ค่ายกุมลิขสิทธิ์ฟุตบอลต่างประเทศทำตลาดหาลูกค้าใหม่ แห่ซบฟรีทีวี ทรูวิชั่นส์ปูพรม 3, 5, 9 ส่วนช่อง 11 เป็นบอลไทย แกรมมี่อิงช่อง 9 อาร์เอสซบช่อง 7 และช่อง 7 เองก็กุม FA cup และบอลทีมชาตินัดอุ่นเครื่องและกระชับมิตร คนในวงการรับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่ถ่ายทอดทั้งสดและเทปพร้อมๆ กันหลายลีก ชี้สถานการณ์ต่อไปจะรุนแรงขึ้น เจ้าของ Content อาจจำเป็นต้องเลือกค่าย ส่งผลต่อกล่องรับสัญญาณจะมีออกมาอีก
ผลพวงของมหกรรมฟุตบอลยูโร 2012 ที่กลายเป็น Talk of the Town ที่ผู้ถือลิขสิทธิ์อย่างแกรมมี่สามารถวางสินค้าอย่างกล่องรับสัญญาณดาวเทียม GMMz ในตลาดได้ร่วม 1 ล้านกล่องภายในระยะเวลารวดเร็ว พร้อมๆ กับเสียงก่นด่าของผู้คนอีกจำนวนไม่น้อย เนื่องจากไม่สามารถรับชมการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ได้
โดยเฉพาะลูกค้าของทรูวิชั่นส์ราว 2 ล้านรายและผู้ชมที่ไม่มีกล่องรับสัญญาณของแกรมมี่ที่ตั้งราคาขายไว้ที่ 1,590 บาทกับช่วงระยะเวลาแข่งขันราว 1 เดือน แม้หลังจากนั้นกล่องดังกล่าวจะรับชมรายการอื่นๆ ได้ แต่ไฮไลต์ของกล่องนี้คือยูโร 2012 เท่านั้น ส่วนใครที่ต้องการรับชมก็ต้องขวนขวายไปหาเสาอากาศแบบดั้งเดิมมาติดตั้งกันใหม่
งานนี้แม้สำนักงานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ
โทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะโดดลงมาเล่นอย่างเต็มตัว ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถแก้ปัญหาจอดำของผู้ชมที่มีไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคนได้
เมื่อยูโร 2012 ผ่านพ้นไป กลับเข้าสู่ภาวะปกติการแข่งขันฟุตบอลลีกดังของยุโรปจะเริ่มต้นกันในช่วงนี้ ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับเจ้าของลิขสิทธิ์ฟุตบอลหลายด้าน จากเดิมที่ฟุตบอลอันดับ 1 ในใจคนไทยอย่างพรีเมียร์ลีกของอังกฤษจะไม่มีการถ่ายทอดผ่านฟรีทีวี หรือแม้แต่ไฮไลต์การทำประตูตามข่าวกีฬาก็จะได้ชมแค่ภาพนิ่งเท่านั้น
ลีกยุโรปบานสะพรั่งฟรีทีวี
แต่ในฤดูกาล 2012/2013 นี้ เกือบทุกค่ายหันมาปล่อยสัญญาณการถ่ายทอดสดฟุตบอลต่างประเทศทางฟรีทีวี เริ่มที่ทรูวิชั่นส์ ปล่อยพรีเมียร์ลีก 17 แมตช์ ทางช่อง 3 แชมเปี้ยนส์ลีก 24 แมตช์ทางช่อง 9 ยูโรปาลีก 6 แมตช์และเทปอีก 6 แมตช์ทางช่อง 5 และไทยพรีเมียร์ลีก 68 แมตช์ทางช่อง 11
ส่วนค่ายอาร์เอสที่ได้ลิขสิทธิ์ลา ลีกาของสเปนที่มีนักเตะดาวดังคับคั่ง จะปล่อยสัญญาณถ่ายทอดสดทางช่อง 7 จำนวน 12 แมตช์ (เดือนละครั้ง) อีก 38 แมตช์จะปล่อยสัญญาณถ่ายทอดสดทางช่อง 8 ที่เป็นสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมของค่ายอาร์เอสและมีช่อง RS Sport La liga สำหรับสมาชิก โดยได้รับคำยืนยันจากคนในอาร์เอสว่า ในจำนวน 12 แมตช์นั้นจะเลือกคู่ดีๆ มาให้ได้ชม โดยในวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2555 เวลา 00.00-02.00 น. ประเดิมด้วยคู่ระหว่าง เซลตา บีโก-มาลากา ทางช่องอาร์เอส สปอร์ต ลา ลีกา และรีล มาดริด ปะทะ บาเลนเซีย ทางช่อง 7 ในวันที่ 19 สิงหาคม เวลาเดียวกัน
ขณะที่ค่ายแกรมมี่มีลิขสิทธิ์ฟุตบอลบุนเดสลีกาของเยอรมันและลีกเอิงของฝรั่งเศสในมือจะปล่อยสัญญาณการถ่ายทอดสดทางช่อง 9 โดยได้เริ่มออกอากาศไปเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านช่อง 7 ได้ลิขสิทธิ์เอฟเอ คัพของอังกฤษและฟุตบอลทั้งอุ่นเครื่องและกระชับมิตรของทีมชาติต่างๆ
นี่คือปรากฏการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นกับวงการฟรีทีวี ที่เป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลต่างประเทศหลายลีกพร้อมๆ กันในฤดูกาลเดียว
ทรูวิชั่นส์พลิกเกมกู้ภาพลักษณ์
หนึ่งในผู้ประกอบกิจการด้านรายการทีวีดาวเทียม ประเมินว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่มีการแข่งขันกันสูงมาก แต่ละค่ายต่างกุมลิขสิทธิ์ฟุตบอลชั้นต่ำของโลกไว้ การที่จะมุ่งทำตลาดเพื่อหาสมาชิกเพียงอย่างเดียวคงไม่ง่ายเหมือนก่อน เพราะขณะนี้มีตัวเลือกให้ผู้บริโภคมากขึ้น ใครที่สู้ราคาไม่ไหวก็อาจไปหันหาบอลจากลีกอื่นชมในราคาที่พอรับได้
แน่นอนว่าสำหรับคนไทยแล้วพรีเมียร์ลีกเป็นอันดับหนึ่ง แต่ในวันนี้ก็มีบอลของสเปนมาให้เป็นตัวเลือก ซึ่งถือว่าเป็นลีกที่มีดาวดังระดับโลกมากมาย ทีมอย่างบาร์เซโลนา, รีล มาดริด ก็ถือว่าคนไทยรู้จักกันดี หรือจะเป็นบุนเดสลีกาก็มีอย่าง บาเยิร์น มิวนิค, ดอร์ทมุนด์ ฝรั่งเศสมีมาร์กเซย์, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
ดังนั้นเมื่อคู่แข่งมีมากขึ้นเจ้าตลาดเดิมก็จำเป็นต้องกลับมาทำตลาดมากขึ้น ฟรีทีวีถือเป็นประตูหน้าที่เปิดรอลูกค้ารายใหม่ๆ ที่จะเข้าไปเป็นสมาชิก เพราะคู่ที่นำมาให้ชมในการถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีคงไม่ใช่คู่หัวตารางหรือคู่บิ๊กแมตช์อย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้กระทบกับลูกค้าที่จ่ายรายเดือนอยู่ เว้นแต่จะเป็นการเรียกแขก เช่น นัดที่แมนเชสเตอร์ ซิตี แชมป์ฤดูกาลที่ผ่านมาเจอกับลิเวอร์พูลที่มีแฟนบอลชาวไทยชื่นชอบอยู่มาก
กรณีของทรูวิชั่นส์ ถือว่าปล่อยการถ่ายทอดสดออกมาเยอะมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะที่ผ่านมาเสียหายจากกรณียูโร 2012 ไปไม่น้อย การกู้ภาพลักษณ์กลับคืนมาจึงเป็นเรื่องจำเป็นในเวลานี้
โดยก่อนที่จะเริ่มฤดูกาลแข่งขันในสัปดาห์นี้ ทรูวิชั่นส์ได้ดำเนินการอุดรูรั่วของกล่องที่ลักลอบดูรายการของทรูไปด้วยการเข้ารหัสใหม่ ทำให้กล่องพิเศษทั้งหลายกลายเป็นอัมพาตทันที จนบางรายต้องหันไปพึ่งพาเวียดนามและมาเลเซีย ในส่วนนี้ทำให้ลูกค้าจำนวนไม่น้อยยอมกลับเข้ามาเป็นสมาชิกของทรู เพราะไม่อยากเสี่ยงกับการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า พร้อมทั้งออกกล่อง True HD ขายขาดดูพรีเมียร์ลีกคู่เด็ด บิ๊กโฟร์ รวมถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แบบ HD ฟรีตลอดฤดูกาล พร้อมโอลิมปิก 2012 HD ตลอดการแข่งขัน และช่อง KBS World HD จากเกาหลี ฟรี 1 ปี และเปิดให้ชมฟรีตลอดชีพในระบบ HD สำหรับช่อง Reality HD, HD Showcase และ TNN24 HD บวกด้วยช่องปกติที่รับชมฟรีอีก 54 ช่อง
จากนั้นทรูได้ทำการซอยแพกเกจฟุตบอลออกมาจากเดิมที่คิดเหมารวม เพราะโดยธรรมชาติแล้วการถ่ายทอดสดฟุตบอลในหลายๆ ช่องพร้อมๆ กัน คงไม่มีใครดูได้พร้อมกันและส่วนใหญ่ก็ชอบดูทีมระดับหัวแถวทั้งสิ้น ยกเว้นแฟนบอลพันธุ์แท้ของทีมระดับรองๆ ลงไป ทรูจึงนำมาแยกขายซูเปอร์สปอร์ตแพก เป็นบอลคู่ใหญ่ในระบบ HD ถ่ายสด 5 คู่ต่อสัปดาห์รวม 190 แมตช์และรีรันอีก 190 แมตช์ ที่ราคา 650 บาทต่อเดือน ถือว่าเป็นราคาที่ได้ใจคอบอลไม่น้อย แม้ว่าจะสูงกว่า 300 บาทของค่ายอื่น แต่ได้เปรียบในเรื่องลีกของอังกฤษเป็นที่นิยมของคนไทย
นอกเหนือจากตัวลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกแล้ว ทรูยังมีจุดขายเรื่องระบบ HD ที่นำมาใช้กับการถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกด้วยความคมชัดสูง ทำให้เรียกแฟนบอลได้จำนวนมาก
สงครามรอบใหม่
ล่าสุดทางทรูวิชั่นส์จับมือกับผู้ผลิตจานดาวเทียม PSI และเวิร์คพอยท์ ออกกล่องรับสัญญาณดาวเทียมใหม่ “พีเอสไอทรูทีวี” ด้วยการนำเอารายการของทรู 29 ช่อง รวมกับช่องที่ทางพีเอสไอรับชมได้รวมเป็น 93 ช่อง จำหน่ายที่กล่องละ 890 บาท ถือเป็นราคาที่ต่ำกว่ากล่อง GMMz ที่ลดราคาลงมาเหลือ 999 บาท ที่สำคัญกล่องพีเอสไอทรูทีวีจะไม่มีรายการของแกรมมี่ที่ออกอากาศในระบบดาวเทียม
แม้จะมีการกล่าวถึงเหตุผล แต่ก็ทราบกันโดยทั่วไปว่า นี่คือปฏิบัติการเอาคืนแกรมมี่ที่เมื่อครั้งยูโร 2012 ทำเอาลูกค้าทรูวิชั่นส์รับชมไม่ได้ตลอดทัวร์นาเมนต์ ความร่วมมือระหว่างกันดังกล่าวยังเป็นการรองรับกับสถานการณ์ในอนาคตอีกด้วย เนื่องจากคู่แข่งสำคัญที่จะประมูลลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกในครั้งต่อไปคือแกรมมี่ ที่มีเครือข่ายใหญ่อย่างสมาคมเคเบิลทีวี (CTH) วิชัย ทองแตง และวัชรพลกรุ๊ป
ธุรกิจนี้ตัว Content สำคัญที่สุด ใครมีรายการดีๆ ย่อมได้เปรียบทำตลาดเรียกสมาชิกได้ง่าย ผู้ที่ผลิตจานดาวเทียมส่วนใหญ่ไม่มีรายการเป็นของตัวเอง เน้นไปที่การผลิตและจำหน่ายเมื่อรวมกับเจ้าของ Content จะทำให้ได้เปรียบมากขึ้น
เช่น จานส้มของค่ายไอพีเอ็มที่ทำทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไป มีรายการในมือเป็นของตัวเองหลายช่อง ไม่ลงมาเล่นในตลาดฟุตบอลต่างประเทศเหมือนกับค่ายอื่นแต่มุ่งไปที่ภาพยนตร์ บันเทิง การ์ตูน และอยู่คนละสนามกับค่ายอื่นคือใช้ดาวเทียม NSS6 ขณะที่เจ้าอื่นช่วงชิงกันในไทยคม ทำให้มีตลาดเป็นของตัวเอง และยังเพิ่มจุดแข็งที่มีการออกอากาศด้วยระบบ HD และจะเพิ่มช่อง HD มากขึ้นเรื่อยๆ
อาจถึงขั้นเลือกค่าย
การแข่งขันเท่าที่เห็นยังคงเป็นเพียงแค่ระยะเริ่มต้นเท่านั้น เพราะทุกค่ายต้องพยายามหารายการดีๆ เข้ามาเสริมให้ได้มากที่สุดก่อน หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ เริ่มบีบเจ้าของรายการต่างๆ ให้ตัดสินใจเข้าร่วมว่าจะอยู่ในสังกัดของค่ายใด โดยเอาจำนวนครัวเรือนที่สามารถทำส่วนแบ่งตลาดได้มาเป็นตัวต่อรอง
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือทุกค่ายลงมาเล่นที่ตลาดเดียวกัน ใครที่มีเงินทุนหนาก็กวาดรายการเข้ามาไว้ในสังกัด ท้ายที่สุดในธุรกิจนี้ก็อาจจะมี 2 ค่ายใหญ่ให้เลือกชมคือทรูวิชั่นส์และค่ายแกรมมี่และมีความเป็นไปได้ที่ผู้ผลิตรายการอาจจำเป็นต้องเลือกที่จะอยู่กับค่ายใดค่ายหนึ่งเป็นการเฉพาะ
ขณะที่ยุทธการในการเร่งหาพันธมิตรยังคงจะมีอยู่ต่อไป ค่ายพีเอสไอที่จับมือกับทรูวิชั่นส์ ก็เคยเป็นพันธมิตรกับค่ายอาร์เอสเมื่อครั้งฟุตบอลโลก 2010 มาก่อน ขณะที่อาร์เอสก็มีจุดแข็งเพียงลา ลีกาของสเปนเท่านั้น การเชื่อมต่อระหว่างอาร์เอสกับทรูวิชั่นส์ก็มีความเป็นไปได้ เพราะไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงเหมือนแกรมมี่
ในตลาดเคเบิลทีวีและจานดาวเทียมในปัจจุบันมีหลายรายการของทรูวิชั่นส์ที่แชร์ต่อไปยังเคเบิลท้องถิ่นที่สังกัดในบริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง(CTH) ที่มีแกรมมี่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เช่น เมื่อ 16 สิงหาคมที่ผ่านมาจะมีความร่วมมือกันระหว่างทรูวิชันส์กับCTH แต่หากสงครามรุนแรงจนถึงขั้นแตกหักรายการของทรูวิชั่นส์ในเคเบิลทีวีก็มีสิทธิ์ที่จะถูกถอดออกไปให้กับพันธมิตรใหม่ของทรูวิชั่นส์
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ใหม่ของกล่องรับสัญญาณดาวเทียมจะยังคงมีให้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง
ผลพวงของมหกรรมฟุตบอลยูโร 2012 ที่กลายเป็น Talk of the Town ที่ผู้ถือลิขสิทธิ์อย่างแกรมมี่สามารถวางสินค้าอย่างกล่องรับสัญญาณดาวเทียม GMMz ในตลาดได้ร่วม 1 ล้านกล่องภายในระยะเวลารวดเร็ว พร้อมๆ กับเสียงก่นด่าของผู้คนอีกจำนวนไม่น้อย เนื่องจากไม่สามารถรับชมการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ได้
โดยเฉพาะลูกค้าของทรูวิชั่นส์ราว 2 ล้านรายและผู้ชมที่ไม่มีกล่องรับสัญญาณของแกรมมี่ที่ตั้งราคาขายไว้ที่ 1,590 บาทกับช่วงระยะเวลาแข่งขันราว 1 เดือน แม้หลังจากนั้นกล่องดังกล่าวจะรับชมรายการอื่นๆ ได้ แต่ไฮไลต์ของกล่องนี้คือยูโร 2012 เท่านั้น ส่วนใครที่ต้องการรับชมก็ต้องขวนขวายไปหาเสาอากาศแบบดั้งเดิมมาติดตั้งกันใหม่
งานนี้แม้สำนักงานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ
โทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะโดดลงมาเล่นอย่างเต็มตัว ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถแก้ปัญหาจอดำของผู้ชมที่มีไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคนได้
เมื่อยูโร 2012 ผ่านพ้นไป กลับเข้าสู่ภาวะปกติการแข่งขันฟุตบอลลีกดังของยุโรปจะเริ่มต้นกันในช่วงนี้ ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับเจ้าของลิขสิทธิ์ฟุตบอลหลายด้าน จากเดิมที่ฟุตบอลอันดับ 1 ในใจคนไทยอย่างพรีเมียร์ลีกของอังกฤษจะไม่มีการถ่ายทอดผ่านฟรีทีวี หรือแม้แต่ไฮไลต์การทำประตูตามข่าวกีฬาก็จะได้ชมแค่ภาพนิ่งเท่านั้น
ลีกยุโรปบานสะพรั่งฟรีทีวี
แต่ในฤดูกาล 2012/2013 นี้ เกือบทุกค่ายหันมาปล่อยสัญญาณการถ่ายทอดสดฟุตบอลต่างประเทศทางฟรีทีวี เริ่มที่ทรูวิชั่นส์ ปล่อยพรีเมียร์ลีก 17 แมตช์ ทางช่อง 3 แชมเปี้ยนส์ลีก 24 แมตช์ทางช่อง 9 ยูโรปาลีก 6 แมตช์และเทปอีก 6 แมตช์ทางช่อง 5 และไทยพรีเมียร์ลีก 68 แมตช์ทางช่อง 11
ส่วนค่ายอาร์เอสที่ได้ลิขสิทธิ์ลา ลีกาของสเปนที่มีนักเตะดาวดังคับคั่ง จะปล่อยสัญญาณถ่ายทอดสดทางช่อง 7 จำนวน 12 แมตช์ (เดือนละครั้ง) อีก 38 แมตช์จะปล่อยสัญญาณถ่ายทอดสดทางช่อง 8 ที่เป็นสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมของค่ายอาร์เอสและมีช่อง RS Sport La liga สำหรับสมาชิก โดยได้รับคำยืนยันจากคนในอาร์เอสว่า ในจำนวน 12 แมตช์นั้นจะเลือกคู่ดีๆ มาให้ได้ชม โดยในวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2555 เวลา 00.00-02.00 น. ประเดิมด้วยคู่ระหว่าง เซลตา บีโก-มาลากา ทางช่องอาร์เอส สปอร์ต ลา ลีกา และรีล มาดริด ปะทะ บาเลนเซีย ทางช่อง 7 ในวันที่ 19 สิงหาคม เวลาเดียวกัน
ขณะที่ค่ายแกรมมี่มีลิขสิทธิ์ฟุตบอลบุนเดสลีกาของเยอรมันและลีกเอิงของฝรั่งเศสในมือจะปล่อยสัญญาณการถ่ายทอดสดทางช่อง 9 โดยได้เริ่มออกอากาศไปเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านช่อง 7 ได้ลิขสิทธิ์เอฟเอ คัพของอังกฤษและฟุตบอลทั้งอุ่นเครื่องและกระชับมิตรของทีมชาติต่างๆ
นี่คือปรากฏการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นกับวงการฟรีทีวี ที่เป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลต่างประเทศหลายลีกพร้อมๆ กันในฤดูกาลเดียว
ทรูวิชั่นส์พลิกเกมกู้ภาพลักษณ์
หนึ่งในผู้ประกอบกิจการด้านรายการทีวีดาวเทียม ประเมินว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่มีการแข่งขันกันสูงมาก แต่ละค่ายต่างกุมลิขสิทธิ์ฟุตบอลชั้นต่ำของโลกไว้ การที่จะมุ่งทำตลาดเพื่อหาสมาชิกเพียงอย่างเดียวคงไม่ง่ายเหมือนก่อน เพราะขณะนี้มีตัวเลือกให้ผู้บริโภคมากขึ้น ใครที่สู้ราคาไม่ไหวก็อาจไปหันหาบอลจากลีกอื่นชมในราคาที่พอรับได้
แน่นอนว่าสำหรับคนไทยแล้วพรีเมียร์ลีกเป็นอันดับหนึ่ง แต่ในวันนี้ก็มีบอลของสเปนมาให้เป็นตัวเลือก ซึ่งถือว่าเป็นลีกที่มีดาวดังระดับโลกมากมาย ทีมอย่างบาร์เซโลนา, รีล มาดริด ก็ถือว่าคนไทยรู้จักกันดี หรือจะเป็นบุนเดสลีกาก็มีอย่าง บาเยิร์น มิวนิค, ดอร์ทมุนด์ ฝรั่งเศสมีมาร์กเซย์, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
ดังนั้นเมื่อคู่แข่งมีมากขึ้นเจ้าตลาดเดิมก็จำเป็นต้องกลับมาทำตลาดมากขึ้น ฟรีทีวีถือเป็นประตูหน้าที่เปิดรอลูกค้ารายใหม่ๆ ที่จะเข้าไปเป็นสมาชิก เพราะคู่ที่นำมาให้ชมในการถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีคงไม่ใช่คู่หัวตารางหรือคู่บิ๊กแมตช์อย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้กระทบกับลูกค้าที่จ่ายรายเดือนอยู่ เว้นแต่จะเป็นการเรียกแขก เช่น นัดที่แมนเชสเตอร์ ซิตี แชมป์ฤดูกาลที่ผ่านมาเจอกับลิเวอร์พูลที่มีแฟนบอลชาวไทยชื่นชอบอยู่มาก
กรณีของทรูวิชั่นส์ ถือว่าปล่อยการถ่ายทอดสดออกมาเยอะมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะที่ผ่านมาเสียหายจากกรณียูโร 2012 ไปไม่น้อย การกู้ภาพลักษณ์กลับคืนมาจึงเป็นเรื่องจำเป็นในเวลานี้
โดยก่อนที่จะเริ่มฤดูกาลแข่งขันในสัปดาห์นี้ ทรูวิชั่นส์ได้ดำเนินการอุดรูรั่วของกล่องที่ลักลอบดูรายการของทรูไปด้วยการเข้ารหัสใหม่ ทำให้กล่องพิเศษทั้งหลายกลายเป็นอัมพาตทันที จนบางรายต้องหันไปพึ่งพาเวียดนามและมาเลเซีย ในส่วนนี้ทำให้ลูกค้าจำนวนไม่น้อยยอมกลับเข้ามาเป็นสมาชิกของทรู เพราะไม่อยากเสี่ยงกับการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า พร้อมทั้งออกกล่อง True HD ขายขาดดูพรีเมียร์ลีกคู่เด็ด บิ๊กโฟร์ รวมถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แบบ HD ฟรีตลอดฤดูกาล พร้อมโอลิมปิก 2012 HD ตลอดการแข่งขัน และช่อง KBS World HD จากเกาหลี ฟรี 1 ปี และเปิดให้ชมฟรีตลอดชีพในระบบ HD สำหรับช่อง Reality HD, HD Showcase และ TNN24 HD บวกด้วยช่องปกติที่รับชมฟรีอีก 54 ช่อง
จากนั้นทรูได้ทำการซอยแพกเกจฟุตบอลออกมาจากเดิมที่คิดเหมารวม เพราะโดยธรรมชาติแล้วการถ่ายทอดสดฟุตบอลในหลายๆ ช่องพร้อมๆ กัน คงไม่มีใครดูได้พร้อมกันและส่วนใหญ่ก็ชอบดูทีมระดับหัวแถวทั้งสิ้น ยกเว้นแฟนบอลพันธุ์แท้ของทีมระดับรองๆ ลงไป ทรูจึงนำมาแยกขายซูเปอร์สปอร์ตแพก เป็นบอลคู่ใหญ่ในระบบ HD ถ่ายสด 5 คู่ต่อสัปดาห์รวม 190 แมตช์และรีรันอีก 190 แมตช์ ที่ราคา 650 บาทต่อเดือน ถือว่าเป็นราคาที่ได้ใจคอบอลไม่น้อย แม้ว่าจะสูงกว่า 300 บาทของค่ายอื่น แต่ได้เปรียบในเรื่องลีกของอังกฤษเป็นที่นิยมของคนไทย
นอกเหนือจากตัวลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกแล้ว ทรูยังมีจุดขายเรื่องระบบ HD ที่นำมาใช้กับการถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกด้วยความคมชัดสูง ทำให้เรียกแฟนบอลได้จำนวนมาก
สงครามรอบใหม่
ล่าสุดทางทรูวิชั่นส์จับมือกับผู้ผลิตจานดาวเทียม PSI และเวิร์คพอยท์ ออกกล่องรับสัญญาณดาวเทียมใหม่ “พีเอสไอทรูทีวี” ด้วยการนำเอารายการของทรู 29 ช่อง รวมกับช่องที่ทางพีเอสไอรับชมได้รวมเป็น 93 ช่อง จำหน่ายที่กล่องละ 890 บาท ถือเป็นราคาที่ต่ำกว่ากล่อง GMMz ที่ลดราคาลงมาเหลือ 999 บาท ที่สำคัญกล่องพีเอสไอทรูทีวีจะไม่มีรายการของแกรมมี่ที่ออกอากาศในระบบดาวเทียม
แม้จะมีการกล่าวถึงเหตุผล แต่ก็ทราบกันโดยทั่วไปว่า นี่คือปฏิบัติการเอาคืนแกรมมี่ที่เมื่อครั้งยูโร 2012 ทำเอาลูกค้าทรูวิชั่นส์รับชมไม่ได้ตลอดทัวร์นาเมนต์ ความร่วมมือระหว่างกันดังกล่าวยังเป็นการรองรับกับสถานการณ์ในอนาคตอีกด้วย เนื่องจากคู่แข่งสำคัญที่จะประมูลลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกในครั้งต่อไปคือแกรมมี่ ที่มีเครือข่ายใหญ่อย่างสมาคมเคเบิลทีวี (CTH) วิชัย ทองแตง และวัชรพลกรุ๊ป
ธุรกิจนี้ตัว Content สำคัญที่สุด ใครมีรายการดีๆ ย่อมได้เปรียบทำตลาดเรียกสมาชิกได้ง่าย ผู้ที่ผลิตจานดาวเทียมส่วนใหญ่ไม่มีรายการเป็นของตัวเอง เน้นไปที่การผลิตและจำหน่ายเมื่อรวมกับเจ้าของ Content จะทำให้ได้เปรียบมากขึ้น
เช่น จานส้มของค่ายไอพีเอ็มที่ทำทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไป มีรายการในมือเป็นของตัวเองหลายช่อง ไม่ลงมาเล่นในตลาดฟุตบอลต่างประเทศเหมือนกับค่ายอื่นแต่มุ่งไปที่ภาพยนตร์ บันเทิง การ์ตูน และอยู่คนละสนามกับค่ายอื่นคือใช้ดาวเทียม NSS6 ขณะที่เจ้าอื่นช่วงชิงกันในไทยคม ทำให้มีตลาดเป็นของตัวเอง และยังเพิ่มจุดแข็งที่มีการออกอากาศด้วยระบบ HD และจะเพิ่มช่อง HD มากขึ้นเรื่อยๆ
อาจถึงขั้นเลือกค่าย
การแข่งขันเท่าที่เห็นยังคงเป็นเพียงแค่ระยะเริ่มต้นเท่านั้น เพราะทุกค่ายต้องพยายามหารายการดีๆ เข้ามาเสริมให้ได้มากที่สุดก่อน หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ เริ่มบีบเจ้าของรายการต่างๆ ให้ตัดสินใจเข้าร่วมว่าจะอยู่ในสังกัดของค่ายใด โดยเอาจำนวนครัวเรือนที่สามารถทำส่วนแบ่งตลาดได้มาเป็นตัวต่อรอง
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือทุกค่ายลงมาเล่นที่ตลาดเดียวกัน ใครที่มีเงินทุนหนาก็กวาดรายการเข้ามาไว้ในสังกัด ท้ายที่สุดในธุรกิจนี้ก็อาจจะมี 2 ค่ายใหญ่ให้เลือกชมคือทรูวิชั่นส์และค่ายแกรมมี่และมีความเป็นไปได้ที่ผู้ผลิตรายการอาจจำเป็นต้องเลือกที่จะอยู่กับค่ายใดค่ายหนึ่งเป็นการเฉพาะ
ขณะที่ยุทธการในการเร่งหาพันธมิตรยังคงจะมีอยู่ต่อไป ค่ายพีเอสไอที่จับมือกับทรูวิชั่นส์ ก็เคยเป็นพันธมิตรกับค่ายอาร์เอสเมื่อครั้งฟุตบอลโลก 2010 มาก่อน ขณะที่อาร์เอสก็มีจุดแข็งเพียงลา ลีกาของสเปนเท่านั้น การเชื่อมต่อระหว่างอาร์เอสกับทรูวิชั่นส์ก็มีความเป็นไปได้ เพราะไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงเหมือนแกรมมี่
ในตลาดเคเบิลทีวีและจานดาวเทียมในปัจจุบันมีหลายรายการของทรูวิชั่นส์ที่แชร์ต่อไปยังเคเบิลท้องถิ่นที่สังกัดในบริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง(CTH) ที่มีแกรมมี่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เช่น เมื่อ 16 สิงหาคมที่ผ่านมาจะมีความร่วมมือกันระหว่างทรูวิชันส์กับCTH แต่หากสงครามรุนแรงจนถึงขั้นแตกหักรายการของทรูวิชั่นส์ในเคเบิลทีวีก็มีสิทธิ์ที่จะถูกถอดออกไปให้กับพันธมิตรใหม่ของทรูวิชั่นส์
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ใหม่ของกล่องรับสัญญาณดาวเทียมจะยังคงมีให้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง