xs
xsm
sm
md
lg

ระวัง "หญิงชุดดำ" แฝงตัวป่วนม็อบ! ชี้ "แดงตัวพ่อ" สั่งปรับยุทธวิธีจัดการ กปปส.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ความจริงที่น่าสะพรึงกลัว ชายชุดดำ หรือกองกำลังต่างชาติ ยังป้วนเปี้ยนและมีแหล่งกบดานชัดเจน พร้อมส่งทีมสอดแนมปะปนกับผู้ชุมนุม กปปส. เพื่อหาข่าวส่งศูนย์บัญชาการย่านปริมณฑล แถมปรับยุทธวิธีทุกวัน หลังโดน ผบ.นสร เปิดโปง อดีต คมช.- หน่วยความมั่นคง แนะวิธีให้ผู้ชุมนุมช่วยกันตรวจสอบง่ายๆ ว่าใครคือ “ผู้ร้าย” ที่ปะปนเข้ามา เจอเมื่อไรเรียกการ์ดทันที มั่นใจ ‘แดงตัวพ่อ’เป็นผู้บงการ ชี้คนพวกนี้อำมหิต เสนอแกนนำตั้งการ์ด กปปส.ผู้หญิงทุกจุด และให้ตรวจค้นม็อบผู้หญิงให้ละเอียดหวั่นใช้หญิงแฝงตัวเข้ามาก่อการ!

กลายเป็นคำสัมภาษณ์ที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนในสังคมไม่น้อยกับคำกล่าวของพล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (ผบ.นสร.) ที่ระบุว่า เหตุการณ์ระเบิดที่ถนนบรรทัดทองและที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินั้นมั่นใจว่าอยู่ในกลุ่มชายชุดดำเมื่อปี 2553

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงสถานการณ์ในขณะนี้ว่า “เหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในปี 2553 ว่าได้ใช้บริการของคนกัมพูชาและครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งกล่าวอีกว่าเมื่อคืนวันที่ 20 มกราคมก็มีการขนเข้ามาประมาณ 10 คันรถตู้ โดยมาจากทางภาคตะวันออกเข้ามาที่กรุงเทพมหานครเพื่อเข้ามาก่อความไม่สงบ”

ขณะเดียวกันภายใต้บรรยากาศทางการเมืองที่เขม็งเกลียวระหว่างฝ่ายรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับการชุมนุมต่อต้านของมวลมหาประชาชนที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำในฐานะเลขาธิการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.

อาการเจียนอยู่เจียนไปของรัฐบาลร่างทรงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำลังงวดเข้าทุกขณะ ยิ่งใกล้กำหนดวันเลือกตั้งที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 สถานการณ์ความรุนแรงเริ่มเกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมมากขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ปาระเบิดเข้าใส่ผู้ชุมนุมในขบวนการเดินรณรงค์เชิญชวนชาวกรุงเทพฯ ออกมาร่วมกับกลุ่ม กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ บริเวณถนนบรรทัดทอง เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2557 ช่วงบ่ายโมงเศษมีผู้บาดเจ็บ 36 ราย และเสียชีวิต 1 ราย

เว้นได้เพียง 1 วัน คือ 19 มกราคม 2557 ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมีการปาระเบิดเข้าใส่เต็นท์แกนนำ กปปส. ที่มีนายถาวร เสนเนียม เป็นผู้รับผิดชอบเวทีการชุมนุม ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันคือ ระเบิดแสวงเครื่อง ชนิด RGD.5 ซึ่งผลิตในประเทศจีน รัศมีการทำลาย 6 เมตร มีผู้บาดเจ็บ 28 ราย
เหตุการณ์ระเบิดกับกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.
ถัดมาในช่วงเย็นของวันที่ 21 มกราคม 2557 รัฐบาลได้ติดดาบเพิ่มให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐจากพระราชบัญญัติความมั่นคงขึ้นมาเป็นพระราชกำหนดฉุกเฉินที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2557

สะท้อนถึงการเดินเกมแรงของรัฐบาลที่พร้อมเข้าดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่ต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศไทยก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ที่กล่าวถึงกรณีมีการนำเอากองกำลังจากกัมพูชาเข้ามาเพื่อก่อความไม่สงบ

นับเป็นการเฉลยข้อสงสัยของผู้คนทั้งประเทศถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2553 ที่มีการปะทะกันระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงกับเจ้าหน้าที่ทหารจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต รวมไปถึงการเผาอาคารหลายแห่งในกรุงเทพฯ

ในครั้งนั้นการต่อกรกับเจ้าหน้าที่ทหารมีกองกำลังติดอาวุธในร่างของชายชุดดำที่แฝงตัวมากับฝ่ายผู้ชุมนุมเสื้อแดง ที่ผู้คนล้วนสงสัยว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นใคร มาจากไหน?

และครั้งนี้การข่าวของทหารก็ยืนยันมาว่าได้มีการขนกองกำลังเหล่านี้จากประเทศกัมพูชาเข้ามาในกรุงเทพมหานคร เหตุการณ์ในครั้งนี้แม้จะแตกต่างจากปี 2553 แต่กองกำลังต่างชาติที่ขนเข้ามาย่อมมีเป้าหมายเดิม คือ ทำให้งานของตนเองประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของผู้ว่าจ้าง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากรูปการณ์แล้วกองกำลังต่างชาติเหล่านี้คงไม่ได้มีวัตถุประสงค์จะเข้ามาสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.อย่างแน่นอน

ที่สำคัญการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2557 ให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้โดยให้ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ไปหารือกันเพื่อออกพระราชกฤษฎีการเลือกตั้งใหม่ นั่นอาจเป็นเหตุสำคัญให้สถานการณ์การเมืองที่กำลังเกิดขึ้นครั้งนี้นำไปสู่ความรุนแรง โดยมีชายชุดดำเข้ามาเกี่ยวข้องได้เช่นกัน

“รัฐบาล พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงต้องการให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กพ.นี้ ที่ผ่านมาก็อ้างเสมอว่า รักษาการรัฐบาลไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้ แต่เมื่อคำตัดสินของศาล รธน.ออกมาแบบนี้ พวกเสื้อแดงคงไม่พอใจ ก็อาจมีการกระทำใดๆ เกิดขึ้นก็ได้

เดินผึ่งผาย-พูดไทยไม่ได้-แนะการ์ดรวบ

พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภาแบบสรรหา กล่าวถึงกองกำลังต่างชาติที่เข้ามาปฏิบัติการในกรุงเทพฯ ว่า ผมไม่ได้รับข้อมูลโดยตรง แต่จากข้อมูลฐานเดิมเมื่อปี 2552 ครั้งที่ นปช.ชุมนุม ครั้งนั้น นปช.ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ เมื่อรัฐบาลออกพระราชกำหนดฉุกเฉิน จึงสามารถยุติสถานการณ์ได้โดยไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย แต่ก็มีแนวคิดที่จะใช้ความรุนแรง ทั้งเรื่องรถแก๊สทั้งที่ดินแดงและซอยรางน้ำ และมีการยิงชาวบ้านที่นางเลิ้งเสียชีวิต
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม
ความพ่ายแพ้ในครั้งนั้นทำให้ นปช.คิดว่าควรมีการติดอาวุธ เห็นได้จากเมื่อปี 2553 ที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ได้ขึ้นเวลาคนเสื้อแดงประกาศถึงความพร้อมว่า มีองค์ประกอบครบคือแก้ว 3 ประการ คือมีพรรคการเมือง มวลชน และกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเข้ามาสนับสนุน ซึ่งเราได้เห็นจากชายชุดดำที่เข้ามาปฏิบัติการ จนทำให้ทหารบาดเจ็บและล้มตาย ทั้งกรณีของพลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม เมื่อ 10 เมษายน 2553 และรายอื่นๆ

กองกำลังติดอาวุธของคนเสื้อแดงนั้นเท่าที่เปิดเผยกันออกมามีพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง เป็นผู้ดำเนินการฝึกให้ในนามของนักรบพระเจ้าตากที่ใช้สถานที่ฝึกในประเทศไทย หลังจากนั้นก็มีการนำเอากำลังพลอีกส่วนหนึ่งไปฝึกในประเทศกัมพูชาราว 300 คน ซึ่งเรื่องนี้มีหลักฐานอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เนื่องจากได้มีการจับกุมผู้ที่ฝึกอาวุธเหล่านี้ได้ที่เชียงใหม่พร้อมกับการสารภาพถึงรายละเอียดของการฝึก

ประกอบกับความสัมพันธ์ใกล้ชิดของคนเสื้อแดงกับผู้นำของกัมพูชา ดังนั้นในการชุมนุมในครั้งนั้นมวลชนเสื้อแดงจึงมีความมั่นใจสูง และในครั้งนี้ที่มีกระแสข่าวว่ามีการนำกองกำลังจากเพื่อนบ้านเข้ามา ก็เชื่อว่าอาจจะเกิดขึ้นได้อีก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่อำมหิต

การจะนำกำลังเหล่านี้เข้ามาได้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องอำนวยความสะดวกให้ แม้ว่าตามด่านชายแดนจะมีทหารดูแลอยู่ แต่ด้วยพรมแดนที่ติดต่อกันหลายกิโลเมตร คนเหล่านี้จะไม่เข้ามาในด่านของทหารอย่างแน่นอน จะใช้การเลาะเข้ามาในพื้นที่อื่นแทน แต่ปัญหาคือด่านชั้นในที่เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรงนี้อาจมีการปล่อยปละละเลย หรืออาจใช้รถของทางราชการขนเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไม่ตรวจรถของทางราชการอยู่แล้ว ส่วนใครจะมีส่วนรู้เห็นเป็นใจบ้างก็คงต้องไปพิจารณากันเอง

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุมต้องช่วยกันสังเกตถึงบุคคลแปลกปลอม ซึ่งการพิจารณานั้นดูได้ไม่ยาก เนื่องจากคนที่ได้รับการฝึกในเชิงทหารนั้น คนทั่วไปจะดูออกว่าเป็นทหารหรือคนธรรมดา ดูลักษณะการเดิน ร่างกายมักแข็งแกร่ง เมื่อพบเห็นก็ลองเข้าไปพูดคุยดู ถ้าตอบโต้เป็นภาษาไทยไม่ได้ก็เรียกให้การ์ดเข้ามาควบคุมตัว

จ้างต่างชาติเข้ามาฆ่าคนไทย พวกใจอำมหิต

สอดคล้องกับสายข่าวความมั่นคงที่กล่าวว่า การชุมนุมในปี 2553 นั้น ในพื้นที่บริเวณสวนลุมพินีที่มีการปะทะกันนั้น ฝ่ายทหารทราบว่ากองกำลังเหล่านี้ไม่ใช่เป็นบุคคลทั่วไป เพราะการเดินหรือการเคลื่อนกำลังเป็นรูปแบบของยุทธวิธีทางทหารทั้งสิ้น อีกทั้งผู้ที่เสียชีวิตจำนวนหนึ่งพบว่าเป็นบุคคลต่างชาติ แต่เรื่องนี้ไม่มีการเปิดเผยกันออกมา
ปฏิบัติการของชายชุดดำ
อย่างสถานการณ์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงช่วงคืนวันที่ 30 พฤศจิกายนต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 1 ธันวาคม 2556 ครั้งนั้นก็มีการตั้งข้อสังเกตกันว่าอาจมีกองกำลังต่างชาติเข้ามาร่วมปฏิบัติการกับกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะนอกจากมีเรื่องของอาวุธปืนแล้วยังมีทีมปฏิบัติการด้วยสไนเปอร์บนตึกสูงอีกส่วนหนึ่ง

รวมไปถึงชายชุดดำที่ปฏิบัติการบนอาคารของกระทรวงแรงงานเมื่อ 26 ธันวาคม 2556 ที่หลายคนส่งสัยว่าเป็นใคร แต่สุดท้ายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ออกมายอมรับว่าเป็นตำรวจ แต่หลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่

ในครั้งนี้ก็มีการขนเข้ามาพร้อมอาวุธเป้าหมายคือการจัดการกับบรรดาแกนนำของ กปปส. หากไม่สำเร็จก็จะปรับแผนเป็นการเข้ามาสร้างความวุ่นวายจนทำให้ทหารต้องเคลื่อนกำลังออกมายุติสถานการณ์ ทุกอย่างก็จะเข้าทางของคนบงการทันที

“ทหารก็ทราบเรื่องนี้ดี และก็รู้ว่าตำรวจนายใดที่ดำเนินการด้วยวิธีการเช่นนี้ ดังนั้นการเปิดเผยถึงเรื่องของการนำกองกำลังต่างชาติที่เตรียมเข้ามาปฎิบัติการในครั้งนี้ ก็เพื่อจะสื่อไปถึงฝ่ายที่กำลังดำเนินการอยู่ว่า ทหารรู้และมีทีมที่ติดตามคนกลุ่มนี้อยู่ เพื่อให้การทำงานของคนเหล่านี้ลำบากขึ้น และสุ่มเสี่ยงที่จะถูกจับกุม”

นอกจากนี้ยังมีข้อที่น่าสังเกตคือ ก่อนหน้านี้พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางไปที่ประเทศกัมพูชาในช่วงก่อนปีใหม่ แตกต่างจากก่อนหน้าที่จะเข้ามาเพียง 2-3 วันก็จะเดินทางกลับ แต่ครั้งนี้พักอยู่นานเป็นพิเศษราว 3 สัปดาห์ก่อนเดินทางกลับไปหลังปีใหม่ หลังจากนั้นจึงเริ่มเกิดเหตุการณ์การลอบทำร้ายผู้ชุมนุมถี่ขึ้น

ในด้านการรบแล้วหากจะใช้คนไทยเข้ามาสังหารคนไทยด้วยกัน มักจะมีปัญหาในเรื่องความไม่เด็ดเดี่ยวที่จะลงมือ ดังนั้นทางออกที่ดีจึงต้องใช้คนต่างชาติ เพราะคนเหล่านี้ไม่มีความสัมพันธ์ด้านเชื้อชาติ เมื่อปฏิบัติงานเสร็จ รับเงิน กลับบ้าน นอกจากนี้ในการปฏิบัติการเป้าหมายอาจไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือทหารเพียงอย่างเดียว

การสังหารผู้ที่เข้ามาร่วมชุมนุมด้วยกันก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง เพื่อสร้างหรือโหมกระแสของผู้คนที่มาร่วมชุมนุม และเพื่อให้ภาพรวมทั้งหมดเคลื่อนไปสู่สถานการณ์ที่ผู้วางแผนต้องการ เช่น ปลุกให้ผู้ชุมนุมเคียดแค้น ลุกฮือขึ้นมาตอบโต้ฝ่ายทหารทำให้สถานการณ์บานปลาย จนทหารต้องเคลื่อนกำลังเข้ามาทำการยุติความไม่สงบ นั่นก็จะเข้าทางของผู้บงการว่าทหารทำการปฏิวัติ และใช้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นนำไปเป็นแนวทางในการต่อสู้บนเวทีโลก

“เรื่องอย่างนี้อำมหิตกว่าที่พวกคุณคิดไว้เยอะ”

ตั้งการ์ดผู้หญิงตรวจเข้ม ‘ผู้หญิงชุดดำ’แฝงตัว

นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวจากกองทัพ ระบุว่า ชายชุดดำ หรือกองกำลังต่างชาติ ที่ พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (ผบ.นสร.) เปิดเผยให้สังคมได้รับรู้นั้น ขณะนี้คนเหล่านี้ก็ยังอาศัยอยู่รวมกันเป็นหลักแหล่ง ปะปนกับคนที่เข้ามาทำงานกับคนใช้แรงงานทั่วๆ ไปในย่านปริมณฑล โดยมีตำรวจและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้การช่วยเหลือ
รถตู้ต้องสังสัย(ภาพจากเพจกองทัพประชาชนฯ)
โดยกองกำลังดังกล่าวมีการปรับเปลี่ยนและประเมินสถานการณ์กันทุกวัน ด้วยการส่งทีมงานเข้าปะปนกับผู้ชุมนุมเพื่อตรวจสภาพการชุมนุม และนำมาสรุปเพื่อวางแผนแบบวันต่อวันว่าจะป่วนตรงไหนอย่างไรกันต่อไป

“เรากำลังจับตาดูว่า ตำรวจจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ต่อไป เพราะตำรวจรู้ทุกอย่าง รู้ว่าการเมืองใครอยู่เบื้องหลัง เข้ามาสั่งการในประเทศเพื่อนบ้าน 3 สัปดาห์ให้มีการป่วนและจัดการแกนนำ ที่กบดานก็ล้วนเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เขาไม่จัดการ”

แหล่งข่าวบอกอีกว่า ต่อไปนี้ผู้ชุมนุมทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือกับการ์ดในการตรวจค้น และต้องตรวจเข้มในทุกๆ จุด ทุกๆ คน และต้องการให้แกนนำ กปปส.ระดมการ์ดผู้หญิง เข้ามาร่วมในการตรวจผู้หญิงด้วยการค้นตัวให้ละเอียด กระเป๋าก็ต้องเช็กละเอียด เช่นเดียวกับการตรวจผู้ชายที่เข้าร่วมชุมนุมก็ต้องตรวจค้นให้ละเอียด

“เราต้องตรวจค้นละเอียด ดูอาวุธที่ติดมา พวกนี้จะมีวิธีการซ่อนทั้งปืนเอ็ม 16 ระเบิด และก็ต้องระวังผู้หญิงอาจเป็นคนชุดดำแฝงตัวมา วันนี้ไม่ใช่ระวังแต่ผู้ชายแค่นั้น ผู้หญิงก็ลงมือทำได้”

ดังนั้น แกนนำ กปปส. ต้องประกาศให้ผู้ชุมนุมรับรู้ถึงการคุมเข้ม ตรวจเข้ม และขอให้ผู้ชุมนุมให้ความร่วมมือ บางครั้งอาจจะสร้างความรำคาญ แต่การปฏิบัติการทั้งหมดนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุมทั้งสิ้น

กำลังโหลดความคิดเห็น