แบงก์ใหญ่ติดเครื่องดูดเงินฝากต่อจากแบงก์กลาง-เล็ก ชิงจังหวะก่อนพันธบัตรรัฐบาลออก มีให้เลือกทั้งฝากสั้นและยาว กรุงไทยเสนอดอกเบี้ยสูงแลกกับฝากเกือบ 4 ปี ส่วนแบงก์กรุงเทพ-ไทยพาณิชย์เริ่มรับฝากที่ 2 แสนบาท ผู้เชี่ยวชาญชี้ควรฝากให้ครบกำหนด ไม่งั้นเสียสิทธิ แนะใครที่รอพันธบัตรรัฐควรฝากสั้น
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ก่อนที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย จะลงมติในเรื่องดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 20 (ก.พ.) ธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางและเล็ก รวมถึงธนาคารของรัฐได้ออกโปรโมชันเงินฝากกันมาครั้งหนึ่ง บางธนาคารหมดเขตรับฝากเมื่อสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ บางธนาคารเปิดรับฝากได้ถึงสิ้นเดือนมีนาคม
เมื่อเข้าสู่เดือนมีนาคมธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่งต่างพร้อมใจกันออกโปรโมชันเงินฝาก ทั้งธนาคารกรุงเทพ กรุงไทย ไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย หลังจากที่ กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75%
เลือกได้สั้น-ยาว
เริ่มกันที่ธนาคารกรุงเทพได้ออกเงินฝากประจำ 4 เดือน ดอกเบี้ย 2.5% เงินฝากประจำ 10 เดือน ดอกเบี้ย 3% เงินฝากขั้นต่ำที่ 2 แสนบาท รับฝากตั้งแต่ 5 มีนาคม - 5 เมษายน 2556 โดยธนาคารจ่ายดอกเบี้ยเมื่อยอดเงินฝากครบกำหนด
ส่วนธนาคารกรุงไทยออกเงินฝากฉลองครบรอบ 47 ปีของธนาคาร มีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยสูง ประกอบด้วย เงินฝากประจำ KTB Birthday เป็นเงินฝากที่ต้องใช้สมุดบัญชี โดยเป็นเงินฝากระยะเวลา 47 เดือน ดอกเบี้ย 3.47% เริ่มฝากตั้งแต่ 5 หมื่นบาท โดยจ่ายดอกเบี้ยเข้าบัญชีออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน
อีกรายการหนึ่งเป็นเงินฝากประจำ KTB Birthday @netbank ฝากประจำ 47 เดือนเช่นกัน เริ่มต้นที่ 5 หมื่นบาท แต่การจ่ายดอกเบี้ยจะเข้าบัญชี Net Savings โดยให้อัตราดอกเบี้ยสูงที่ 3.77% ทั้ง 2 รายการเริ่มรับฝากตั้งแต่ 5 มีนาคมเป็นต้นไป
ส่วนเงินฝากประจำ KTB Precious Plus Invite เริ่มรับฝาก 14 มีนาคมนี้ เป็นเงินฝากประจำ 7 เดือน เริ่มรับฝากที่ 1 ล้านบาท สูงสุด 50 ล้านบาทต่อราย โดยจำนวนเงินที่นำฝากใหม่หรือนำฝากเพิ่มเมื่อรวมกับยอดเงินฝากประจำ และ/หรือ KTB - B/E ที่มี อัตราดอกเบี้ยที่ 3%
ธนาคารไทยพาณิชย์ออกเงินฝากประจำได้กับได้ ระยะเวลาฝาก 5 เดือน ดอกเบี้ยสูงสุด 8.25% ต่อปี เงินฝากขั้นต่ำที่ 2 แสนบาท ครั้งต่อไปขั้นต่ำที่ 1 พันบาท โดยอัตราดอกเบี้ยเป็นแบบขั้นบันไดเดือนที่ 1-2 = 1.00% เดือนที่ 3-4 = 2.00% เดือนสุดท้าย 8.25% ต่อปี อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงทั้งโครงการ เท่ากับ 2.85% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยให้เป็นรายงวดในเดือนที่ 2, 4 และเดือนสุดท้าย โอนดอกเบี้ยเข้าบัญชีออมทรัพย์ให้อัตโนมัติ
ค่ายกสิกรไทยออกเงินฝากประจำพิเศษ “ถอนก็ได้ ดอกก็ดี” ถอนตอนไหนก็ได้ดอกเบี้ยสูง โดยฝากครบ 13 เดือน รับดอกเบี้ย 3.1% ต่อปี สำหรับวงเงินฝากไม่เกิน 5 ล้านบาท และดอกเบี้ย 2.9% ต่อปี สำหรับวงเงินฝากมากกว่า 5 ล้านบาท เปิดรับฝากขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท
เงื่อนไขจ่ายดอก
จากการสำรวจพบว่าธนาคารขนาดใหญ่มีเงื่อนไขในการจ่ายดอกเบี้ย เช่น หากถอนก่อนครบ 3 เดือนจะไม่ได้รับดอกเบี้ย เช่น ธนาคารกรุงไทยและกรุงเทพ และถ้าถอนหลังจากเดือนที่ 3 จะได้รับดอกเบี้ยออมทรัพย์หรือสะสมทรัพย์
ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกสิกรไทยจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ โดยไทยพาณิชย์กำหนดดอกเบี้ยเดือนที่ 1-2 ไว้ที่ 1% ส่วนเดือนที่ 3-4 ดอกเบี้ย 2% ส่วนกสิกรไทยกำหนดไว้ว่าหากฝากไม่ถึง 3 เดือนได้รับดอกเบี้ยในอัตราออมทรัพย์ และถ้าถอนในช่วง 3-6 เดือนได้รับดอกเบี้ยเท่ากับเงินฝากประจำ 3 เดือน และถ้าถอนในช่วง 6 เดือนขึ้นไปแต่น้อยกว่า 13 เดือน ได้ดอกเบี้ยเท่ากับเงินฝากประจำ 6 เดือน
เงื่อนไขครบกำหนด
เมื่อเงินฝากครบกำหนด ธนาคารกรุงไทยจะโอนเงินต้นไปไว้ที่เงินฝากประจำ 3 เดือน หรือออมทรัพย์ตามที่แจ้งไว้กับธนาคาร
ส่วนธนาคารกรุงเทพกำหนดไว้ว่า เมื่อเงินฝากครบกำหนดระยะเวลาการฝาก หากผู้ฝากไม่มาถอนเงินหรือไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ให้ถือว่าผู้ฝากตกลงให้ธนาคารต่ออายุการฝากเป็นเงินฝากประจำ ระยะเวลาการฝาก 3 เดือน โดยได้รับอัตราดอกเบี้ย และเงื่อนไขตามที่ธนาคารประกาศในขณะนั้น
เช่นเดียวกับธนาคารไทยพาณิชย์และกสิกรไทย จะปรับเงินต้นที่ครบกำหนดให้อยู่ในบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน โดยอัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับอัตราของธนาคารในขณะนั้น
รุมแย่งเงินฝาก
นักบริหารเงินให้คำแนะนำว่า ก่อนจะตัดสินใจเลือกเงินฝากนั้นประการแรกต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าเงินที่จะนำไปใช้ฝากนั้น จำเป็นต้องใช้หรือไม่ หากไม่ก็เลือกที่จะฝากยาวก็ได้ หรือถ้ามีความจำเป็นก็เลือกฝากสั้นให้ใกล้เคียงกับช่วงโปรโมชันของแบงก์ที่มี เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง
จากนั้นจึงค่อยมาดูเรื่องดอกเบี้ย โปรโมชันเงินฝากในตลาดเวลานี้ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากประจำ ตรงนี้ท่านจะต้องหักภาษีออกอีก 15% จึงจะเป็นดอกเบี้ยรับสุทธิ ขณะที่ธนาคารออมสินมีเงินฝากเผื่อเรียก 199 วัน หรือประมาณ 6 เดือนเศษ กับดอกเบี้ย 2.75% เงินฝากของออมสินนี้ไม่ต้องเสียภาษี หากจะคำนวณกลับเทียบกับเงินฝากประจำจะอยู่ที่ 3.23%
ตามปกติธนาคารใหญ่มักจะให้อัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าธนาคารขนาดกลางและเล็ก เพราะได้เปรียบเรื่องสาขาและความน่าเชื่อถือด้านความมั่นคง ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ฝากแต่ละราย หากใครบ้านใกล้สาขาธนาคารขนาดกลางหรือเล็กเลือกฝากไว้ได้ เพราะถึงอย่างไรรัฐบาลก็ยังคุ้มครองเงินฝากไว้ที่ไม่เกิน 50 ล้านบาท
ส่วนการจะเลือกฝากสั้นหรือยาวนั้นขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละบุคคล แต่หากประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยแล้ว เดิมคาดว่าแบงก์ชาติอาจปรับลงจากภาคการเมืองที่บีบ เมื่อแบงก์ชาติยังตรึงดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิม ประกอบกับภาคเอกชนมีการออกหุ้นกู้กันมากขึ้น และแบงก์ก็ต้องระดมเงินเพื่อปล่อยสินเชื่อ รวมถึงโครงการเมกะโปรเจกต์ 2.2 ล้านล้านบาทที่รัฐบาลจะกู้เงินในประเทศด้วยการออกพันธบัตร ที่จะทยอยออกมาเป็นรุ่น
ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวแย่งเงินฝาก ทำให้ดอกเบี้ยปรับลงยากเว้นแต่แบงก์ชาติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งต่อไปลง สถานการณ์ในขณะนี้มีบางรายที่เลือกฝากสั้นเพื่อรอพันธบัตรรัฐบาลออกมา หรือบางคนก็เลือกฝากยาวเกือบ 4 ปีของธนาคารกรุงไทย
หากจะมองว่าแบงก์พาณิชย์เริ่มเข้ามาล็อกเงินฝากของคนมีเงินออมไว้ก่อนก็คงไม่ผิด เพราะถึงอย่างไรช่วงไตรมาส 2 หรือ 3 รัฐบาลก็คงต้องออกพันธบัตรมาเสนอขายอยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าจะเสนอดอกเบี้ยในอัตราใดเท่านั้น
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ก่อนที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย จะลงมติในเรื่องดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 20 (ก.พ.) ธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางและเล็ก รวมถึงธนาคารของรัฐได้ออกโปรโมชันเงินฝากกันมาครั้งหนึ่ง บางธนาคารหมดเขตรับฝากเมื่อสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ บางธนาคารเปิดรับฝากได้ถึงสิ้นเดือนมีนาคม
เมื่อเข้าสู่เดือนมีนาคมธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่งต่างพร้อมใจกันออกโปรโมชันเงินฝาก ทั้งธนาคารกรุงเทพ กรุงไทย ไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย หลังจากที่ กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75%
เลือกได้สั้น-ยาว
เริ่มกันที่ธนาคารกรุงเทพได้ออกเงินฝากประจำ 4 เดือน ดอกเบี้ย 2.5% เงินฝากประจำ 10 เดือน ดอกเบี้ย 3% เงินฝากขั้นต่ำที่ 2 แสนบาท รับฝากตั้งแต่ 5 มีนาคม - 5 เมษายน 2556 โดยธนาคารจ่ายดอกเบี้ยเมื่อยอดเงินฝากครบกำหนด
ส่วนธนาคารกรุงไทยออกเงินฝากฉลองครบรอบ 47 ปีของธนาคาร มีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยสูง ประกอบด้วย เงินฝากประจำ KTB Birthday เป็นเงินฝากที่ต้องใช้สมุดบัญชี โดยเป็นเงินฝากระยะเวลา 47 เดือน ดอกเบี้ย 3.47% เริ่มฝากตั้งแต่ 5 หมื่นบาท โดยจ่ายดอกเบี้ยเข้าบัญชีออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน
อีกรายการหนึ่งเป็นเงินฝากประจำ KTB Birthday @netbank ฝากประจำ 47 เดือนเช่นกัน เริ่มต้นที่ 5 หมื่นบาท แต่การจ่ายดอกเบี้ยจะเข้าบัญชี Net Savings โดยให้อัตราดอกเบี้ยสูงที่ 3.77% ทั้ง 2 รายการเริ่มรับฝากตั้งแต่ 5 มีนาคมเป็นต้นไป
ส่วนเงินฝากประจำ KTB Precious Plus Invite เริ่มรับฝาก 14 มีนาคมนี้ เป็นเงินฝากประจำ 7 เดือน เริ่มรับฝากที่ 1 ล้านบาท สูงสุด 50 ล้านบาทต่อราย โดยจำนวนเงินที่นำฝากใหม่หรือนำฝากเพิ่มเมื่อรวมกับยอดเงินฝากประจำ และ/หรือ KTB - B/E ที่มี อัตราดอกเบี้ยที่ 3%
ธนาคารไทยพาณิชย์ออกเงินฝากประจำได้กับได้ ระยะเวลาฝาก 5 เดือน ดอกเบี้ยสูงสุด 8.25% ต่อปี เงินฝากขั้นต่ำที่ 2 แสนบาท ครั้งต่อไปขั้นต่ำที่ 1 พันบาท โดยอัตราดอกเบี้ยเป็นแบบขั้นบันไดเดือนที่ 1-2 = 1.00% เดือนที่ 3-4 = 2.00% เดือนสุดท้าย 8.25% ต่อปี อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงทั้งโครงการ เท่ากับ 2.85% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยให้เป็นรายงวดในเดือนที่ 2, 4 และเดือนสุดท้าย โอนดอกเบี้ยเข้าบัญชีออมทรัพย์ให้อัตโนมัติ
ค่ายกสิกรไทยออกเงินฝากประจำพิเศษ “ถอนก็ได้ ดอกก็ดี” ถอนตอนไหนก็ได้ดอกเบี้ยสูง โดยฝากครบ 13 เดือน รับดอกเบี้ย 3.1% ต่อปี สำหรับวงเงินฝากไม่เกิน 5 ล้านบาท และดอกเบี้ย 2.9% ต่อปี สำหรับวงเงินฝากมากกว่า 5 ล้านบาท เปิดรับฝากขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท
เงื่อนไขจ่ายดอก
จากการสำรวจพบว่าธนาคารขนาดใหญ่มีเงื่อนไขในการจ่ายดอกเบี้ย เช่น หากถอนก่อนครบ 3 เดือนจะไม่ได้รับดอกเบี้ย เช่น ธนาคารกรุงไทยและกรุงเทพ และถ้าถอนหลังจากเดือนที่ 3 จะได้รับดอกเบี้ยออมทรัพย์หรือสะสมทรัพย์
ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกสิกรไทยจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ โดยไทยพาณิชย์กำหนดดอกเบี้ยเดือนที่ 1-2 ไว้ที่ 1% ส่วนเดือนที่ 3-4 ดอกเบี้ย 2% ส่วนกสิกรไทยกำหนดไว้ว่าหากฝากไม่ถึง 3 เดือนได้รับดอกเบี้ยในอัตราออมทรัพย์ และถ้าถอนในช่วง 3-6 เดือนได้รับดอกเบี้ยเท่ากับเงินฝากประจำ 3 เดือน และถ้าถอนในช่วง 6 เดือนขึ้นไปแต่น้อยกว่า 13 เดือน ได้ดอกเบี้ยเท่ากับเงินฝากประจำ 6 เดือน
เงื่อนไขครบกำหนด
เมื่อเงินฝากครบกำหนด ธนาคารกรุงไทยจะโอนเงินต้นไปไว้ที่เงินฝากประจำ 3 เดือน หรือออมทรัพย์ตามที่แจ้งไว้กับธนาคาร
ส่วนธนาคารกรุงเทพกำหนดไว้ว่า เมื่อเงินฝากครบกำหนดระยะเวลาการฝาก หากผู้ฝากไม่มาถอนเงินหรือไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ให้ถือว่าผู้ฝากตกลงให้ธนาคารต่ออายุการฝากเป็นเงินฝากประจำ ระยะเวลาการฝาก 3 เดือน โดยได้รับอัตราดอกเบี้ย และเงื่อนไขตามที่ธนาคารประกาศในขณะนั้น
เช่นเดียวกับธนาคารไทยพาณิชย์และกสิกรไทย จะปรับเงินต้นที่ครบกำหนดให้อยู่ในบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน โดยอัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับอัตราของธนาคารในขณะนั้น
รุมแย่งเงินฝาก
นักบริหารเงินให้คำแนะนำว่า ก่อนจะตัดสินใจเลือกเงินฝากนั้นประการแรกต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าเงินที่จะนำไปใช้ฝากนั้น จำเป็นต้องใช้หรือไม่ หากไม่ก็เลือกที่จะฝากยาวก็ได้ หรือถ้ามีความจำเป็นก็เลือกฝากสั้นให้ใกล้เคียงกับช่วงโปรโมชันของแบงก์ที่มี เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง
จากนั้นจึงค่อยมาดูเรื่องดอกเบี้ย โปรโมชันเงินฝากในตลาดเวลานี้ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากประจำ ตรงนี้ท่านจะต้องหักภาษีออกอีก 15% จึงจะเป็นดอกเบี้ยรับสุทธิ ขณะที่ธนาคารออมสินมีเงินฝากเผื่อเรียก 199 วัน หรือประมาณ 6 เดือนเศษ กับดอกเบี้ย 2.75% เงินฝากของออมสินนี้ไม่ต้องเสียภาษี หากจะคำนวณกลับเทียบกับเงินฝากประจำจะอยู่ที่ 3.23%
ตามปกติธนาคารใหญ่มักจะให้อัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าธนาคารขนาดกลางและเล็ก เพราะได้เปรียบเรื่องสาขาและความน่าเชื่อถือด้านความมั่นคง ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ฝากแต่ละราย หากใครบ้านใกล้สาขาธนาคารขนาดกลางหรือเล็กเลือกฝากไว้ได้ เพราะถึงอย่างไรรัฐบาลก็ยังคุ้มครองเงินฝากไว้ที่ไม่เกิน 50 ล้านบาท
ส่วนการจะเลือกฝากสั้นหรือยาวนั้นขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละบุคคล แต่หากประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยแล้ว เดิมคาดว่าแบงก์ชาติอาจปรับลงจากภาคการเมืองที่บีบ เมื่อแบงก์ชาติยังตรึงดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิม ประกอบกับภาคเอกชนมีการออกหุ้นกู้กันมากขึ้น และแบงก์ก็ต้องระดมเงินเพื่อปล่อยสินเชื่อ รวมถึงโครงการเมกะโปรเจกต์ 2.2 ล้านล้านบาทที่รัฐบาลจะกู้เงินในประเทศด้วยการออกพันธบัตร ที่จะทยอยออกมาเป็นรุ่น
ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวแย่งเงินฝาก ทำให้ดอกเบี้ยปรับลงยากเว้นแต่แบงก์ชาติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งต่อไปลง สถานการณ์ในขณะนี้มีบางรายที่เลือกฝากสั้นเพื่อรอพันธบัตรรัฐบาลออกมา หรือบางคนก็เลือกฝากยาวเกือบ 4 ปีของธนาคารกรุงไทย
หากจะมองว่าแบงก์พาณิชย์เริ่มเข้ามาล็อกเงินฝากของคนมีเงินออมไว้ก่อนก็คงไม่ผิด เพราะถึงอย่างไรช่วงไตรมาส 2 หรือ 3 รัฐบาลก็คงต้องออกพันธบัตรมาเสนอขายอยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าจะเสนอดอกเบี้ยในอัตราใดเท่านั้น