xs
xsm
sm
md
lg

บารมีบ้านเลขที่ 111 ใครแรง? (ตอนที่ 1) : 14 คน ในสายตา ‘ทักษิณ’!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจาะลึกบ้านเลขที่ 111 กำลังหวนคืนสู่สังเวียน จะส่งผลให้การเมืองร้อนแรงจริง หรือแค่สร้างกระแสปั่นราคาตัวเอง วงในใกล้ชิด “ทักษิณ” ฟันธง 30 นักการเมืองยังมีบารมี-ฝีมือ พร้อมกลับเข้าสนามการเมือง ส่วนคนในพรรคเพื่อไทยจะมีเพียง ‘14 คน’ ที่เข้าตาด้วยเงื่อนไข ‘เก่งหรือมีก๊วน’ หนุนหลัง จะไม่เท่าคนภักดี และยอมซูฮกในยามที่เขาและพรรคตกอับ จับตา “เนวิน-สุวัจน์-สมศักดิ์” อยู่อย่างไรท่ามกลางกระแสพรรคเพื่อไทยมาแรง

ใกล้เข้ามาทุกทีสำหรับ 30 พฤษภาคม 2555 วันแห่งการครบกำหนดที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองจำนวน 5 ปี จากคำสั่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ซึ่งเป็นเวลาที่เหล่าสมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะกลับเข้ามาโลดแล่นในเวทีการเมืองไทยแบบตัวจริงเสียงจริงหลังผ่านร่างทรงมาเป็นเวลานาน

จากนี้ไปจึงเป็นช่วงเวลาที่บรรดาคอการเมืองต้องจับตาองศาร้อนทางการเมืองว่าจะทะลุจุดเดือดอีกครั้งหรือไม่?

ส่วนคนที่ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ที่สุดเวลานี้หนีไม่พ้นคนที่ครองเก้าอี้รัฐมนตรีทั้งหลาย เพราะวัดฝีมือแล้วยังถือว่าเป็นมือรอง เทียบชั้นกลุ่มบ้านเลขที่ 111 ไม่ได้ แถมเป็นรัฐบาลมากว่า 8 เดือน ผลงานเด่นๆ ยังไม่มีปรากฏให้เป็นที่ชื่นอกชื่นใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่ตัวจริง

ไม่เว้นกระทั่ง กิตติรัตน์ ณ ระนอง แม้จะได้ควบตำแหน่งสำคัญถึง 2 ตำแหน่ง คือ รองนายกรัฐมนตรีคุมงานด้านเศรษฐกิจภาพรวมทั้งหมด และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่การบริหารงานด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่แสดงให้เห็น “ฝีมือ” จึงเกิดปรากฏการณ์ “แพงทั้งแผ่นดิน” ทิ่มแทงรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยู่ขณะนี้ รวมไปถึงบรรดารัฐมนตรีอีกหลายกระทรวงที่ก็ยังไม่มีผลงานปรากฏให้เห็นเด่นชัด

ปัจจุบันจึงเป็นที่รู้กันว่า ในระดับรัฐมนตรีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในขณะนี้แล้ว ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยมีหน้าที่จะต้องมาเป็นเกราะป้องกันภัยให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาอยู่ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะต้องออกมากางปีกปกป้องเวลาที่รัฐมนตรีถูกฝ่ายค้านโจมตี เว้นแต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีที่เป็นสายแข็งคนเดียวในเวทีสภาเวลานี้

นอกนั้นต้องอาศัย ส.ส.เป็นเกราะคุ้มกันภัยทั้งสิ้น!

111 บารมี หรือเสื่อมมนตรา?

ส่วนบ้านเลขที่ 111 นับเวลา 5 ปีที่ผ่านมานั้น แม้ตามกฎหมายจะระบุชัดเจนว่ากลุ่มบ้านเลขที่ 111 จะไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ได้เลย กระทั่งยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองอะไรก็ไม่ได้ แต่ปรากฏเป็นที่รู้กันดีของสังคม ซึ่งมักเป็นข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องว่า คนกลุ่มบ้านเลขที่ 111 นั้น ส่วนหนึ่งยังเป็น Back up ทางการเมืองตัวเป้ง และแม้จะอยู่เบื้องหลังการเมือง แต่ก็อยู่ในระดับ “สั่งการ!”

ดังนั้น ภาพที่ปรากฏออกสู่สาธารณชนจึงเป็นภาพของ “ผู้มีบารมี” ที่ดูจะมีเพาเวอร์ทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักการเมืองกลุ่มก๊วนที่ออกไปตั้งพรรคใหม่ ไม่ว่าจะเป็น เนวิน ชิดชอบ, สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่จับมือกับกลุ่ม “3P” ที่เหลืออยู่ คือ พินิจ จารุสมบัติ และปรีชา เลาหพงศ์ชนะ ขณะที่ สมชาย คุณปลื้ม มอบไม้ต่อให้ลูกชาย สนธยา คุณปลื้ม เดินหน้าทางการเมืองจนประสบความสำเร็จกับพรรคพลังชล ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนที่มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ และยังมีเพาเวอร์พอที่จะยังต่อสายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ยกเว้นแต่ เนวิน ชิดชอบ ที่ยากกว่าใครเพื่อน แม้บทบาททางการเมืองของเขาจะเด่นที่สุดในบรรดาบ้านเลขที่ 111 ที่ออกจากพรรคเพื่อไทยไป แต่แรงแค้นจากความรู้สึกถูกทรยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ให้อภัยยาก

ส่วน สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ยังคงมีพลังต่อรอง โดยเฉพาะในรัฐบาลนี้ยังได้เก้าอี้กระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งเป็นกระทรวงด้านเศรษฐกิจเกรดเอมาดูแล โดยเฉพาะการดูแล BOI ได้สร้างผลงานจากการจัดการพานายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปญี่ปุ่นครั้งที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นคนหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณยังรักษาไว้ในฐานะมิตรแท้

ด้าน สมชาย คุณปลื้ม แม้ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการหลบหนีคดี แต่ลูกชายคือ สนธยา คุณปลื้ม ยังเข้ามาดูแลด้านการเมืองแทน โดยภายหลังไปตั้งพรรคพลังชล เพราะเหตุผลทางด้านฐานเสียงในพื้นที่ที่ส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อเหลือง กระนั้นเรื่องของการเป็นพันธมิตรทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาของบรรหาร ศิลปอาชา ก็ยังคงเป็นสายสัมพันธ์ที่แนบแน่น อีกทั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมายังได้ ส.ส.มาอยู่ในมือถึง 7 คน ทั้งๆ ที่เป็นพรรคขนาดเล็ก ก็ถือเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังมีพลังต่อรอง

ขณะที่บ้านเลขที่ 111 ในพรรคเพื่อไทยนั้น ลักษณะการต่อรองทางการเมืองแบบกลุ่มก๊วน ไม่มีปรากฏให้เห็นมานานแล้ว มีแต่การแสดงตนว่ายังเป็นผู้ภักดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน

โดยนอกเหนือจากกลุ่มที่เข้าไปทำงานแบบเปิดเผยตัวในพรรคเพื่อไทยเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณเห็นความจริงใจและตั้งใจจริงที่จะอยู่กับพรรคเพื่อไทยไปตลอดแล้ว ก็ยังมีอีกหลายคนที่สังคมยังเห็นว่ามีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ โดยเฉพาะที่เข้าไปช่วยบริหารจัดการระบบการให้ข่าวของ ศปภ.ช่วงน้ำท่วม, ช่วยในศึกเลือกตั้ง กทม.ของพรรค หรือกลุ่มที่พยายามเข้าใกล้ พ.ต.ท.ทักษิณให้มากที่สุดเพื่อให้เป็นข่าวในสถานการณ์สำคัญๆ ของการปรากฏตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่าง พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล, เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช, อดิศร เพียงเกษ ฯลฯ

ถึงแม้นว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้จะมีข่าวดังแค่ไหน คนที่ยังมีบารมีตัวจริงกลับไม่ใช่บ้านเลขที่ 111 แต่เป็นตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียวเท่านั้น! ถึงขนาดยกบารมี “ทักษิณ” ในทางการเมืองก้าวข้ามนักการเมืองในระบบปกติไปไกล ส่งผลให้บ้านเลขที่ 111เสื่อมมนต์ขลังไปแล้ว?

ไม่แปลกที่เวลานี้จึงมีหลายฝ่ายตั้งประเด็นคำถามถึงว่า กลุ่มคนบ้านเลขที่ 111 นั้น ที่ปรากฏเป็นข่าวกันอยู่เวลานี้มีเพาเวอร์ หรือเป็นแค่สร้างค่าตัวให้ตัวเอง นายใหญ่จะได้กลับมามอง อีกทั้งที่มีการทำนายว่าเดือนพฤษภาคมนี้การเมืองจะร้อนแรงที่สุด อาจเป็นฝีมือการปล่อยกระแสของกลุ่มบ้านเลขที่ 111 นั่นเอง

แต่แท้จริงแล้ว ใครยังมีบารมี ใครหมดบารมี ใครทำอะไรอยู่ไหนอย่างไร? เป็นเรื่องที่ต้องหาคำตอบ

‘14 คน’ ในบ้านเลขที่ 111 ยังภักดี!

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวในพรรคเพื่อไทยสายชินวัตร ได้นำบัญชีรายชื่อบ้านเลขที่ 111 มาประเมินศักยภาพและบอกกับ ‘ASTV ผู้จัดการรายวัน’ ว่า คนที่ยังมาแรงอยู่นั้น นับคร่าวๆ ได้ 30 กว่าคน แต่จะมีเพียง 14 คนเท่านั้นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ให้ความไว้วางใจ และคนกลุ่มนี้ที่มีโอกาสได้ตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อครบกำหนดการตัดสิทธิ์ทางการเมือง

“คนกลุ่มนี้ทำงานใกล้ชิด คอยช่วยงาน และยังติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่สม่ำเสมอก็มีหลายคน ตั้งแต่คนใกล้ชิดที่ถือเป็นคนที่ช่วยงานตั้งแต่ในบริษัทชินวัตร และอดีต ส.ส.”

เริ่มตั้งแต่ ภูมิธรรม เวชชยชัย ที่ดูแลงานด้านการเมือง วางกลยุทธ์ทางการเมืองให้ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึงเพื่อไทย ภูมิธรรมยังเป็นตัวจริง ที่ทำหน้าที่เชื่อมทั้งนักการเมืองและกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อชี้ให้เห็นศักยภาพและบารมีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยในการบริหารประเทศ

ต่อด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช แม้พักหลังจะเบื่อการเมือง แต่การที่เขาเป็นคนใกล้ชิดในระดับ “คนชิน” ทำให้ นพ.พรหมินทร์ ยังมีภาพเป็นคนของทักษิณ คนของพรรคเพื่อไทย จึงต้องคอยช่วยเหลือเรื่องต่างๆ ให้พรรคอยู่ แม้จะไม่ได้เข้าไปในพรรคบ่อยนัก

ส่วนคนที่ช่วยงานไม่ขาดตกบกพร่องและไม่หนีหายจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เลยก็ยังมีอีกหลายคนที่น่าจับตา คนสำคัญได้แก่ พงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่รับทั้งตำแหน่งโฆษกและที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัวให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นหนึ่งในคีย์แมนดูแลการบริหารจัดการภายในพรรคเพื่อไทยในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณลำบากมาตลอด โดยเฉพาะงานด้านกฎหมายที่เขาถนัด

เช่นเดียวกับ จาตุรนต์ ฉายแสง ที่เดินเข้าออกพรรคเพื่อไทยเพื่อช่วยงานอย่างเปิดเผยมาตลอด เป็นอีกคนที่กลายเป็นคีย์แมนสำคัญของพรรคเพื่อไทย แม้จะมีข่าวว่า จาตุรนต์นั้นมีบางอย่างที่ยังเป็นประเภทเคมีไม่ตรงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่การที่จาตุรนต์ไม่เคยทิ้งพรรคเพื่อไทยเลย จึงมั่นใจว่าจาตุรนต์จะได้ปูมบำเหน็จจาก พ.ต.ท.ทักษิณ แน่นอน

ส่วน พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล คงไม่ต้องบอกถึงความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และการติดต่ออย่างสม่ำเสมอ เพราะบทบาทของพงษ์ศักดิ์แสดงให้เห็นว่าใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณอย่างยิ่ง ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณทำทีมฟุตบอล หรือแม้กระทั่งการนำขบวนนักการเมืองและคนเสื้อแดงไปรดน้ำดำหัว พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ลาว และกัมพูชา ล่าสุด เช่นเดียวกับ เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช แม้ไม่ได้เข้าไปช่วยงานในพรรค แต่ต่อสายตรงถึง พ.ต.ท.ทักษิณตลอด ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่จัดอยู่ในประเภทมองหน้ารู้ใจ

ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แม้ว่าจะเฟดตัวออกไปช่วยงานมูลนิธิไทยพึ่งไทยเต็มตัว แต่ในการเลือกตั้งทุกครั้ง ศึก กทม.ยังมีกุนซือหลักอย่างคุณหญิงสุดารัตน์คอยเป็นที่ปรึกษา แถมทุกวันนี้ยังมีเด็กในคาถาอย่าง อนุดิษฐ์ นาครทรรพ นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล เดินเกมดันแก้รัฐธรรมนูญช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นแม้คุณหญิงสุดารัตน์ จะไม่ได้เข้ามาทำงานให้พรรคเพื่อไทยอย่างเปิดเผย แต่เรื่องบารมีในพรรค คุณหญิงสุดารัตน์ยังมีอยู่

ขณะที่น้องสาว เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ (บ้านเลขที่ 111) กับสามี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ (บ้านเลขที่ 109) ยังเป็นผู้มีบารมีในพรรคเพื่อไทย ดูแลสายเหนือ มีคนใกล้ชิดหลายคน โดยเฉพาะคนใกล้ชิดที่เป็นคนบ้านเลขที่ 111 ด้วยกันที่เข้าไปมีบทบาทในพรรคเพื่อไทย เช่น วราเทพ รัตนากร ที่ 5 ปีผ่านมาได้กลับเข้าไปมีบทบาทในพรรคเพื่อไทยสูงมาก โดยเฉพาะช่วยงานด้านเศรษฐกิจของพรรค และจัดทัพเลือกตั้งภาคเหนือในการเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา ดังนั้น วราเทพ สายตรงเจ๊แดง คนนี้ กลับเข้าสู่แวดวงการเมืองและได้ปูนบำเหน็จทางการเมืองแน่นอน

นอกจากนี้ก็ยังมีคนที่ช่วยงานพรรคมาตลอด อย่าง วิชิต ปลั่งศรีสกุล ที่ทำงานด้านกฎหมายให้พรรคมาอย่างสม่ำเสมอ

ส่วนบ้านเลขที่ 111 ที่ไปอยู่สายแดง ใน นปช.เต็มตัวก็มีทั้ง วีระ มุสิกพงศ์, สุภรณ์ อัตถาวงศ์, อดิศร เพียงเกษ หรือแม้กระทั่ง ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ที่ยังเคลื่อนไหวสร้างฐานเสียงทางการเมืองอย่างต่อเนื่องกับคนเสื้อแดง ในจังหวัดพะเยา

“14 คนนี้ถือว่าภักดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เสมอมา โดยเฉพาะตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ลำบากก็ไม่เคยคิดว่าจะหนีเอาตัวรอด ขณะที่หลายคนแม้จะไม่กล้าเดินเข้าพรรคเพื่อไทยในเวลานี้อย่างเปิดเผย แต่กลับมีการต่อสายตรงถึง พ.ต.ท.ทักษิณตลอดเวลา เพื่อแสดงให้เห็นว่ายังคงซูฮก พ.ต.ท.ทักษิณในฐานะนายใหญ่” แหล่งข่าวระบุ

ดังนั้น วันนี้คำว่า บารมีของนักการเมือง หรือกลุ่มก๊วนทางการเมืองในพรรคเพื่อไทยนั้น ยังสำคัญไม่เท่ากับคนที่ภักดี และเชื่อว่าใครที่กล้าเปิดเผยตัวเองในขณะที่พรรค และ พ.ต.ท.ทักษิณ ลำบากสุด เมื่อหลุดจากบ้านเลขที่ 111 จะได้รับการปูมบำเหน็จจาก พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนกลุ่มแรก และยิ่งใครมีผลงานเข้าตา โอกาสได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ กระทั่งกระทรวงเศรษฐกิจเพื่อเร่งสร้างผลงานช่วยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็ยิ่งมีเส้นทางไปถึงดวงดาวมากกว่าคน “เก่ง” ที่ห่างไกล พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ แน่นอน!

“เนวิน-สุวัจน์-สมศักดิ์” ก็แค่ก๊วนการเมือง

สำหรับคนที่ออกจากพรรคเพื่อไทยไป คนเด่นๆ ก็ยังเป็นนักการเมืองในระดับเก๋าเกม

เริ่มจากคนที่ไปอยู่กับภูมิใจไทย นำโดย เนวิน ชิดชอบ แม้จะหันไปเอาดีด้านกีฬา และประกาศไม่กลับมาเล่นการเมือง แต่ยังไงก็ดูแล้วจะไม่พ้นสนามการเมือง ตามมาด้วย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายที่เป็นมือทำงานแทนเนวิน ชัดเจนมากในการบริหารงานในกระทรวงมหาดไทย ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญถึง

ขณะที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน, สรอรรถ กลิ่นประทุม แม้จะอยากพากลุ่มจำนวนประมาณ 7 คนกลับไปร่วมพรรคเพื่อไทย แต่ก็ยังมีความลังเลมาตลอด นอกจากนั้นยังมี สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, สุริยา ลาภวิสุทธิสิน, อนุชา นาคาศัย, เอกพร รักความสุข และ อนุทิน ชาญวีรกูล ที่มีข่าวเตรียมก้าวขึ้นตำแหน่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยทันทีที่หลุดคดียุบพรรคในเดือนพฤษภาคมนี้ด้วย

ขณะที่ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ชื่อนี้ยังทรงอิทธิพลในแวดวงการเมือง และมีข่าวว่าหันไปเชื่อม พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการจัดทริปไปญี่ปุ่นให้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ขณะนี้อยู่ในพรรคชาติพัฒนา ที่ยังมี จำลอง ครุฑขุนทด, สุชาติ ตันเจริญ และมีกลุ่ม 3 พี ที่วันนี้เหลือแค่ ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ กับ พินิจ จารุสมบัติ เข้ามาจับมือเป็นพันธมิตรทางการเมืองด้วย

สำหรับคนที่ออกไปและมีส่วนในการตั้งพรรคใหม่ อย่าง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คงยากที่จะหวนกลับมาช่วยงานพรรคเพื่อไทย เนื่องเพราะแตกหักกับ พ.ต.ท.ทักษิณมาก่อน มีแต่คนร่วมขบวนอย่าง สุรนันทน์ เวชชาชีวะ ที่มีแนวโน้มกลับไปช่วยงานพรรคเพื่อไทย โดยเวลานี้ก็รับตำแหน่งเป็นโฆษกประจำตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เรียบร้อยแล้ว!

ภูมิธรรม เวชยชัย (แฟ้มภาพ)
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช (แฟ้มภาพ)
พงศ์เทพ เทพกาญจนา (แฟ้มภาพ)
พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล (แฟ้มภาพ)
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (แฟ้มภาพ)
เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ (แฟ้มภาพ)
วราเทพ รัตนากร (แฟ้มภาพ)
อดิศร เพียงเกษ (แฟ้มภาพ)
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ (แฟ้มภาพ)
กำลังโหลดความคิดเห็น