สธ.เร่งตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวทั่วประเทศ พร้อมดันแรงงานต่างด้าวภาคอุตสาหกรรมเข้าสู่ระบบประกันสังคม ส่วนแรงงานต่างด้าวภาคประมง เกษตรกรรม กรรมกร ฯลฯ สั่งให้ซื้อหลักประกันสุขภาพคนละ 1,300 บาทต่อปี โฆษณาได้สิทธิประโยชน์เทียบเท่าคนไทยทุกอย่าง
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยเกี่ยวกับมาตรการดูแลสุขภาพแรงงานต่างด้าว ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง สัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยเร่งรัดการพิสูจน์สัญชาติให้แรงงานหลบหนีเข้าเมือง ที่ได้รับการผ่อนผันให้ทำงานในประเทศไทยให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 14 มิถุนายน 2555 ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งดำเนินการตรวจสุขภาพให้แรงงานดังกล่าว หลังจากนั้น แรงงานต่างด้าวจะต้องเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพ 2 กลุ่ม คือ 1.ประกันสังคมในผู้ที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรม มีสิทธิประโยชน์เท่าเทียมกับคนไทยที่ประกันตน กลุ่มที่ 2 คือผู้ที่ไม่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ ผู้ที่ทำงานในภาคประมง เกษตรกรรม กรรมกร เลี้ยงสัตว์ ป่าไม้ งานบ้าน รวมทั้งผู้ติดตามซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 5-6 แสนคน
นายวิทยา กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายจะให้การดูแลให้มีหลักประกันสุขภาพทุกคน โดยให้ทุกคนซื้อบัตรประกันสุขภาพ ได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย และส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคด้วยเช่นเดียวกับคนไทย ซึ่งจะมีผลดีในการป้องกันโรคติดต่อที่มากับต่างด้าวได้ด้วย และในกรณีที่ตั้งครรภ์และคลอดบุตร เด็กที่เกิดมาจะต้องซื้อหลักประกันสุขภาพด้วย และจะได้รับการดูแล เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ เช่นเดียวกับเด็กไทย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในการเปิดประเทศเป็นสมาชิกอาเซียน คาดว่าจะมีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น
ด้าน นายแพทย์ ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการด้านสังคมและคุณภาพชีวิตแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินงานด้านสาธารณสุข ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว โดยมีผลสรุปว่า จะตรวจสุขภาพและทำประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวทุกคน ซึ่งมี 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.กลุ่มแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองรอพิสูจน์สัญชาติ ที่มีอยู่ 886,507 คน 2.กลุ่มที่พิสูจน์สัญชาติแล้ว 193,240 คน และ 3.กลุ่มที่นำเข้าตามข้อบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาล ซึ่งเข้ามาโดยถูกต้องตามกฎหมายและมีหนังสือเดินทาง โดยต่างด้าวทุกคนจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพคัดกรองโรคที่ห้ามในการทำงาน เช่น ติดสารเสพติด หรือโรควัณโรค ซิฟิลิส โรคเท้าช้างในระยะติดต่ออันตราย เพื่อเป็นการควบคุมป้องกันโรค โดยจะมีการตรวจเอกซเรย์ปอด ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด ในอัตราคนละ 600 บาท และเฉพาะคนที่มีสัญชาติพม่าจะได้รับยาฆ่าเชื้อโรคเท้าช้างทุกคน ยกเว้นหญิงตั้งครรภ์
นายแพทย์ ไพจิตร์ กล่าวอีกว่า กลุ่มแรงงานที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม เช่น กรรมกร รับจ้างภาคเกษตร ประมง งานบ้าน ให้ซื้อหลักประกันสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข ในอัตรา 1,300 ต่อคนต่อปีทุกคน รวมทั้งผู้ติดตามด้วย ซึ่งจะมีสิทธิประโยชน์ทั้งการรักษาพยาบาล การส่งเสริมป้องกันโรค ส่วนผู้ที่รอเข้าสู่ระบบของประกันสังคม ให้ซื้อหลักประกันสุขภาพชั่วคราวในอัตราคนละ 650 บาท คุ้มครองสิทธิได้ 6 เดือน ตั้งแต่ 15 มิถุนายน - 15 ธันวาคม 2555 โดยให้ซื้อประกันสุขภาพได้ที่สถานบริการที่เข้าร่วมโครงการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว ของกระทรวงสาธารณสุข ในจังหวัดที่แรงงานทำงานอยู่เท่านั้น และในอนาคตจะปรับปรุงมาตรการและสิทธิประโยชน์หลักประกันต่างด้าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยเกี่ยวกับมาตรการดูแลสุขภาพแรงงานต่างด้าว ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง สัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยเร่งรัดการพิสูจน์สัญชาติให้แรงงานหลบหนีเข้าเมือง ที่ได้รับการผ่อนผันให้ทำงานในประเทศไทยให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 14 มิถุนายน 2555 ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งดำเนินการตรวจสุขภาพให้แรงงานดังกล่าว หลังจากนั้น แรงงานต่างด้าวจะต้องเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพ 2 กลุ่ม คือ 1.ประกันสังคมในผู้ที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรม มีสิทธิประโยชน์เท่าเทียมกับคนไทยที่ประกันตน กลุ่มที่ 2 คือผู้ที่ไม่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ ผู้ที่ทำงานในภาคประมง เกษตรกรรม กรรมกร เลี้ยงสัตว์ ป่าไม้ งานบ้าน รวมทั้งผู้ติดตามซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 5-6 แสนคน
นายวิทยา กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายจะให้การดูแลให้มีหลักประกันสุขภาพทุกคน โดยให้ทุกคนซื้อบัตรประกันสุขภาพ ได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย และส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคด้วยเช่นเดียวกับคนไทย ซึ่งจะมีผลดีในการป้องกันโรคติดต่อที่มากับต่างด้าวได้ด้วย และในกรณีที่ตั้งครรภ์และคลอดบุตร เด็กที่เกิดมาจะต้องซื้อหลักประกันสุขภาพด้วย และจะได้รับการดูแล เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ เช่นเดียวกับเด็กไทย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในการเปิดประเทศเป็นสมาชิกอาเซียน คาดว่าจะมีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น
ด้าน นายแพทย์ ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการด้านสังคมและคุณภาพชีวิตแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินงานด้านสาธารณสุข ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว โดยมีผลสรุปว่า จะตรวจสุขภาพและทำประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวทุกคน ซึ่งมี 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.กลุ่มแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองรอพิสูจน์สัญชาติ ที่มีอยู่ 886,507 คน 2.กลุ่มที่พิสูจน์สัญชาติแล้ว 193,240 คน และ 3.กลุ่มที่นำเข้าตามข้อบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาล ซึ่งเข้ามาโดยถูกต้องตามกฎหมายและมีหนังสือเดินทาง โดยต่างด้าวทุกคนจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพคัดกรองโรคที่ห้ามในการทำงาน เช่น ติดสารเสพติด หรือโรควัณโรค ซิฟิลิส โรคเท้าช้างในระยะติดต่ออันตราย เพื่อเป็นการควบคุมป้องกันโรค โดยจะมีการตรวจเอกซเรย์ปอด ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด ในอัตราคนละ 600 บาท และเฉพาะคนที่มีสัญชาติพม่าจะได้รับยาฆ่าเชื้อโรคเท้าช้างทุกคน ยกเว้นหญิงตั้งครรภ์
นายแพทย์ ไพจิตร์ กล่าวอีกว่า กลุ่มแรงงานที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม เช่น กรรมกร รับจ้างภาคเกษตร ประมง งานบ้าน ให้ซื้อหลักประกันสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข ในอัตรา 1,300 ต่อคนต่อปีทุกคน รวมทั้งผู้ติดตามด้วย ซึ่งจะมีสิทธิประโยชน์ทั้งการรักษาพยาบาล การส่งเสริมป้องกันโรค ส่วนผู้ที่รอเข้าสู่ระบบของประกันสังคม ให้ซื้อหลักประกันสุขภาพชั่วคราวในอัตราคนละ 650 บาท คุ้มครองสิทธิได้ 6 เดือน ตั้งแต่ 15 มิถุนายน - 15 ธันวาคม 2555 โดยให้ซื้อประกันสุขภาพได้ที่สถานบริการที่เข้าร่วมโครงการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว ของกระทรวงสาธารณสุข ในจังหวัดที่แรงงานทำงานอยู่เท่านั้น และในอนาคตจะปรับปรุงมาตรการและสิทธิประโยชน์หลักประกันต่างด้าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น