แฉ"ปู"ตีกัน“อ๋อย”นั่ง รมต.เหตุปีนเกลียวแก้น้ำท่วม- “ตู่”จ่อเป็นอำมาตย์ตามคำสัญญา"แม้ว"

เผย “น้องปู” ไม่ปลื้ม “อ๋อย” ตีกันนั่ง รมต.สุดฤทธิ์ ฐานเคยปีนเกลียวช่วงแก้น้ำท่วม ชี้จำใจดึง “คางคกตู่” ร่วมวง ครม. เหตุ “แม้ว” หลุดปากสัญญาไว้หลายเวที

วันที่ 2 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีโดยมีชื่อของนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งกำลังจะพ้นจากการถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ว่าจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังแหล่งข่าวในทำเนียบรัฐบาล ได้รับการเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ยากที่นายจาตุรนต์จะกลับมารับตำแหน่งรัฐมนตรีหลังจากถูกตัดสิทธิทางการเมือง เนื่องจากที่ผ่านมาตระกูลฉายแสงไม่ประสบความสำเร็จจากการเลือกตั้ง และในช่วงที่มีการแต่งตั้ง นางฐิติมา ฉายแสง และนายชนะวิทย์ ฉายแสง มาดำรงตำแหน่งในรัฐบาล ก็เกิดคำถามภายในพรรคอย่างมากมายว่าเป็นการปูนบำเหน็จในลักษณะที่ว่าได้ขึ้นรางวัลทั้งที่ซื้อไม่ถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประเทศประสบปัญหาอุทกภัย นายจาตุรนต์ได้เข้าไปนั่งทำงานภายในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และมีการก้าวก่ายการทำงาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งพบว่าทำให้นายกรัฐมนตรีใช้วิธีการทำงานสวนทางกับนายจาตุรนต์

แหล่งข่าวเปิดเผยต่อว่า ที่ผ่านมาภาพของนายจาตุรนต์มักพยายามแสดงให้เห็นที่จะรอจังหวะส้มหล่มเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งแตกต่างจากสมาชิกบ้าน 111 คนอื่นๆ หลายคนที่พอใจกับตำแหน่งที่พรรคมอบหมาย เช่น นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ถึงแม้แต่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่พลาดเก้าอี้รัฐมนตรีครั้งที่ 1 แต่ไม่เคยที่จะออกมาพูดหรือบ่น ดังนั้น ตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งที่ 2 จึงไม่พลาดที่จะได้ดำรงตำแหน่ง

“ความพยายามสร้างภาพของนายจาตุรนต์ในช่วงน้ำท่วม ที่โชว์เหนือนายกรัฐมนตรีอยู่หลายครั้งแต่ก็เป็นการทำร้ายนายจาตุรนต์เอง ถึงกับมีการพูดว่าเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี ไม่พอสำหรับนายจาตุรนต์อีกต่อไป คงต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเลย” แหล่งข่าวระบุ

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ที่สำคัญช่วงเวลาดังกล่าวนอกเหนือจากเรื่องน้ำท่วม ยังเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่มีการพิจารณาคดีที่มีการยื่นเรื่องให้สอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีปกปิดโครงสร้างการถือหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ฐานร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งใช้เป็นพยานหลักฐาน และได้มีการพิจารณาว่าไม่ได้เป็นการรายงานเท็จ ซึ่งในเวลานั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้กล่าวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชายว่า ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองและต้องแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายกฯ คนต่อไปควรที่จะเป็นนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ น่าจะดีกว่า

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า โดยส่วนตัวนายกรัฐมนตรีเอง ขณะนี้ยังไม่ต้องการที่จะปรับคณะรัฐมนตรี เนื่องจากการทำงานร่วมกับคณะทำงานชุดนี้ถือว่ายังพอไปได้ โดยเฉพาะตั้งแต่ที่ได้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เข้ามาช่วยเหลือก็ยังทำงานไปได้ด้วยดี จึงมีความเป็นไปได้ว่าการปรับคณะรัฐมนตรีจะยังไม่ใช่ในช่วงเวลาในเร็ววันนี้ แต่ถ้าจะมีการปรับจริงก็จะเป็นในช่วงปลายเดือน มิ.ย.-ก.ค. อีกทั้งในส่วนของกระแสข่าวที่จะปรับให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทยนั้น โดยส่วนตัวนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีความต้องการแต่อย่างใด แต่ที่จะต้องนำเข้ามารับตำแหน่งนั้น เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศไว้ในช่วงของการโฟนอินในงานคอนเสิร์ตที่โบนันซ่า เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ว่า “ผมไม่เคยสงสัยคนเสื้อแดง คนที่เหมาะสมที่สุด คือ นายจตุพร” และยังพูดอีกหลายเวทีว่า “ต้องให้นายจตุพรมาพร้อมกับคนบ้านเลขที่ 111 และขอร้องไม่เกี่ยวกับใคร ยังไงนายจตุพรต้องได้” ดังนั้นนายกรัฐมนตรีคงจะยากที่จะปฏิเสธ