อ่างทอง - เกษตรกรชาวสุพรรณบุรี ลุยเช่าที่นาของชาวนาในพื้นที่อ่างทอง ปรับพื้นที่ปลูกคะน้าสร้างกำไรงาม ภายหลังข้าวราคาตก ชาวนาปล่อยนารกร้าง เผยมีพ่อค้ามารับซื้อถึงสวนกิโลกรัมละ 8-9 บาท นำไปขายกิโลกรัมละ 20-25 บาท โดยจ้างคนมาตัดเอง
วันนี้ (30 ต.ค.) ที่บริเวณทุ่งนา หมู่ที่ 4 ต.ราชสถิตย์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง พบว่า ได้มีกลุ่มเกษตรกรจากจังหวัดสุพรรณบุรีหลายรายมาเช่าพื้นที่ทำนาของชาวนาเพื่อปรับพื้นที่ปลูกผักคะน้าจำนวนหลายสิบไร่
นางสังเวียน แก้วกำเนิน อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 ม.3 ต.ปลายนา อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เจ้าของแปลงผักคะน้า กล่าวว่า แปลงผักคะน้าที่เห็นเป็นของตนทั้งหมด ส่วนสาเหตุที่ต้องมาเช่านาที่จังหวัดอ่างทองทำก็เพราะว่าในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี มีเกษตรกรที่ปลูกคะน้าอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ประสบปัญหาเรื่องการกำจัดศัตรูพืชของคะน้า
นางสังเวียน กล่าวต่อว่า ปัญหาใหญ่ที่พบคือ หนอน และแมลงเป็นสิ่งที่กำจัดยากมากที่สุด และมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพราะในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี จะมีการปลูกคะน้ากันตลอด จึงทำให้มีหนอนและแมลงเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่องไม่มีวันหมด ทำให้กำจัดกันไม่ไหว ตนจึงตัดสินใจมาหาเช่านาในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง ปลูกคะน้า เนื่องจากปีนี้ทางรัฐบาลได้ประกาศงดทำนาปรัง ประกอบกับก่อนหน้าที่ข้าวราคาตก ทำให้ชาวนาหลายรายปล่อยพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ตนจึงได้มาขอเช่าพื้นที่เพื่อปลูกคะน้าต่อ
“ภายหลังจากที่ปลูกจนคะน้าเริ่มโต ปัญหาเรื่องหนอน หรือแมลงพบมีได้น้อยมาก เนื่องจากพื้นที่จังหวัดอ่างทอง มีแต่การปลูกข้าว ไม่เคยปลูกพวกพืชผักสวนครัวมาก่อน ทำให้ลดปัญหาเรื่องหนอนไปได้ ต้นทุนลดลงจากเดิมเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อคะน้าถึงสวน อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 8-9 บาท ส่วนราคาตลาดขายปลีกอยู่ที่กิโลกรัมละ 20-25 บาท ซึ่งราคาแตกต่างกันมากพอสมควร เนื่องจากพ่อค้าที่มารับซื้อจะต้องจ้างแรงงานมาตัดถึงที่แปลงผักเอง ส่วนตนมีหน้าที่ปลูกอย่างเดียว” นางสังเวียน กล่าว
นางมณเฑียร จันทร์กระแจะ อยู่บ้านเลขที่ 11 ม.14 ต.บางหลวง อ.บางเลน จ.นครปฐม ผู้รับจ้างตัดคะน้าจากพ่อค้าที่มารับซื้อคะน้าจากเกษตรกร เปิดเผยว่า ตนและกลุ่มเพื่อนได้เดินสายรับจ้างตัดคะน้าหลายพื้นที่ ตามแต่พ่อค้าคนกลางจะพาไป ส่วนค่าจ้างการตัดจะคิดเป็นการเหมารวมตั้งแต่ตัด ไปจนถึงเก็บแพกใส่ถุงแล้วขนไปขึ้นบนรถ ราคาเหมาเบ็ดเสร็จจะอยู่ที่ตันละ 1,200 บาท เมื่อทำงานเสร็จก็จะนำมารวมกัน จากนั้นก็นำเงินมาหารกันอีกทีซึ่งก็จะเหลือค่าแรงตกประมาณ 350-450 บาทต่อวัน ก็ถือว่าเป็นอีกอาชีพที่ได้เงินดีถ้าเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำ