xs
xsm
sm
md
lg

จะกี่ล้านคนขับไล่ “ยิ่งลักษณ์” ก็ไม่หวั่น! คนกทม.-ใต้ไม่เท่า “อีสาน-เหนือ”-บอกชัด 2 กพ.เลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปชป.-เพื่อไทย” เชื่อเลือกตั้งไม่เกิด 2 ก.พ.เพราะมี “อุปสรรค” จนเลือกตั้งไม่ได้ จับตา “มวลชน” ปิดล้อมสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ไม่ให้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ได้ในวันที่ 23-27 ธ.ค.นี้ อันจะส่งผลกระทบต่อการสมัคร ส.ส.เขตด้วย ขณะที่พรรคเพื่อไทยไม่สน เตรียมส่งคนเลือกตั้งครบทุกเขต สั่ง ส.ส.ลงพื้นที่หาเสียงแล้ว เผยดึงยิ่งลักษณ์ออกฐานที่มั่นจะได้มีกำลังใจสู้ต่อ ไม่ต้องสนคน กทม.เพราะไม่เลือกพรรคอยู่แล้ว พร้อมท้า “คนที่อยู่เบื้องหลังสุเทพ” ต้องเปิดตัว!

ในระหว่างที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังตัดสินใจว่าจะลงเลือกตั้ง-หรือไม่ลงเลือกตั้ง ที่มีพระราชกฤษฎีกามาแล้ว ให้มีวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเปิดรับสมัครวันจันทร์ที่ 23 ธ.ค. 56 นี้ โดยหากพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจลงเลือกตั้งในครั้งนี้ ย่อมหมายถึงเป็นการบ่งบอกนัยๆ ว่าการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.เป็นผู้นำมวลมหาประชาชนต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ และเสนอให้มีการ “ปฏิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้ง” นั้นเป็นฝ่ายผิด และยังเหมือนเป็นการทอดทิ้งให้นายสุเทพตกที่นั่งลำบากกับการถูกดำเนินคดี “กบฏ” ตามลำพัง

ขณะที่หากไม่ส่ง ส.ส.ลงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะลงสมัครทุกเขต และคาดว่าพรรคขนาดกลางและเล็กจะได้โอกาสได้ที่นั่งมากที่สุดในประวัติการณ์ และการจัดตั้งรัฐบาลมีโอกาสที่จะเป็น พรรคเพื่อไทย+พรรคขนาดกลางและเล็ก ซึ่งจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลทำงานได้ไม่มีปัญหา

แต่ประชาธิปัตย์จะพักงานในรัฐสภาอีกยาว และอาจยาวมากกว่า 2 ปี

ไม่แปลกที่นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่จะบอกว่า “ลงเลือกตั้งก็ตาย ไม่ลงก็พิการ”
ในช่วงของการเมืองในเวลานี้ ไม่มีใครกังวลใจไปมากกว่า “สุเทพ-อภิสิทธิ์” อีกแล้ว ขณะที่ฝ่ายนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีรักษาการ เดินสายหาเสียงแล้วที่ภาคเหนือ-อีสาน

การเดินหน้าหาเสียงครั้งนี้ เป็นการทำโพลสำรวจคะแนนนิยมในตัวเองและพรรคเพื่อไทยไปในตัวโดยไม่สนใจมวลมหาประชาชนใน กทม.จะต่อต้านอย่างไร

ไม่สนใจเสียงตะโกน “ยิ่งลักษณ์ ออกไป ๆ ๆ ๆ” วันนี้ขอเดินหน้าหาเสียงเตรียมพร้อมเลือกตั้งเท่านั้น!

กปปส.ยกระดับการต่อสู้-ชูปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

ขณะที่ กปปส.ก็ยังเดินหน้าต่อไป แม้จะยังไม่สามารถกดดันนางสาวยิ่งลักษณ์ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการได้ โดยวันที่ 19 ธ.ค. 56 นายสุเทพได้นำมวลชนเดินเท้าเชิญชวนให้ประชาชนออกมารวมตัวกันในวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค. 56 ให้ได้มากที่สุด โดยเริ่มต้นจากราชดำเนิน ไปผ่านฟ้า ไปถนนนครสวรรค์ ไปนางเลิ้ง ไปเพชรบุรี ไปอโศก ไปสุขุมวิท ไปซอยนานา เพลินจิต ชิดลม สยาม สนามกีฬา เจริญผล อุรุพงษ์ ยมราช หลานหลวง และกลับมาราชดำเนิน

ส่วนในวันที่ 20 ธ.ค. 56 จะไปย่านสีลมและเยาวราช โดยจะออกเดินจากราชดำเนิน ผ่านฟ้า สะพานขาว หัวลำโพง พระราม 4 สีลม พักทานอาหารกลางวันที่สีลม ใกล้ๆ ถนนนราธิวาสฯ จากนั้นจะเดินผ่านถนนนราธิวาสฯ สี่พระยา หัวลำโพง และไปที่เยาวราช แล้วมาทางสะพานเหล็ก วังบูรพา วัดสุทัศน์ ดินสอ กลับมาราชดำเนิน

แต่ในวันที่ 21 ธ.ค. 56 จะเป็นการพัก 1 วัน ซึ่งไม่มีการเคลื่อนพลกดดันเพื่อเตรียมพร้อมที่จะเดินครั้งใหญ่ในวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค.ต่อไป และในวันนี้เอง (21 ธ.ค.) พรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุมเพื่อตัดสินชี้ขาดว่าจะลงหรือไม่ลงเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557

ขณะเดียวกันในวันที่ 22 ธ.ค. 56 เวลา 13.00 น. จะมีการชุมนุมใหญ่เป็นรอบที่ 3 ในหลายจุดซึ่งใครอยู่ตรงไหนให้ไปที่จุดชุมนุมตรงนั้นได้เพื่อความสะดวก และยังมีการตั้งเวทีในแต่ละจุดเพราะเชื่อมต่อสัญญาณจากเวทีใหญ่เช่นกัน ทั้งที่ราชดำเนิน, อุรุพงษ์ตลอดแนวเพชรบุรี, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ราชเทวี, ปทุมวัน-ราชประสงค์, สามย่าน-สวนลุม-สีลม, ถนนสุขุมวิท-เพลินจิต-อโศก ซึ่งหากมีการชุมนุมเต็มพื้นที่รวมทั้งสิ้น 577,194 ตร.ม. และเมื่อคิดเป็นจำนวนมวลมหาประชาชนโดยใช้อัตราส่วน 3 คนต่อ 1 ตร.ม จะมีจำนวนผู้ชุมนุม 1.7 ล้านคน และถ้าอัตราส่วน 4คนต่อ 1 ตร.ม. จะมีผู้ชุมนุมประมาณ 2.3 ล้านคน พร้อมมีการประกาศขอกำลังมวลชนผู้หญิงเดินไปล้อมบ้านนางสาวยิ่งลักษณ์ด้วย

สิ่งที่น่าจับตาดูคือ วันที่ 22 ธ.ค. 56 มวลมหาประชาชนจะออกมามากน้อยเพียงไร ได้ตรงตามเป้าประสงค์ของนายสุเทพหรือไม่ หรืออาจจะมีมวลชนมามากกว่าที่ต้องการจนมีการขยายพื้นที่ชุมนุมออกไปอีกก็เป็นได้

ที่สำคัญการชุมนุมครั้งที่ 3 นี้ กปปส.จะมีการยกระดับยังไงหรือไม่ จนเป็นอุปสรรคต่อการรับสมัครเลือกตั้งส.ส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์ ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 23-27 ธ.ค. 56 จึงเป็นเรื่องที่ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลเฝ้าจับตาดูเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป

ปชป.ย้ำให้การเลือกตั้งเกิดไม่ได้

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวนักการเมืองอาวุโสพรรคประชาธิปัตย์มองการเมืองในช่วงนี้ แล้ววิเคราะห์ว่า การเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ยังไม่ควรเกิดขึ้นในเวลานี้จริงๆ เพราะประชาชนต้องการให้มีการปฏิรูปการเมืองก่อนแล้วค่อยเลือกตั้ง คือไม่ได้ปฏิเสธการเลือกตั้ง แต่ขอให้มีการปฏิรูปทางการเมืองก่อน

ดังนั้นจึงเชื่อว่าการเดินขบวนใหญ่ในวันที่ 22 ธ.ค. จะยกระดับเคลื่อนไหวเพื่อไม่ให้เกิดการเลือกตั้งขึ้น

“คิดว่าการเลือกตั้งอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ เพราะมวลชนเองอาจจะทำอะไรที่ทำให้ไม่เกิดการเลือกตั้ง เพราะต้องการปฏิรูปให้เสร็จสิ้นก่อน”

สำหรับ “อุปสรรค” ที่จะทำให้ไม่เกิดการเลือกตั้ง กล่าวคือ หากมีการปิดล้อมสถานที่รับสมัครเลือกตั้งก็จะทำให้ไม่สามารถสมัครเลือกตั้งได้ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ที่ระบุให้การเลือกตั้งต้องมีการสมัครภายใน 20 วัน ซึ่ง กกต.ได้กำหนดวันไว้แล้วว่าจะให้มีการเลือกตั้งในระบบปาร์ตี้ลิสต์ในวันที่ 23-27 ธ.ค. 2556 และหลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์จะเป็นวันรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบเขตในวันที่ 28 ธ.ค. 56-1 ม.ค. 57

มีโอกาสที่มวลชนจะไปปิดล้อม กกต.เพื่อไม่ให้เกิดการสมัครเลือกตั้งในระบบปาร์ตี้ลิสต์สูงมาก และหากผู้สมัคร สมัครแบบปาร์ตี้ลิสต์ไม่ได้ ผู้สมัครฯ แบบ ส.ส.เขตก็ลงสมัครไม่ได้ เพราะต้องรอเลขที่ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์จับได้มาใช้เป็นเลขเดียวกัน

“เมื่อผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ทำไม่ได้ ส.ส.เขตก็สมัครไม่ได้ ก็จะไปข้องเกี่ยวกับกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าให้กกต.จัดการเลือกตั้งภายใน 45-60 วันก็จะทำไม่ได้อีก”

อุปสรรคนี้คืออุปสรรคที่จะหยุดยั้งการเลือกตั้งได้

แต่ทว่า กกต.ก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี ขณะนี้ได้มีการจัดเตรียมสถานที่รับสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เป็นสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ซึ่งเป็นข้อกฎหมายที่ต้องมีการประกาศสถานที่รับสมัครผ่านทางราชกิจจานุเบกษา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เว้นแต่มีสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ กกต.ก็เตรียมแผนสองไว้รองรับปัญหานี้แล้ว ดังนั้นการที่มวลชน กปปส.จะกดดันไม่ให้เกิดการเลือกตั้งได้ อาจจะมีการปรับแผนกันอยู่ตลอดเวลา

“โดยในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว ประชาธิปัตย์จะไม่ลงเลือกตั้ง เพราะมองว่าการเลือกตั้งไม่ได้แก้ปัญหาทางการเมือง”

โดยมวลชนจำนวนมากก็มีความชัดเจนว่าต้องการให้มีการปฏิรูปการเมืองก่อนมีการเลือกตั้ง

“เหตุการณ์วันนี้ไม่เหมือนช่วงปี 48-49 ช่วงนั้นไม่มีมวลชนมากขนาดนี้ แต่วันนี้มวลชนมีจำนวนมาก และชัดเจนว่าปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ดังนั้นเชื่อแน่ว่าประชาธิปัตย์จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะไม่อยากฝืนความต้องการของมวลชน”

เพื่อไทยสั่ง ส.ส.ลงพื้นที่-ส่งครบทุกเขต

เช่นเดียวกับ นายไพจิต ศรีวรขาน แกนนำ ส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนา พรรคเพื่อไทย ที่เชื่อว่า “การเลือกตั้ง 2 ก.พ.”นี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ และไม่จบลงอย่างง่ายๆ ด้วย

“เชื่อเหมือนกันว่าการเลือกตั้งจะมีอุปสรรคเกิดขึ้น แต่ทางพรรคเพื่อไทย แม้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบที่พรรคเพื่อไทยพึงประสงค์ แต่เรายึดว่าการเลือกตั้งเป็นสิ่งสำคัญในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นเราจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง แต่ถ้ามีอุปสรรคอะไรเกิดขึ้น ก็จะแก้ไปทีละเรื่อง โดยพรรคเพื่อไทยจะไปในทางของการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ประนีประนอมการกระทำอะไรที่เป็นเรื่องของนอกรัฐธรรมนูญ” นายไพจิต แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา พรรคเพื่อไทยกล่าว พร้อมเห็นว่า ประชาชนที่รู้สึกไม่ดีกับการกระทำของ กปปส.จะต่อต้าน กปปส.เอง

“ผมเชื่อว่าประชาชนฉลาดนะ ประชาชนจะตัดสินเองว่าการต่อสู้ยืดเยื้อไป ภาพลบจะเกิดกับ กปปส.เอง”
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พรรคเพื่อไทยพร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้ง และจะมีการส่งคนลงเลือกตั้งให้ครบทุกเขต และขณะนี้พรรคก็ให้ผู้สมัครฯ ทุกคนลงพื้นที่ให้เต็มที่แล้ว

โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมี ส.ส.500 คน แบ่งเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 125 รายชื่อ ส.ส.เขต 375 เขต
โดยผู้สมัครแต่ละพื้นที่จะมีตัวเลขโดยประมาณดังนี้ กทม. 33 คน ภาคใต้ 53 คน ภาคอีสาน 126 คน ภาคเหนือ 36 คน ภาคกลาง 82 คน ภาคตะวันออก 26 คน และภาคตะวันตก 19 คน

ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงเน้นการหาเสียงไปที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ที่รวมกันแล้วมี ส.ส.ได้มากถึง 162 คน มากกว่า ส.ส.กทม.+ใต้ที่มีแค่ 86 เสียง

“เราบอกท่านยิ่งลักษณ์ว่าคนที่ต่อต้าน ยังไงก็ไม่เลือกเราอยู่แล้ว ไม่ใช่ฐานที่มั่น เราอยากให้ท่านยิ่งลักษณ์ออกจากพื้นที่ กทม.ไปอยู่ฐานที่มั่นของตัวเอง คือเหนือ และอีสาน ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ในกระแสมวลชนกดดัน บั่นทอนจิตใจลงไปมาก อยากให้ท่านมีกำลังใจสู้ต่อมากกว่า”

เห็นได้ว่านางสาวยิ่งลักษณ์มีกำหนดการไปเหนือและอีสานอย่างต่อเนื่อง โดยเดินทางขึ้นไปจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 11 ธ.ค. เพื่อประชุมแก้ปัญหาหมอกควันในวันที่ 12 ธ.ค. ก่อนจะปฏิบัติภารกิจตรวจราชการเส้นทางรถไฟสายลำปาง-เชียงใหม่ในวันที่ 13 ธ.ค. ต่อด้วยงานท่องเที่ยวม่อนแจ่ม ต.โป่งแยง อ.แม่ริม วันที่ 14 ธ.ค. กลับ กทม.วันที่ 15 ธ.ค. และขึ้นไปภาคอีสานต่อในวันที่ 17 ธ.ค. เริ่มต้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และวันที่ 19 ธ.ค.เป็นประธานจัดการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอ 20 จังหวัดภาคอีสานและ 54 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะมีกำหนดการกลับ กทม.วันที่ 20 ธ.ค.นี้เพื่อบันทึกเทปอวยพรปีใหม่

ชัดเจนแล้วว่าไม่สนคน กทม. และคนใต้!

“พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าการที่ กปปส.ยังเคลื่อนไหวต่อไปจะเกิดภาพลบเอง และภาพลบที่เกิดขึ้นจะไม่ได้ไปที่นายสุเทพคนเดียว แต่จะส่งไปถึงคนที่อยู่เบื้องหลังนายสุเทพที่ไม่ใช่ทหารด้วย
“โชคดีนะที่ทหารมีพัฒนาการทางการเมืองขึ้นแล้ว เหลือแต่คนที่อยู่เบื้องหลังคุณสุเทพ เปิดเผยตัวออกมาได้แล้ว”

อย่าปล่อยให้เพื่อไทยฟอกผิด

ประเด็นนี้ แหล่งข่าว ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่า สิ่งที่นางสาวยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยกำลังดำเนินการในเวลานี้ โดยเฉพาะการดูถูก และไม่สนใจที่จะแก้ปัญหาของคนที่ทนกับระบอบทักษิณไม่ไหว และมีการขับเคลื่อนการต่อต้านรัฐบาลภายใต้การนำของ กปปส. จะนำไปสู่แรงต้านมากขึ้น

เหตุผลคือ การนำไปสู่การเลือกตั้งตามอย่างที่พรรคเพื่อไทยต้องการนั้น เป็นเพราะ 2 เหตุผลหลัก กล่าวคือเรื่องสำคัญที่สุดที่พรรคเพื่อไทยต้องการคือการเลือกตั้งจะเป็นการ “ล้างผิด” เป็นการ “ฟอกตัว” ในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำแล้วผิดพลาดคือ การไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ, การผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมล้างผิดให้คนที่ทุจริตคอร์รัปชัน, การปล่อยให้คนเสื้อแดงมีลักษณะของการเป็นอันธพาลครองเมือง, การเป็นรัฐตำรวจ รวมถึงโครงการประชานิยมที่ผิดพลาด

ส่วนอีกเหตุผลที่มองข้ามไม่ได้คือ “การฟอกผิด” ครั้งนี้เป็นความต้องการของพรรคเพื่อไทยที่จะนำคะแนนเสียงที่ได้มาใช้ประโยชน์ทางการเมือง เช่นได้รับเลือกตั้ง 15 ล้านคน ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงมีความชอบธรรมที่จะบริหารบ้านเมืองต่อไปเพราะคนสนับสนุนมีจำนวนมาก

กำลังโหลดความคิดเห็น