ออนไลน์ได้คู่ Grindr แอปพลิเคชันแชตเกย์ยอดฮิต ช่วยคลับสีม่วงนัดมีเซ็กซ์แบบเรียลไทม์ แพทย์เตือนกุ๊กกิ๊กได้ แต่ต้องระวังโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ยังมีสุขภาวะทางเพศอีกหลายเรื่องที่เกย์ต้องรู้ก่อนนัด!
“ดูอะไรอยู่น่ะ” ระหว่างรออาหารเย็นในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เสียงเพื่อนสาวคนหนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบจากกิจกรรมส่วนตัวบนหน้าจอไอโฟน ซึ่งแน่นอนว่าเธอเองก็เพิ่งเงยหน้าขึ้นมาจากไอโฟน4s ของตนเช่นกัน
เพื่อนชาวคลับสีม่วงนามสมมติว่า “เจ” ซึ่งกำลังส่องภาพถ่ายในไอโฟนจนผู้ชายในรูปแทบทะลุออกมา หันมาตอบว่า “ดูคนนี้สิ หล่อไหม” เสียงกรี๊ดกร๊าดดังลั่นหลังจากทุกคนได้เห็นชายหนุ่มหล่อล่ำยืนเฉิดฉายโชว์หุ่นอยู่บนหน้าจอเล็กๆ ของเจ
ก่อนจะครางฮือเมื่อเจเฉลยว่า เธอกำลังเล่นแอป Grindr ซึ่งเป็นแอปโซเชียลสำหรับคุยกับเพื่อนชาวสีม่วงด้วยกัน และมีข้อดีที่สามารถหาเพื่อนที่กำลังออนไลน์ได้ในระยะใกล้ๆ ประมาณ 5 กิโลเมตรรอบตัวเราอีกด้วย ทำให้รู้จักกันได้เร็วขึ้น เจอกันก็ยิ่งง่ายขึ้นไปอีก
คุณสมบัติข้อนี้ เธอพิสูจน์มาแล้วทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพราะแอปที่ว่านี้เป็นแอปที่สร้างขึ้นโดยชาวอเมริกันเชื้อสายอิสราเอลชื่อโจเอล ซิมไค ดังนั้นไม่ว่าจะออนไลน์อยู่ที่ไหนก็มีสิทธิ์พบเพื่อนชาวสีม่วงที่กำลังออนไลน์ในรัศมีใกล้เคียงเต็มไปหมด
เจใช้แอปนี้มาแล้วครบทุกฟังก์ชัน ทั้งดูภาพหนุ่มหล่อเพลินๆ แชตคุยกันเล่นๆ และนัดเจอกันจริงจังเพื่อไปหาอะไรทำกันต่อ..... ?!?!?
วิวัฒนาการการหาคู่
พัฒนาการการหาคู่ครองของคนไทยสมัยโบราณเริ่มจากหนุ่มสาวไปเจอกันในงานวัด หรือเทศกาลประเพณีต่างๆ เมื่อถูกใจก็เกี้ยวพาราสีกันจนเป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายชายจึงให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอฝ่ายหญิงมาเป็นแม่เรือน มิเช่นนั้นก็ต้องพึ่งพาแม่สื่อแม่ชักเป็นผู้ทำหน้าที่จับคู่ให้หนุ่มสาวได้พบ นัดเที่ยว และคบหาดูใจกัน
ล่วงเข้าสู่ยุคสมัยที่มีสื่อสิ่งพิมพ์ คนก็เริ่มหาคู่ผ่านคอลัมน์จับคู่ เช่น คอลัมน์มาลัยเสี่ยงรัก โดยลุงหนวด ที่ส่งรูปและข้อมูลส่วนตัวไปลงหนังสือพิมพ์ เพื่อหาเพื่อนใจที่มีความสนใจใกล้เคียงกัน พัฒนาไปสู่ความสัมพันธ์ประเภทอื่นๆ
ทันสมัยขึ้นมาหน่อยก็ไปหาคู่กันในสถานที่เที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่เที่ยวยามค่ำคืน และรู้กันดีว่าเป็นได้เพียงเพื่อนเที่ยวเพื่อนกินกันชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อโลกาภิวัตน์พาระบบอินเทอร์เน็ตมาถึง กระบวนการการหาคู่ก็ง่ายดายขึ้นมาก โดยพัฒนามาจากโปรแกรมแชตบนคอมพิวเตอร์ เช่น ไอซีคิว เพิร์ช เว็บบอร์ดต่างๆ เว็บหาคู่ มาจนถึงเอ็มเอสเอ็น โปรแกรมแชตของฮอตเมลที่มีคนนิยมใช้กันทั่วโลก เพียงแค่ดาวน์โหลดโปรแกรมมาไว้ในคอมพิวเตอร์ และกรอกยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดเท่านั้นก็เข้าไปคุยกับเพื่อนได้ทั่วโลกแล้ว การพัฒนาจากการคุยกันจนไว้เนื้อเชื่อใจแล้วจึงนัดออกไปพบกันในโลกความเป็นจริงจึงเกิดขึ้นได้ และทำให้หลายคู่ได้แต่งงานกันเพราะโปรแกรมแชตก็มีเยอะแล้ว แต่ที่ถูกหลอกไปทำมิดีมิร้ายหรือหลอกลวงขโมยทรัพย์สินก็คงมีพอกัน แต่คงไม่ค่อยมีใครอยากเป็นข่าวร้ายๆ สักเท่าไร
ต่อมา เว็บโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่าง Hi5 เริ่มเกิดขึ้น โดยผู้พัฒนาเขียนโปรแกรมให้มีการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปเชิญคนมาสมัครเป็นสมาชิก เมื่อสมัครสมาชิกเสร็จ ก็มีคำสั่งให้ส่งจดหมายออกไปเชิญชวนเพื่อนในลิสต์มาสมัครต่อๆ กันไปอีก กลายเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กที่คนเล่นเว็บเดียวกัน สามารถมาทำความรู้จักตัวตนของกันและกันผ่านรูปถ่ายและโปรไฟล์บนเว็บโซเชียลเหล่านั้นได้ ซึ่งภายหลัง facebook ของซักเกอร์เบิร์กก็มาแรงแซงเว็บโซเชียลอื่นๆ ขึ้นแท่นโซเชียลเน็ตเวิร์กอันดับ 1 สำเร็จ จนทำให้หลายคนต้องมีแอกเคานต์ facebook อย่างน้อยคนละ 1 แอกเคานต์ คนจึงเปลี่ยนมาทำความรู้จักกันผ่าน facebook เพราะได้คุย ได้แสดงความเห็น แบ่งปันสิ่งที่สนใจร่วมกัน
จนกระทั่งถึงยุคของเทคโนโลยีของสมาร์ทโฟนที่สามารถรองรับโซเชียลเน็ตเวิร์กได้อย่างไร้ขีดจำกัดมากขึ้น โดยอาศัยเทคโนโลยีระบุพิกัด GPS ซึ่งมีมากับสมาร์ทโฟนทุกเครื่อง จึงทำให้เราหาเพื่อนใหม่ง่ายดายแบบที่แทบจะเดินไปหาได้ในทันที หากกำลังออนไลน์แอปพลิเคชันเดียวกันอยู่ในขอบเขตใกล้ๆ กัน
แอปพลิเคชันประเภท “หาคนอยู่ใกล้” ช่วยเยียวยาอาการโดดเดี่ยวของคนเมืองได้ชะงัด ยิ่งได้รับความนิยมก็ยิ่งมีคนพัฒนาออกมาหลากหลายยี่ห้อ และมีลักษณะเจาะจงเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เพื่อให้สังคมมีทางเลือกหลากหลาย จากที่มีวัตถุประสงค์ในการหาเพื่อนคุยปกติธรรมดา ก็กลายเป็นโปรแกรมที่นำมาใช้หาคู่ หาคู่หญิง-ชาย หาคู่หญิง-หญิง หาคู่ชาย-ชาย เช่นแอป Grindr ที่เจกำลังติดอกติดใจนั่นเอง
แอป Grindr “รุก-รับ-ฉับไว”
แอป Grindr เป็นโปรแกรมแชตที่ใช้เทคโนโลยีระบุพิกัด GPS ในการค้นหาและเชื่อมต่อสมาชิกที่อยู่บริเวณใกล้กัน โดยผู้ใช้จะต้องลงโปรแกรมบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตในระบบปฏิบัติการไอโอเอส, แอนดรอยด์ และแบล็กเบอร์รี ซึ่งมีทั้งแบบให้เล่นฟรีและเสียเงิน
เมื่อผู้ใช้ลงทะเบียนโดยกรอกประวัติและใส่รูปภาพสุดสยิวกิ้วแล้ว จะสามารถเช็กอินเข้าสู่โปรแกรมเพื่อส่งข้อความถึงสมาชิกที่กำลังออนไลน์อยู่ได้ โดยที่แอปจะค้นหาคนที่อยู่รอบๆ ตัวเราในรัศมีประมาณ 5 กิโลเมตรที่กำลังออนไลน์ขึ้นมา ซึ่งแอปนี้เป็นที่นิยมสำหรับชาวเกย์ขนาดไหน ตอบได้ว่าแค่ในประเทศไทย Grindr ก็ติดอันดับ 4 ของแอป iPhone ที่ทำรายได้สูงสุดในหมวด Social Networking แล้ว และยังมีคำโฆษณาว่าเป็นชุมชนชาวเกย์สังคมใหญ่ที่มีผู้ใช้มากกว่า 3 ล้านคนใน 192 ประเทศอีกด้วย
ดังนั้น หากลองออนไลน์เข้าไปจะพบว่ามีเพื่อนเกย์ออนไลน์กันอยู่พรึ่บพรั่บทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับ และเกย์ที่เข้ามาเล่นแอปนี้ส่วนใหญ่จะหน้าตาดีเสียด้วย
เจแบ่งปันประสบการณ์การใช้งาน Grindr ในต่างประเทศของเขาว่า ครั้งหนึ่งเคยออนไลน์แอป Grindr ที่สนามบินระหว่างรอเปลี่ยนเครื่อง มีเกย์คนหนึ่งส่งข้อความมาบอกว่าอยู่บริเวณนั้น และต้องการพบเจก่อนขึ้นเครื่องในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“พอเจอกันก็เดินหาห้องน้ำที่เงียบที่สุดในบริเวณนั้น และทำอะไรกันเงียบๆ”
เจเล่าอย่างขำๆ ชวนให้เพื่อนๆ ฮือฮากับฤทธิ์ของแอป Grindr ที่หาคู่ได้ในเวลาเพียงเล็กน้อยจริงๆ
นอกจากนั้น บางที Grindr ยังเป็น “เกย์ด้า” ใช้ค้นหาเกย์รอบตัวได้โดยไม่ตั้งใจเสียอีก
“มีวันหนึ่งนั่งรถตู้ไปเที่ยวกันกับเพื่อนสาว 5 คน ทุกคนต่างหยิบไอโฟนขึ้นมาเล่นบนรถ และออนไลน์ Grindr มาเจอกันครบทั้ง 5 คนเลย ต่างคนต่างหันหน้ามาหัวเราะใส่กัน”
รู้เท่าทันอันตราย ปลอดภัยทุกแอป
การมีแอปพลิเคชันคุยกันเฉพาะกลุ่มเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคม ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด และการหาคู่ก็มีมาทุกยุคทุกสมัย แต่ผู้ใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะเยาวชน จำเป็นต้องรู้เท่าทันเพื่อป้องกันตนเองจากภัยต่างๆ อาทิ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเคยมีการสำรวจผู้ใช้แอป Grindr โดยแพทย์ชาวนิวซีแลนด์พบว่ามีการติดเชื้อซิฟิลิสเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ใช้แอปพลิชันเกย์ ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่สามารถทำให้เกิดโรคแก่ระบบอื่นๆ ของร่างกายได้ เช่น ซิฟิลิสระบบหัวใจและหลอดเลือด ซิฟิลิสระบบประสาท เป็นต้น
สอดคล้องกับข้อมูลที่ พันตำรวจโทแพทย์หญิงอัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจิตแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า มีเด็กผู้ชายถูกล่วงละเมิดทางเพศผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้นทุกปี ทำให้เกิดติดโรคทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ อาทิ ซิฟิลิส เอดส์ และหนองใน ซึ่งกำลังมีอัตราการระบาดเพิ่มขึ้นในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม สุพัฒนุช สอนดำริห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารการตลาดเพื่อสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีความเห็นว่า การหาคู่ผ่านสังคมออนไลน์มีมานานมาก และมีอยู่ในหลายรูปแบบ หากนัดกันเพื่อไปมีเซ็กซ์ก็ยากที่จะรู้เท่าทัน เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าคนที่เราเจอเป็นใคร มีโรคติดต่ออะไรบ้าง แม้แต่การป้องกันตนเอง หลายคนก็ยังมีความเข้าใจน้อยมาก โดยส่วนใหญ่จะคิดว่าสวมถุงยางอนามัยอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว
“ส่วนใหญ่เขาจะเข้าใจว่าการใส่ถุงยางอนามัยปลอดภัยแน่แล้ว หรือการเข้าข้างหลังไม่เป็นอันตราย แต่ความเป็นจริงไม่ได้มีแค่ HIV ที่ต้องระวัง ยังมีโรคอื่นๆ ที่เขาไม่รู้อีกด้วย เช่น ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าอวัยวะเพศชายมีโอกาสติดเชื้อพยาธิสูง และไม่รู้ด้วยว่าจะเกิดขึ้นบริเวณไหน โดยเฉพาะในกลุ่มเพศที่สามที่ต้องรู้อีกว่า จะใช้ถุงยางอย่างไรให้ปลอดภัย, ใช้น้ำมันหล่อลื่นอย่างไร, ออรัลได้ไหม ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการติดโรคอื่นๆ หรือการดูแลสุขภาวะทางเพศของตนว่าต้องดูแลอย่างไร จึงยิ่งทำให้เกิดอันตราย เพราะไม่มีการดูแลป้องกันตัวเอง เวลาที่เขาไปเจอใครจึงยิ่งไปกันใหญ่”
ทางออกในการที่จะรู้เท่าทันเรื่องเพศจึงต้องมีการจัดทำชุดความรู้อย่างจริงจัง เกี่ยวกับข้อควรระวัง การป้องกันเรื่องความสะอาด การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และการเลือกคู่ สำหรับกลุ่มเพศที่สาม เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีใครจัดทำข้อมูลด้านสุขภาวะทางเพศสำหรับกลุ่มเพศที่สามนัก
นอกจากนั้น คุณพ่อคุณแม่ หรือโรงเรียน ต้องรู้จักสังเกตเด็ก และพูดคุยเรื่องเพศกับเด็กตั้งแต่ยังเล็กให้เหมาะสมตามวัย เพื่อให้เด็กเกิดความเข้าใจเรื่องการดูแลตนเองมากขึ้น และถ้าเด็กสนิทกับพ่อแม่ จะไว้ใจมากพอที่จะเล่าเรื่องต่างๆ ให้พ่อแม่ฟัง อย่างไรก็ดี หากจะตรวจสอบสมาร์ทโฟนของลูก พ่อแม่ควรทำความเข้าใจว่า สิ่งสำคัญคือ อย่ารู้แล้วตกใจ แต่ต้องรู้อย่างเข้าใจวิธีการจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ด้าน นางสาวกุลทิพย์ ศาสตระรุจิ ผู้อำนวยการหลักสูตรนิเทศศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณทิตย์ มองว่า เยาวชนยุคใหม่เรียนรู้เร็วและเชี่ยวชาญเรื่องการใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้มากขึ้น โดยแอปพลิเคชันแบบ Grindr เป็น Sub-culture Group ที่มีทั้งที่เป็น Public และ Private ซึ่งแอปเหล่านี้โตในอเมริกามานานแล้ว
โดยในอเมริกา การใช้ Grindr ในการหาคู่ Partner จะเป็นการคบหาในทางบวก (positive) เช่น พูดคุย แชร์ไอเดีย รสนิยมของเพศทางเลือก ซึ่งไม่ได้มีแค่เรื่อง sex อย่างเดียว
สำหรับแอปแนวนี้ที่เข้ามาบูมในประเทศไทย คือ Grindr และเริ่มมีแอปอีกตัวเข้ามาชื่อ Jack ’D ซึ่งมีฟังก์ชันที่ทำให้ผู้ใช้ทราบระยะทางผ่านการ Share location เช่น ถ้าไปพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ หรือจตุจักร ก็จะรู้ว่ามีใครที่เรา Chat share อยู่แถวนั้นบ้าง จึงนัดเจอกันได้
การเจอกันตอนกลางวันไม่น่าเป็นห่วงเรื่องการติดโรค แต่ถ้านัดออกไปเจอกัน และมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ Safe sex ก็อาจติดโรคได้ จึงควรรณรงค์เรื่องการ Safe sex มากกว่าการห้ามเล่นแอปหาคู่
ส่วนความเสี่ยงทางด้านการถูกหลอกลวงจากแอปหาคู่อาจมีบ้าง แต่ทุกคนสามารถเรียนรู้ให้เท่าทันได้ ผ่านการใช้ภาษา การโพสต์ภาพ การคุย ซึ่งทุกคนก่อนที่จะมาเล่นแอปหาคู่ คงเคยเล่นแอปโซเชียลประเภทอื่นอยู่แล้ว เช่น line, whatapp, facebook เป็นต้น
“เด็กยุคใหม่ปิดกั้นไม่ได้แล้ว ที่บ้านต้องรู้เท่าทัน เพราะเด็กเรียนรู้จากเพื่อน และโลกออนไลน์มากขึ้น ห้ามไม่ให้เล่นก็ไม่ได้ เพื่อนที่เป็นเกย์เล่นกันทุกคน ถ้าไม่เล่น ไม่รู้ก็กลัวเชย ดังนั้น พ่อแม่ต้องรู้เวลาว่างของลูก รู้เวลาเรียน เวลาที่ลูกอยู่กับเพื่อน และศึกษาเรื่องแอปบ้าง คุยกับเพื่อนๆ ลูกบ้าง”
โปรดติดตามภัยคุกตามที่มากับ “แอปพลิเคชัน” ตอน 3 แอปอาชญากรล้วงลึก-ดูดข้อมูลผู้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟน
“ดูอะไรอยู่น่ะ” ระหว่างรออาหารเย็นในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เสียงเพื่อนสาวคนหนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบจากกิจกรรมส่วนตัวบนหน้าจอไอโฟน ซึ่งแน่นอนว่าเธอเองก็เพิ่งเงยหน้าขึ้นมาจากไอโฟน4s ของตนเช่นกัน
เพื่อนชาวคลับสีม่วงนามสมมติว่า “เจ” ซึ่งกำลังส่องภาพถ่ายในไอโฟนจนผู้ชายในรูปแทบทะลุออกมา หันมาตอบว่า “ดูคนนี้สิ หล่อไหม” เสียงกรี๊ดกร๊าดดังลั่นหลังจากทุกคนได้เห็นชายหนุ่มหล่อล่ำยืนเฉิดฉายโชว์หุ่นอยู่บนหน้าจอเล็กๆ ของเจ
ก่อนจะครางฮือเมื่อเจเฉลยว่า เธอกำลังเล่นแอป Grindr ซึ่งเป็นแอปโซเชียลสำหรับคุยกับเพื่อนชาวสีม่วงด้วยกัน และมีข้อดีที่สามารถหาเพื่อนที่กำลังออนไลน์ได้ในระยะใกล้ๆ ประมาณ 5 กิโลเมตรรอบตัวเราอีกด้วย ทำให้รู้จักกันได้เร็วขึ้น เจอกันก็ยิ่งง่ายขึ้นไปอีก
คุณสมบัติข้อนี้ เธอพิสูจน์มาแล้วทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพราะแอปที่ว่านี้เป็นแอปที่สร้างขึ้นโดยชาวอเมริกันเชื้อสายอิสราเอลชื่อโจเอล ซิมไค ดังนั้นไม่ว่าจะออนไลน์อยู่ที่ไหนก็มีสิทธิ์พบเพื่อนชาวสีม่วงที่กำลังออนไลน์ในรัศมีใกล้เคียงเต็มไปหมด
เจใช้แอปนี้มาแล้วครบทุกฟังก์ชัน ทั้งดูภาพหนุ่มหล่อเพลินๆ แชตคุยกันเล่นๆ และนัดเจอกันจริงจังเพื่อไปหาอะไรทำกันต่อ..... ?!?!?
วิวัฒนาการการหาคู่
พัฒนาการการหาคู่ครองของคนไทยสมัยโบราณเริ่มจากหนุ่มสาวไปเจอกันในงานวัด หรือเทศกาลประเพณีต่างๆ เมื่อถูกใจก็เกี้ยวพาราสีกันจนเป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายชายจึงให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอฝ่ายหญิงมาเป็นแม่เรือน มิเช่นนั้นก็ต้องพึ่งพาแม่สื่อแม่ชักเป็นผู้ทำหน้าที่จับคู่ให้หนุ่มสาวได้พบ นัดเที่ยว และคบหาดูใจกัน
ล่วงเข้าสู่ยุคสมัยที่มีสื่อสิ่งพิมพ์ คนก็เริ่มหาคู่ผ่านคอลัมน์จับคู่ เช่น คอลัมน์มาลัยเสี่ยงรัก โดยลุงหนวด ที่ส่งรูปและข้อมูลส่วนตัวไปลงหนังสือพิมพ์ เพื่อหาเพื่อนใจที่มีความสนใจใกล้เคียงกัน พัฒนาไปสู่ความสัมพันธ์ประเภทอื่นๆ
ทันสมัยขึ้นมาหน่อยก็ไปหาคู่กันในสถานที่เที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่เที่ยวยามค่ำคืน และรู้กันดีว่าเป็นได้เพียงเพื่อนเที่ยวเพื่อนกินกันชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อโลกาภิวัตน์พาระบบอินเทอร์เน็ตมาถึง กระบวนการการหาคู่ก็ง่ายดายขึ้นมาก โดยพัฒนามาจากโปรแกรมแชตบนคอมพิวเตอร์ เช่น ไอซีคิว เพิร์ช เว็บบอร์ดต่างๆ เว็บหาคู่ มาจนถึงเอ็มเอสเอ็น โปรแกรมแชตของฮอตเมลที่มีคนนิยมใช้กันทั่วโลก เพียงแค่ดาวน์โหลดโปรแกรมมาไว้ในคอมพิวเตอร์ และกรอกยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดเท่านั้นก็เข้าไปคุยกับเพื่อนได้ทั่วโลกแล้ว การพัฒนาจากการคุยกันจนไว้เนื้อเชื่อใจแล้วจึงนัดออกไปพบกันในโลกความเป็นจริงจึงเกิดขึ้นได้ และทำให้หลายคู่ได้แต่งงานกันเพราะโปรแกรมแชตก็มีเยอะแล้ว แต่ที่ถูกหลอกไปทำมิดีมิร้ายหรือหลอกลวงขโมยทรัพย์สินก็คงมีพอกัน แต่คงไม่ค่อยมีใครอยากเป็นข่าวร้ายๆ สักเท่าไร
ต่อมา เว็บโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่าง Hi5 เริ่มเกิดขึ้น โดยผู้พัฒนาเขียนโปรแกรมให้มีการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปเชิญคนมาสมัครเป็นสมาชิก เมื่อสมัครสมาชิกเสร็จ ก็มีคำสั่งให้ส่งจดหมายออกไปเชิญชวนเพื่อนในลิสต์มาสมัครต่อๆ กันไปอีก กลายเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กที่คนเล่นเว็บเดียวกัน สามารถมาทำความรู้จักตัวตนของกันและกันผ่านรูปถ่ายและโปรไฟล์บนเว็บโซเชียลเหล่านั้นได้ ซึ่งภายหลัง facebook ของซักเกอร์เบิร์กก็มาแรงแซงเว็บโซเชียลอื่นๆ ขึ้นแท่นโซเชียลเน็ตเวิร์กอันดับ 1 สำเร็จ จนทำให้หลายคนต้องมีแอกเคานต์ facebook อย่างน้อยคนละ 1 แอกเคานต์ คนจึงเปลี่ยนมาทำความรู้จักกันผ่าน facebook เพราะได้คุย ได้แสดงความเห็น แบ่งปันสิ่งที่สนใจร่วมกัน
จนกระทั่งถึงยุคของเทคโนโลยีของสมาร์ทโฟนที่สามารถรองรับโซเชียลเน็ตเวิร์กได้อย่างไร้ขีดจำกัดมากขึ้น โดยอาศัยเทคโนโลยีระบุพิกัด GPS ซึ่งมีมากับสมาร์ทโฟนทุกเครื่อง จึงทำให้เราหาเพื่อนใหม่ง่ายดายแบบที่แทบจะเดินไปหาได้ในทันที หากกำลังออนไลน์แอปพลิเคชันเดียวกันอยู่ในขอบเขตใกล้ๆ กัน
แอปพลิเคชันประเภท “หาคนอยู่ใกล้” ช่วยเยียวยาอาการโดดเดี่ยวของคนเมืองได้ชะงัด ยิ่งได้รับความนิยมก็ยิ่งมีคนพัฒนาออกมาหลากหลายยี่ห้อ และมีลักษณะเจาะจงเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เพื่อให้สังคมมีทางเลือกหลากหลาย จากที่มีวัตถุประสงค์ในการหาเพื่อนคุยปกติธรรมดา ก็กลายเป็นโปรแกรมที่นำมาใช้หาคู่ หาคู่หญิง-ชาย หาคู่หญิง-หญิง หาคู่ชาย-ชาย เช่นแอป Grindr ที่เจกำลังติดอกติดใจนั่นเอง
แอป Grindr “รุก-รับ-ฉับไว”
แอป Grindr เป็นโปรแกรมแชตที่ใช้เทคโนโลยีระบุพิกัด GPS ในการค้นหาและเชื่อมต่อสมาชิกที่อยู่บริเวณใกล้กัน โดยผู้ใช้จะต้องลงโปรแกรมบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตในระบบปฏิบัติการไอโอเอส, แอนดรอยด์ และแบล็กเบอร์รี ซึ่งมีทั้งแบบให้เล่นฟรีและเสียเงิน
เมื่อผู้ใช้ลงทะเบียนโดยกรอกประวัติและใส่รูปภาพสุดสยิวกิ้วแล้ว จะสามารถเช็กอินเข้าสู่โปรแกรมเพื่อส่งข้อความถึงสมาชิกที่กำลังออนไลน์อยู่ได้ โดยที่แอปจะค้นหาคนที่อยู่รอบๆ ตัวเราในรัศมีประมาณ 5 กิโลเมตรที่กำลังออนไลน์ขึ้นมา ซึ่งแอปนี้เป็นที่นิยมสำหรับชาวเกย์ขนาดไหน ตอบได้ว่าแค่ในประเทศไทย Grindr ก็ติดอันดับ 4 ของแอป iPhone ที่ทำรายได้สูงสุดในหมวด Social Networking แล้ว และยังมีคำโฆษณาว่าเป็นชุมชนชาวเกย์สังคมใหญ่ที่มีผู้ใช้มากกว่า 3 ล้านคนใน 192 ประเทศอีกด้วย
ดังนั้น หากลองออนไลน์เข้าไปจะพบว่ามีเพื่อนเกย์ออนไลน์กันอยู่พรึ่บพรั่บทั้งฝ่ายรุกและฝ่ายรับ และเกย์ที่เข้ามาเล่นแอปนี้ส่วนใหญ่จะหน้าตาดีเสียด้วย
เจแบ่งปันประสบการณ์การใช้งาน Grindr ในต่างประเทศของเขาว่า ครั้งหนึ่งเคยออนไลน์แอป Grindr ที่สนามบินระหว่างรอเปลี่ยนเครื่อง มีเกย์คนหนึ่งส่งข้อความมาบอกว่าอยู่บริเวณนั้น และต้องการพบเจก่อนขึ้นเครื่องในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“พอเจอกันก็เดินหาห้องน้ำที่เงียบที่สุดในบริเวณนั้น และทำอะไรกันเงียบๆ”
เจเล่าอย่างขำๆ ชวนให้เพื่อนๆ ฮือฮากับฤทธิ์ของแอป Grindr ที่หาคู่ได้ในเวลาเพียงเล็กน้อยจริงๆ
นอกจากนั้น บางที Grindr ยังเป็น “เกย์ด้า” ใช้ค้นหาเกย์รอบตัวได้โดยไม่ตั้งใจเสียอีก
“มีวันหนึ่งนั่งรถตู้ไปเที่ยวกันกับเพื่อนสาว 5 คน ทุกคนต่างหยิบไอโฟนขึ้นมาเล่นบนรถ และออนไลน์ Grindr มาเจอกันครบทั้ง 5 คนเลย ต่างคนต่างหันหน้ามาหัวเราะใส่กัน”
รู้เท่าทันอันตราย ปลอดภัยทุกแอป
การมีแอปพลิเคชันคุยกันเฉพาะกลุ่มเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคม ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด และการหาคู่ก็มีมาทุกยุคทุกสมัย แต่ผู้ใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะเยาวชน จำเป็นต้องรู้เท่าทันเพื่อป้องกันตนเองจากภัยต่างๆ อาทิ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเคยมีการสำรวจผู้ใช้แอป Grindr โดยแพทย์ชาวนิวซีแลนด์พบว่ามีการติดเชื้อซิฟิลิสเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ใช้แอปพลิชันเกย์ ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่สามารถทำให้เกิดโรคแก่ระบบอื่นๆ ของร่างกายได้ เช่น ซิฟิลิสระบบหัวใจและหลอดเลือด ซิฟิลิสระบบประสาท เป็นต้น
สอดคล้องกับข้อมูลที่ พันตำรวจโทแพทย์หญิงอัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจิตแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า มีเด็กผู้ชายถูกล่วงละเมิดทางเพศผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้นทุกปี ทำให้เกิดติดโรคทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ อาทิ ซิฟิลิส เอดส์ และหนองใน ซึ่งกำลังมีอัตราการระบาดเพิ่มขึ้นในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม สุพัฒนุช สอนดำริห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารการตลาดเพื่อสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีความเห็นว่า การหาคู่ผ่านสังคมออนไลน์มีมานานมาก และมีอยู่ในหลายรูปแบบ หากนัดกันเพื่อไปมีเซ็กซ์ก็ยากที่จะรู้เท่าทัน เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าคนที่เราเจอเป็นใคร มีโรคติดต่ออะไรบ้าง แม้แต่การป้องกันตนเอง หลายคนก็ยังมีความเข้าใจน้อยมาก โดยส่วนใหญ่จะคิดว่าสวมถุงยางอนามัยอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว
“ส่วนใหญ่เขาจะเข้าใจว่าการใส่ถุงยางอนามัยปลอดภัยแน่แล้ว หรือการเข้าข้างหลังไม่เป็นอันตราย แต่ความเป็นจริงไม่ได้มีแค่ HIV ที่ต้องระวัง ยังมีโรคอื่นๆ ที่เขาไม่รู้อีกด้วย เช่น ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าอวัยวะเพศชายมีโอกาสติดเชื้อพยาธิสูง และไม่รู้ด้วยว่าจะเกิดขึ้นบริเวณไหน โดยเฉพาะในกลุ่มเพศที่สามที่ต้องรู้อีกว่า จะใช้ถุงยางอย่างไรให้ปลอดภัย, ใช้น้ำมันหล่อลื่นอย่างไร, ออรัลได้ไหม ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการติดโรคอื่นๆ หรือการดูแลสุขภาวะทางเพศของตนว่าต้องดูแลอย่างไร จึงยิ่งทำให้เกิดอันตราย เพราะไม่มีการดูแลป้องกันตัวเอง เวลาที่เขาไปเจอใครจึงยิ่งไปกันใหญ่”
ทางออกในการที่จะรู้เท่าทันเรื่องเพศจึงต้องมีการจัดทำชุดความรู้อย่างจริงจัง เกี่ยวกับข้อควรระวัง การป้องกันเรื่องความสะอาด การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และการเลือกคู่ สำหรับกลุ่มเพศที่สาม เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีใครจัดทำข้อมูลด้านสุขภาวะทางเพศสำหรับกลุ่มเพศที่สามนัก
นอกจากนั้น คุณพ่อคุณแม่ หรือโรงเรียน ต้องรู้จักสังเกตเด็ก และพูดคุยเรื่องเพศกับเด็กตั้งแต่ยังเล็กให้เหมาะสมตามวัย เพื่อให้เด็กเกิดความเข้าใจเรื่องการดูแลตนเองมากขึ้น และถ้าเด็กสนิทกับพ่อแม่ จะไว้ใจมากพอที่จะเล่าเรื่องต่างๆ ให้พ่อแม่ฟัง อย่างไรก็ดี หากจะตรวจสอบสมาร์ทโฟนของลูก พ่อแม่ควรทำความเข้าใจว่า สิ่งสำคัญคือ อย่ารู้แล้วตกใจ แต่ต้องรู้อย่างเข้าใจวิธีการจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ด้าน นางสาวกุลทิพย์ ศาสตระรุจิ ผู้อำนวยการหลักสูตรนิเทศศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณทิตย์ มองว่า เยาวชนยุคใหม่เรียนรู้เร็วและเชี่ยวชาญเรื่องการใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้มากขึ้น โดยแอปพลิเคชันแบบ Grindr เป็น Sub-culture Group ที่มีทั้งที่เป็น Public และ Private ซึ่งแอปเหล่านี้โตในอเมริกามานานแล้ว
โดยในอเมริกา การใช้ Grindr ในการหาคู่ Partner จะเป็นการคบหาในทางบวก (positive) เช่น พูดคุย แชร์ไอเดีย รสนิยมของเพศทางเลือก ซึ่งไม่ได้มีแค่เรื่อง sex อย่างเดียว
สำหรับแอปแนวนี้ที่เข้ามาบูมในประเทศไทย คือ Grindr และเริ่มมีแอปอีกตัวเข้ามาชื่อ Jack ’D ซึ่งมีฟังก์ชันที่ทำให้ผู้ใช้ทราบระยะทางผ่านการ Share location เช่น ถ้าไปพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ หรือจตุจักร ก็จะรู้ว่ามีใครที่เรา Chat share อยู่แถวนั้นบ้าง จึงนัดเจอกันได้
การเจอกันตอนกลางวันไม่น่าเป็นห่วงเรื่องการติดโรค แต่ถ้านัดออกไปเจอกัน และมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ Safe sex ก็อาจติดโรคได้ จึงควรรณรงค์เรื่องการ Safe sex มากกว่าการห้ามเล่นแอปหาคู่
ส่วนความเสี่ยงทางด้านการถูกหลอกลวงจากแอปหาคู่อาจมีบ้าง แต่ทุกคนสามารถเรียนรู้ให้เท่าทันได้ ผ่านการใช้ภาษา การโพสต์ภาพ การคุย ซึ่งทุกคนก่อนที่จะมาเล่นแอปหาคู่ คงเคยเล่นแอปโซเชียลประเภทอื่นอยู่แล้ว เช่น line, whatapp, facebook เป็นต้น
“เด็กยุคใหม่ปิดกั้นไม่ได้แล้ว ที่บ้านต้องรู้เท่าทัน เพราะเด็กเรียนรู้จากเพื่อน และโลกออนไลน์มากขึ้น ห้ามไม่ให้เล่นก็ไม่ได้ เพื่อนที่เป็นเกย์เล่นกันทุกคน ถ้าไม่เล่น ไม่รู้ก็กลัวเชย ดังนั้น พ่อแม่ต้องรู้เวลาว่างของลูก รู้เวลาเรียน เวลาที่ลูกอยู่กับเพื่อน และศึกษาเรื่องแอปบ้าง คุยกับเพื่อนๆ ลูกบ้าง”
โปรดติดตามภัยคุกตามที่มากับ “แอปพลิเคชัน” ตอน 3 แอปอาชญากรล้วงลึก-ดูดข้อมูลผู้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟน