงเทียม พร้อมกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นแผนทำลายที่รัฐบาลจะจัดการกับคนเสื้อแดงอย่างเป็นทางการ และขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวว่า การแสดงความรักอยู่ในใจได้ ไม่จำเป็นต้องแสดงออก ซึ่งสื่อให้เห็นว่าการปลุกระดมขาดท่อน้ำเลี้ยงหนุนจากนายใหญ่และนายหญิง จึงทำให้ขาดกำลังสนับสนุนของกลุ่มนายจตุพรและกลุ่มแดงอีสานไปโดยปริยาย

เปิดสงครามไซเบอร์แทนที่ม็อบ

แหล่งข่าวในวงการโลกไซเบอร์ ระบุว่า การที่เพจเสื้อแดงใช้วาระของการต่อต้านซิงเกิลเกตเวย์ มาผสมโรงนัดหมายกันปฏิบัติภารกิจครั้งสำคัญนั้นสื่อให้เห็นความไม่พอใจนโยบายที่รัฐบาลจะนำซิงเกิลเกตเวย์มาใช้ ไม่ใช่เป้าหมายอย่างเดียว แต่เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า “เสื้อแดงกำลังเปลี่ยนยุทธวิธีการต่อสู้ จากชุมนุมในสถานที่ต่างๆ มาเป็นการถล่มในโลกไซเบอร์ ซึ่งการหาขุมกำลังคนรุ่นใหม่ที่เก่งไอที และกำลังจะมาแทนที่การชุมนุมประท้วงในสถานที่ต่างๆ ถือเป็นวิธีการรวมพลง่ายที่สุด ในการหลบเลี่ยงมาตรา 44 ไม่ต้องออกมาชุมนุมภาคสนาม โดยใช้ยุทธศาสตร์เกาะติดปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งจากการศึกษานโยบายซิงเกิลเกตเวย์ของรัฐบาล การพิจารณาคดีจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ และการล้มพรรคเพื่อไทยมาเป็นตัวจุดชนวน เพราะรู้ว่าการชุมนุมไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา แต่การต่อกรกับรัฐบาลด้วยไซเบอร์ที่มีคนรุ่นใหม่เก่งไอทีเข้ามาเป็นแนวร่วมจะเข้ากับยุคสมัยและเพิ่มกำลังพลได้มากกว่าการต่อสู้แบบที่ผ่านมา

“วันนี้คนเสื้อแดงจะไม่ออกมาเรียกร้องโดยใช้ม็อบยึดพื้นที่สาธารณะเช่นเคย แต่จะยึดสมรภูมิไซเบอร์ โดยใช้โซเชียลมีเดียและความเก่งของคนในโลกไอทีเข้ามาเดินเกมเพื่อจะต่อกรกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และหากมีการจับกลุ่มเสื้อแดงที่มีความรู้ด้านไอที ก็จะสามารถหาวิธีการอื่นมาตอบโต้ได้ ไม่ว่ารัฐบาลคิดจะทำอะไร กลุ่มนี้จะติดตามและหาเทคนิคต่างๆ ที่จะต่อสู้กับรัฐบาล เรียกได้ว่า เสื้อแดงปรับยุทธวิธีแบบใหม่”

เซียนไซเบอร์ต้องสมาร์ทแบบมีสติ

ด้านผู้เชี่ยวชาญทางระบบคอมพิวเตอร์และความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ อาจารย์ปริญญา หอมเอนก กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคแห่งการทำสงครามไซเบอร์ และสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันนี้ไม่ใช่เรื่องเทคนิคเพียงมิติเดียว มีการคุกคามเจาะเว็บไซต์เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เผยแพร่หน้าเว็บหรือขโมยไฟล์ข้อมูลที่สําคัญไปทําประโยชน์ (Web Defacement, Data Leakage หรือ DDoS Attack)

แต่สิ่งที่น่ากลัวและกำลังทวีความรุนแรงขึ้นในสังคมไทยก็คือ สงครามไซเบอร์ที่มีผลต่อแนวความคิด ความเชื่อและทัศนคติของคน ไม่ใช่การกระทำต่อคอมพิวเตอร์เท่านั้น เรียกได้ว่า จิตวิทยามวลชนที่ใช้ปฏิบัติการทางข้อมูลข่าวสาร (Information Operation) โดยใช้โครงข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมืออย่างเป็นระบบและเต็มรูปแบบ

“ดังนั้นก่อนที่เราจะตกเป็นเหยื่อของ “Cyber Bullying” โดยไม่รู้ตัว จึงอยากขอให้ทุกคนใช้ “สติ” กันให้มาก ควรสืบค้นข้อมูลให้ได้ข้อเท็จจริงก่อนเชื่อและตัดสินใจ เราสามารถชนะในสมรภูมิไซเบอร์ได้ ถ้าไม่ด่วนสรุปหลงเชื่อข้อมูลต่างๆ ที่มีการบอกต่อกันในโลกโซเชียลมีเดีย (viral/seeding)” อาจารย์ปริญญา กล่าว

การเปลี่ยนยุทธวิธีรบของคนเสื้อแดง ถือว่าเป็นภารกิจหนักของรัฐบาล ที่จะประมาททีมเสนาธิการด้านไอทีของคนเสื้อแดงไม่ได้ เพราะมีคนเก่งทางโลกไซเบอร์มาก และวันนี้ทีมนี้กำลังเล่นเกมโปลิศจับขโมย ต่อกรกับรัฐบาล คสช. ไม่ว่ารัฐบาลจะออกนโยบายอะไรออกมา จะตามประกบแก้เกมหาวิธีการอื่นมาแทนที่ต่อไป

เห็นได้จากพัฒนาการของการใช้สื่อกลุ่ม นปช.มีมาอย่างต่อเนื่องตามยุคสมัย จากยุคบุกเบิกที่มีวิทยุชุมชนเป็นเครื่องมือสื่อสารคนเสื้อแดง และยกระดับมาเป็นช่องเสื้อแดงในทีวีดาวเทียม และวันนี้กำลังรุกคืบเข้าสู่โลกไซเบอร์ซึ่งมีคนรุ่นใหม่ที่เก่งไอทีมีแนวคิดและทัศนคติเดียวกับกลุ่ม นปช.มากขึ้น

แต่สิ่งที่น่าวิตกในสถานการณ์ปัจจุบันก็คือรัฐอาจเป็นผู้ผลักดันให้เกิดแนวร่วมต่อต้านรัฐบาลอันเป็นผลมาจากการออกนโยบายที่เสมือนเป็นการลิดรอนสิทธิ์ของบุคคล เช่นกรณีซิงเกิลเกตเวย์ ที่ส่งผลให้คนกลุ่มหนึ่งเข้ามาเป็นแนวร่วม นปช.โดยสมัครใจ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจำเป็นต้องเคลื่อนไหวและแก้เกมคนกลุ่มนี้ให้ได้อย่างรวดเร็ว

กำลังโหลดความคิดเห็น