xs
xsm
sm
md
lg

กำลังซื้อหาย-เศรษฐกิจไทยโงหัวไม่ขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เศรษฐกิจไทยเดินเข้าสู่ภาวะเงินฝืด คนในประเทศไร้กำลังซื้อ เอกชนปลุกเท่าไหร่ไม่ฟื้น เหตุรถคันแรกดูดกำลังซื้อเกลี้ยง แถมเงินเฟ้อต่ำทำดอกเบี้ยที่แท้จริงโผล่ คนผ่อนเหนื่อยเพิ่ม ขณะที่ปัจจัยลบมากันครบ ต่างประเทศไม่ฟื้น ส่งออกลำบาก สินค้าเกษตรราคาตก แก๊สขึ้นราคา ดีเซลจ่อทะลุ 30 บาท แถมรัฐเพิ่มบรรยากาศจ้องรีดภาษีทั้งมรดก ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึง VAT ที่ต้องลุ้นปีหน้า กระตุ้นรัฐเร่งแก้ปัญหา

ภายใต้การเข้ามาทำหน้าที่รัฐบาลชั่วคราวของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นอกจากการเข้ามาปฏิรูปด้านต่างๆ ที่เป็นปมปัญหากับประเทศไทยมาเป็นเวลานานแล้ว ยังต้องเข้ามาสะสางกับปัญหาของรัฐบาลชุดเก่าที่ทิ้งพิษร้ายของนโยบายประชานิยมไว้

ผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว ที่แม้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าขาดทุนทั้งสิ้นเท่าไหร่ แต่ตัวเลขที่ประเมินกันมีไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาทและอาจสูงถึง 7 แสนล้านบาทได้ เห็นได้จากการที่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์เตรียมออกพันธบัตร 8 แสนล้านบาท อายุ 30 ปี เพื่อมาใช้แก้ปัญหาผลขาดทุนดังกล่าว

นั่นเท่ากับเป็นการเฉลี่ยภาระความรับผิดชอบให้กับคนไทยทั้งประเทศ เลือกหรือไม่เลือกนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย ก็ต้องมารับผิดชอบหนี้ก้อนนี้ร่วมกัน

หรือโครงการรถคันแรกที่ใช้เงินราว 8 หมื่นล้านบาทเข้าไปใช้จ่ายในโครงการดังกล่าว แม้จะมีเงื่อนไขผูกให้ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข แต่เงินเหล่านั้นก็เป็นเงินจากภาษีอากรของคนทั้งประเทศเช่นกัน

ผลของการเร่งการใช้จ่ายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในโครงการรถคันแรก ส่งผลให้กำลังซื้อของคนในประเทศหายไปในพริบตา เนื่องจากภาระที่ต้องผ่อนรถจนครบเงื่อนไข จนทำให้การจับจ่ายในภาคปกติตามที่ควรจะเป็นหดหายไป ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยขณะนี้เติบโตอย่างช้าๆ

วันนี้ค่ายรถยนต์ต่างๆ ล้วนเจอปัญหาเรื่องการขายรถใหม่ ต้องทำการตลาดกันอย่างหนัก ทั้งดอกเบี้ย 0% ให้ส่วนลดร่วม 1 แสนบาท แต่ก็ยังไม่สามารถกระตุ้นยอดการจำหน่ายรถใหม่ได้ เราไม่เคยเห็นค่ายโตโยต้าทำโปรโมชันรถยอดนิยมอย่างโตโยต้าวีออส รุ่นใหม่ ที่เสนอดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 4 ปี นับว่าเป็นข้อเสนอที่ให้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ยอดขายก็ยังนิ่ง

จากกำลังซื้อที่ถูกกระตุ้นไปล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 ปีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในอาการซึมลง เห็นได้จากตัวอัตราเงินเฟ้อเทียบเดือนต่อเดือนที่เติบโตในอัตราติดลบตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงตุลาคม จนทำให้อัตราเงินเฟ้อ 10 เดือนของปี 2557 เพิ่มขึ้นเพียง 2.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มที่จะเติบโตลดลงไปทุกขณะ
โปรโมชั่นรถยนต์วีออส ที่ขยายเวลาจากสิ้นเดือนต.ค.ออกไปถึง 10 ธ.ค.57
สัญญาณไม่ดี-กำลังซื้อหาย

“ด้านหนึ่งเป็นผลจากการปรับลดราคาน้ำมันลงตามแนวทางการปฏิรูปด้านพลังงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ทำให้เงินเฟ้อลดลง แต่คงต้องรอผลของการขึ้นราคาก๊าซ LPG ด้วยว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้อีกหรือไม่” นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังกล่าว

การที่เงินเฟ้อลดลงไปเรื่อยๆ นั้นถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดี แม้จะยังไม่เข้าสู่สภาพของเงินฝืด แต่ถือเป็นเรื่องที่น่าห่วง เนื่องจากการที่เงินเฟ้อลดลงเรื่อยๆ นั้นจะทำให้ตัวอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเพิ่มขึ้น ทั้งในฝั่งของดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องผ่อนชำระย่อมต้องแบกรับภาระมากกว่าเดิม แม้ว่าตัวเม็ดเงินที่จ่ายจะไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ในทางทฤษฎีแล้วถือเป็นภาระที่เพิ่มขึ้น

ขณะนี้สถานการณ์ของประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะเงินฝืดบ้างแล้ว เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศไม่มี หลังจากที่ถูกเร่งใช้ไปก่อนหน้านี้จากโครงการรถคันแรกล้านกว่าคัน เป็นตัวเพิ่มหนี้ภาคครัวเรือนให้สูงขึ้น ทำให้ผู้ที่อยู่ในภาวะดังกล่าวต้องระมัดระวังการใช้จ่าย

รวมทั้งในภาคเกษตรยังประสบปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ยิ่งทำให้กำลังซื้อในส่วนนี้ลดลงไปอีกด้วย แถมเรายังมีปัญหาด้านการส่งออกที่แม้จะเริ่มดีขึ้นบ้างแต่ในภาพรวมแล้วยังไม่สดใสนัก ซึ่งคู่ค้าของไทยอย่างจีนและญี่ปุ่นก็ยังไม่อยู่ในสถานะเหมือนเดิม ทำให้ปัจจัยที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศแทบไม่มี

อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์รายเดิมกล่าวต่อไปว่า เงินเฟ้อที่ลดต่ำลงเร็วเกินไป แม้จะยังไม่ถึงขั้นติดลบ แต่จะกระทบความเชื่อมั่น ทำให้อุปสงค์ภายในประเทศมีน้อยลง เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า คาดว่าอาจจะอยู่ในสภาพนี้ไปจนถึงไตรมาส 2 ปีหน้า ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทยอาจต้องเข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์นี้ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย รวมไปถึงโครงการของรัฐบาลที่ต้องเร่งอัดฉีดเม็ดเงินลงมา
ค่าโดยสารรถแท็กซี่ใหม่เริ่มเดือนธันวาคมนี้
ดาบสองค่าครองชีพสูงขึ้นอีก

เช่นเดียวกับนักเศรษฐศาสตร์มหภาคอีกรายที่มองในทิศทางเดียวกันว่า ขณะนี้ตัววัดเงินเฟ้อยังไม่สะท้อนความเป็นจริง เนื่องจากมีการปรับลดราคาน้ำมันลงมา ขณะที่ในความเป็นจริงนั้นค่าใช้จ่ายแต่ละวันไม่ได้ลดลง ค่าทางด่วน ค่าโดยสาร ค่าอาหารและค่าครองชีพอื่นๆ ยังคงเดิม ขณะที่ราคาก๊าซที่ปรับขึ้นนั้นจะค่อยๆ เริ่มมีผลในระยะต่อไป และต้องรอดูราคาน้ำมันดีเซลอีกครั้งหลังจากราคาอาจจะปรับขึ้นเกินลิตรละ 30 บาท

ที่ผ่านมาคนไทยใช้เงินล่วงหน้ากันไปไม่น้อย รถยนต์คันแรก บ้านหลังแรก ทำให้มีภาระที่ต้องผ่อนจ่ายระยะยาว จึงทำให้กำลังซื้อในประเทศลดลงไป ตามมาด้วยสินค้าเกษตรราคาตก ส่งออกไม่ดี ไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาหนุน เช่น การลงทุนหรือกำลังซื้อในต่างประเทศหรือภาคการท่องเที่ยว ทำให้ปัญหานี้วนอยู่ หาทางออกยาก

สภาพอย่างนี้ทำให้เศรษฐกิจไม่ดี โตได้ช้า คนมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม รายได้เพิ่มช้า ต้องจ่ายหนี้ คาดว่ากว่าที่คนจะกลับมามีรายได้เพิ่มอาจต้องรออีก 1-2 ปีกว่าทุกอย่างจะเข้าสู่สภาพเดิม สำหรับปี 2558 เศรษฐกิจโลกก็ยังไม่ดี สหรัฐฯ ยังไม่ซื้อสินค้าจากประเทศไทย อีกทั้งแนวโน้มของสหรัฐฯ เองอาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในช่วงปลายปี 2558 ตรงนี้จะทำให้ดอกเบี้ยในบ้านเราปรับตัวตาม คนที่มีภาระผ่อนชำระอาจต้องแบกรับเพิ่มขึ้นอีก

ตัวรัฐบาลปัจจุบันก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก เนื่องจากมีเวลาจำกัด แต่ภายใต้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในเวลานี้รัฐบาลกลับมาเร่งด้านการเรียกเก็บภาษีจากประชาชนและภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาษีมรดก ซึ่งในทางปฏิบัตินั้นคนรวยส่วนใหญ่เตรียมการในเรื่องเหล่านี้มาอย่างดี หรือภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ต้องเข้าไปแก้เรื่องโครงสร้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย

เข้าใจว่าต้องการปฏิรูประบบภาษีให้เกิดความเป็นธรรม แต่การออกมาเร่งในช่วงนี้ยิ่งทำให้ภาคประชาชนและภาคธุรกิจต้องชะลอการใช้จ่ายออกไปก่อน เพราะในปี 2558 อาจมีการปรับภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% ขึ้นไปอีก ส่วนจะเป็น 10% รวดเดียวหรือไม่ต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้คนไม่กล้าใช้เงินมากนัก ทำให้เศรษฐกิจยิ่งซบเซามากขึ้น

“ตอนนี้เรากำลังเข้าใกล้สภาพของเงินฝืดมากขึ้นทุกขณะ”
ราคาก๊าซหุงต้มที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง
ปัจจัยลบมาพร้อมกัน

นอกจากเรื่องภาระหนี้ภาคประชาชนที่มีมากขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาแล้ว ประกอบกับสภาพแวดล้อมทั้งในประเทศและต่างประเทศ บรรยากาศในช่วงนี้ทำให้ประชาชนรู้สึกกังวล ในเรื่องของภาระค่าครองชีพในอนาคตที่จะตามมา

ตอนนี้คนที่ใช้น้ำมันดีเซลก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับราคาที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นเกินกว่าระดับ 30 บาทต่อลิตร แน่นอนว่าจะส่งผลต่อการขอปรับขึ้นราคาของภาคขนส่งทั้งรถโดยสาร และราคาสินค้าที่จะปรับขึ้นจากค่าขนส่ง ตามมาด้วยเรื่องการปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ที่รัฐบาลทยอยปรับขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อราคาอาหารสำเร็จรูปอีกในไม่ช้า รวมไปถึงเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม

เมื่อปัจจัยทุกอย่างเข้ามาพร้อมๆ กันในช่วงเวลานี้ จึงเท่ากับเป็นการซ้ำเติมกำลังซื้อของคนในประเทศให้หดหายไปจากเดิม ยิ่งการให้เงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1 พันบาทไม่เกิน 15 ไร่ ล่าช้ายิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง อีกทั้งในปีนี้รัฐบาลประกาศให้หลายพื้นที่งดทำนาปรัง เนื่องจากไม่มีน้ำเพียงพอ ยิ่งทำให้รายได้ของชาวนาหดหายไป โดยคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้น่าจะทำได้เพียง 1-1.5% เท่านั้น

ส่วนการคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2558 หลายค่ายประเมินกันที่ 4-5% นั้น ในทางตัวเลขนับว่าเป็นการเติบโตที่ดี แต่ในทางปฏิบัติแล้วเป็นที่ทราบกันดีว่าการเติบโตดังกล่าวนั้นมาจากฐานที่ต่ำในปี 2557 การคำนวณออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์จึงดูดี และถ้านับเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นแล้วจะเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่มากนัก

ดังนั้นสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง คนไม่มีกำลังซื้อ ค่าครองชีพกำลังจะตามมา หากไม่มีการเข้ามากระตุ้น สุดท้ายปัญหาการว่างงานก็จะตามมา นี่คือภาระที่รัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาเร่งแก้ปัญหาดังกล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น